— ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! —
อาวุธที่ซ่อนอยู่จำนวนมากพุ่งเข้าล้อมโอวหยางฉี เขาไม่มีทางเลือก คว้าร่างขององครักษ์ที่อยู่ข้างกายทั้งสองมาบังเอาไว้
— ฉึก! ฉึก! —
องครักษ์สองคนที่จงรักภักดีต่อโอวหยางฉีถูกเจ้านายตนเองคว้ามาเป็นเกราะกำบัง เขาตายอย่างน่าอนาถทันที
ราชายอดยุทธ์ผู้หนึ่งวิ่งหนีความตายอย่างสุดชีวิต ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีอาวุธลับอยู่ในมือ ทว่ามิอาจต้านทานความเหี้ยมโหดของนางได้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ไม่ต้องตามไป หากตามไปเกรงว่าโอวหยางฉีจะลากพวกเจ้าลงนรกไปด้วย สำหรับข้า ชีวิตพวกเจ้ามีค่ามากกว่าเศษสวะอย่างโอวหยางฉีนั่นมาก”
มู่อีและคนอี่น ๆ รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก โอวหยางฉีเอาชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชามาเป็นเกราะกำบังเพื่อเอาตัวรอด จิตใจช่างโหดเหี้ยมเห็นแก่ตัวยิ่งนัก!
ผู้นำตระกูลของพวกเขานั้นไม่มีทางทำเช่นนี้เด็ดขาด!
ทันใดนั้น มู่สือซานกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ “ท่านผู้นำตระกูล แย่แล้ว! บุรุษผู้นี้ไม่หายใจแล้วขอรับ!”
“ไม่หายใจแล้วงั้นรึ ?!” มู่เฉียนซีผงะไป
หากกล่าวตามหลักเหตุผล คนของตระกูลโอวหยางไม่ได้ทำร้ายโดนเขา เขาไม่ควรตายเช่นนี้เลย เหตุใดถึงสิ้นลมหายใจไปเสียได้ ?
มู่เฉียนซีนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ เขาเพื่อตรวจสอบดู “ไม่เพียงแต่ไม่หายใจเท่านั้น หัวใจของเขาก็หยุดเต้นด้วย”
“หืม ? เขาตายอย่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก” องครักษ์เงากล่าวด้วยความสงสัย
มู่เฉียนซีตรวจสอบร่างกายของเขา ทันใดนั้นร่องรอยความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตานาง
“ผิดธรรมชาติแล้ว ไม่เพียงแต่หัวใจหยุดเต้น หัวใจของเขาก็หายไปด้วย!”
“โครงสร้างภายในร่างกายของเขาก็แปลกประหลาดอย่างยิ่ง!”
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วมุ่น ประหลาดใจอย่างที่สุด นางเรียนกายวิภาคศาสตร์ของหมอปีศาจมา ทว่านางไม่เข้าใจโครงสร้างภายในร่างกายของบุรุษผู้นี้เลย นี่ใช่โครงสร้างร่างกายมนุษย์หรือ ?
มู่อีกล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านผู้นำตระกูล ร่างของบุรุษผู้นี้แปลกประหลาดยิ่งนัก หรือว่าเราจะเผาทำลายไปเสียให้สิ้นซากเพื่อไม่ให้ท่านผู้นำตระกูลเป็นอันตราย”
คาดไม่ถึงเลยว่าคนที่ไม่มีหัวใจจะสามารถฆ่าคนได้มากมายเช่นนี้ ช่างแปลกประหลาดนัก แปลกประหลาดเกินไปแล้ว!
“บุคคลที่น่าสนใจอย่างนี้เผาทิ้งไปก็เสียดายแย่ นำร่างเขากลับจวน ข้าจะศึกษาอย่างรอบคอบดูอีกที”
ท่านผู้นำตระกูลกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ พวกเขาก็มิอาจขัดนาง
จากนี้ไปพวกเขาคงต้องระมัดระวังกันมากขึ้นแล้ว ห้ามปล่อยให้ศพบุรุษแปลกประหลาดผู้นี้ลุกขึ้นมาทำร้ายท่านผู้นำตระกูลเป็นอันขาด
— ตูม! —
มู่เฉียนซีกลับถึงจวนตระกูลมู่อย่างเงียบ ๆ ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดดังก้องขึ้นจากจวนตระกูลโอวหยาง
“โอวหยางฉี ข้าส่งวิญญาณนักรบไปให้เจ้ามากมายเช่นนั้นเพื่อให้เจ้าไปปลิดชีพมู่เฉียนซี แต่เจ้ากลับมาบอกข้าว่าวิญญาณทหารเป็นร้อย ๆ ตายสลายไปแล้วเช่นนั้นรึ ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าวิญญาณทหารเหล่านั้น ตระกูลโอวหยางต้องทุ่มเทไปมากมายเพียงใดกว่าจะเลี้ยงมาได้ ?”
โอวหยางจูดุด่าโอวหยางฉีด้วยเสียงอันดัง
โอวหยางฉีก้มศีรษะลง กล่าวว่า “พี่ใหญ่ ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าตระกูลมู่จะมีอาวุธที่น่ากลัวเช่นนั้น ข้า…”
โอวหยางจูโบกมือขัดก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องพรรณนาอะไรให้มากความ บุตรสาวของมู่เฟิงอวิ๋นผู้นี้ยากที่จะรับมือ ดูเหมือนว่าเรื่องแก้แค้นนาง เราจะต้องวางแผนกันในระยะยาว”
วันต่อมา เยวี่ยเจ๋อมาหามู่เฉียนซีที่จวนตระกูลมู่เพื่อรายงานเรื่องบางอย่างกับนาง ทว่าเมื่อได้ยินเรื่องสุดท้าย นางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ?! โอวหยางจูปฏิเสธชดใช้ค่าเสียหายให้ข้าเรื่องที่โอวหยางเฉียงไปทุบหอหมอปีศาจของข้าอย่างนั้นรึ ?”
นางลุกขึ้นยืน กล่าวอย่างกรุ่นโกรธ “เยวี่ยเจ๋อ เจ้าไปเก็บหนี้ที่ตระกูลโอวหยางกับข้าเดี๋ยวนี้เลย!”
…
ณ จวนตระกูลโอวหยาง
“ท่านผู้นำ ท่านผู้นำแย่แล้วขอรับแย่แล้ว! ผู้นำตระกูลมู่มู่เฉียนซีมาขอรับ ” ข้ารับใช้ของตระกูลโอวหยางเข้ามารายงานโอวหยางจู เขากุลีกุจอเข้ามาจนแทบล้มลุกคลุกคลาน
— ตูม! —
เมื่อได้ยินชื่อมู่เฉียนซี โอวหยางจูโกรธจนควันออกหู ราวกับร่างทั้งร่างของเขาเตรียมจะระเบิดเหมือนถังดินปืน ฉับพลันทันใด เสาต้นหนึ่งภายในห้องหักโค่นลงด้วยพลังรุนแรงที่กายเขาแผ่ซ่านออกมา
ดวงตาเขาประกายไฟโทสะเปี่ยมล้น
“มู่เฉียนซีสตรีโอหัง… ไม่อยากเชื่อเลยว่านางจะกล้ามาเหยียบจวนตระกูลโอวหยางของข้า!”
“ไม่ได้การแล้วขอรับท่านผู้นำ ท่านผู้นำตระกูลมู่บุกเข้ามาแล้วขอรับ พวกเราขวางเท่าไหร่ก็มิอาจขวางนางได้” ข้ารับใช้วิ่งเข้ามารายงานอย่างต่อเนื่อง
นี่เป็นครั้งที่สองที่มู่เฉียนซีมาเหยียบจวนตระกูลโอวหยาง เมื่อคนของตระกูลโอวหยางเห็นหน้าสตรีผู้นี้ที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใส พลันรู้สึกอยากปลิดชีพนางทิ้งเสีย
เมื่อคืนที่ผ่านมา นางสังหารวิญญาณทหารของตระกูลโอวหยางไปนับร้อย วันนี้ยังกล้าบังอาจมาหัวเราะเยาะเย้ยถึงที่จวน น่าหมั่นไส้นัก!
โอวหยางจูพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะระงับอารมณ์กรุ่นโกรธเอาไว้ เขากล่าว “ผู้นำตระกูลมู่ วันนี้มาถึงจวนตระกูลโอวหยางมีเรื่องอันใดรึ ?”
“ที่แท้ท่านผู้นำตระกูลโอวหยางก็ไม่เห็นรายการชดใช้ค่าเสียหายของหอหมอปีศาจนี่เอง เยวี่ยเจ๋อ เอาใบรายการชดใช้ค่าเสียหายออกมาให้ท่านผู้นำตระกูลโอวหยางอีกทีซิ”
แน่นอนว่าเรื่องนี้เขารู้อยู่แล้ว ทว่ามู่เฉียนซียังมาตามถึงจวนเช่นนี้อีกรึ ? เขากำใบรายการชดใช้ค่าเสียหายและขยี้ขยำอย่างรุนแรง
ท่านผู้นำตระกูลโอวหยางกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า “ผู้นำตระกูลมู่ แม้บุตรชายของข้าจะไปก่อเรื่องที่หอหมอปีศาจจนหอหมอปีศาจของท่านได้รับความเสียหาย ทว่าเขาก็ได้รับบทลงโทษอย่างรุนแรงแล้ว เหตุใดถึงได้ก้าวร้าวบุกมาถึงจวนตระกูลโอวหยางอีกเล่า ?!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “บุตรชายของท่านโดนคนอื่นทุบตี ไม่ใช่คนของตระกูลมู่และไม่ใช่คนของหอหมอปีศาจด้วย ท่านผู้นำตระกูลโอวหยาง ท่านกล่าวว่าได้รับบทลงโทษแล้วมันจะไม่ดูไร้ความรับผิดชอบไปหน่อยหรือ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวยืนยันว่าไม่ใช่คนของตระกูลมู่เช่นนี้ ทำเอาโอวหยางจูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นอีกครั้ง
“ท่านผู้นำตระกูลมู่ ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นมิใช่คนของตระกูลมู่ ทว่าเป็นท่านมิใช่รึที่เป็นคนยุยงให้คนเหล่านั้นทำร้ายโอวหยางเฉียง ?”
มู่เฉียนซียิ้มอย่างไร้พิษภัย
“หึ! ยุยงให้คนอื่นทำร้ายร่างกายบุตรชายท่านน่ะหรือ ? ข้าผู้นำตระกูลมู่จะกระทำเรื่องเหี้ยมโหดเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ท่านผู้นำตระกูลโอวหยาง ท่านสืบสาวเรื่องราวความจริงให้แน่ชัดก่อนจะดีกว่า หากท่านกล่าวว่าข้าเป็นคนยุยงคนเหล่านั้น อย่างน้อยท่านก็หาพยานมาก่อนสิ”
คนที่ทุบตีโอวหยางเฉียงเหล่านั้นต่างก็เผ่นหนีกันไปหมดแล้ว จะไปหาพยานมาจากที่ไหนได้ ?
ผู้นำตระกูลโอวหยางบันดาลโทสะ เขาโกรธแทบลมจับ เมื่อใดที่ผู้นำตระกูลมู่มา มักจะเป็นเรื่องไม่ดีทุกคราไป
มู่เฉียนซีกล่าวต่ออีกว่า “ท่านผู้นำตระกูลโอวหยาง แม้แต่หลี่อ๋องผู้เป็นโอรสของฮ่องเต้แห่งแคว้นจื่อเยี่ย ทำรถม้าข้าพังเสียหายยังต้องชดใช้ให้ข้าเลย บุตรชายคนรองของท่านทำลายหอหมอปีศาจของข้าเสียหายอย่างรุนแรง หากไม่ชดใช้ให้ข้าเช่นนี้จะทำให้ข้าโกรธมากท่านรู้หรือไม่ ?”
รอยยิ้มขี้เล่นปรากฏที่มุมปากของนาง “หรือว่าเราจะเข้าวังหลวงไปกราบทูลฝ่าบาท ให้ฝ่าบาทตัดสินเรื่องนี้ดีหรือไม่ ? ต่อให้บุตรชายคนรองของท่านจะสูงส่งกว่าหลี่อ๋อง หากทำลายข้าวของของตระกูลมู่เสียหายแล้วไม่ชดใช้ ข้าเกรงว่าเรื่องใหญ่โตอาจเกิดขึ้นก็เป็นได้”
โอวหยางจูเลิกคิ้ว แม้แต่หลี่อ๋องยังต้องชดใช้ค่าเสียหายให้นาง หากเขาไม่ชดใช้ให้และเรื่องไปถึงหูฮ่องเต้ มีหวังเขาต้องถูกถอดออกจากตำแหน่งเป็นแน่
“เฉียงเอ๋อร์มิอาจเทียบกับหลี่อ๋องได้ ค่าเสียหายทั้งหมดตระกูลโอวหยางจะต้องชดใช้ให้อย่างแน่นอน วางใจได้”
ทว่าเมื่อนึกถึงรายการที่จะต้องชดใช้ให้นางแล้ว โอวหยางจูแทบเป็นลม สามล้านเหรียญทองคำ สำหรับตระกูลโอวหยางที่เวลานี้ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสุดแสนหนักหนาสาหัส
“ท่านผู้นำตระกูลโอวหยาง หากท่านไม่มีเงินมากมายเช่นนั้นมาชดใช้ให้ข้า ท่านเอากิจการการค้าของท่านมาเป็นหลักประกันก่อนได้ ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้ขยายการค้าออกไปด้วย” มู่เฉียนซีกล่าว ทำท่าทีเอาใจใส่
ตระกูลมู่ทำให้ตระกูลโอวหยางไร้ทางออก หากนำการค้าของตระกูลโอวหยางไปเป็นหลักประกันอีกเช่นนี้ จะยิ่งทำให้ตระกูลโอวหยางไร้ซึ่งหนทางออก
ใบหน้าโอวหยางจูแข็งทื่อประหนึ่งไม้กระดาน ทว่าเจตนาของมู่เฉียนซีนั้นชัดเจน หากไม่ยอมชดใช้ให้ นางไม่ยอมไปแน่ หากทำให้นางโกรธอีกครา มีหวังนางต้องเอาอาวุธลับมาพังทลายจวนตระกูลโอวหยางอย่างมิต้องสงสัย
อดทนไว้!
โอวหยางจูมอบทองคำให้นางด้วยความจำใจ ทองคำไม่พอก็นำการค้าของตระกูลมอบให้นางเพื่อเป็นหลักประกัน
ขณะนี้ในจื่อตูไม่มีหอการค้าของตระกูลโอวหยางหลงเหลืออยู่เลย การค้าในเมืองอื่น ๆ ของตระกูลก็หายไปมากเช่นกัน
นับจากนี้ไป ตระกูลโอวหยางต้องหาวิธีแก้ไขแล้ว มิเช่นนั้นมีหวังทั้งตระกูลได้อดตายเป็นแน่แท้!
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวเสียงหยอกเย้า “ท่านผู้นำตระกูลโอวหยางปราดเปรื่องยิ่งนัก เช่นนั้นข้าต้องขอตัวกลับก่อน ไม่รบกวนท่านไปส่ง”
โอวหยางจูทำได้เพียงกำหมัด ระงับความโกรธ หากขืนเห็นหน้านางบ้ามู่ผู้นี้ต่อ มีหวังเขามิอาจทนได้ไหว
หลังจากที่มู่เฉียนซีกับเยวี่ยเจ๋อเดินออกไป เยวี่ยเจ๋อกล่าวถามขึ้นมา
“พี่ใหญ่ นี่ไม่ใช่ทางออกจวนตระกูลโอวหยางมิใช่หรือ ?”
.