หลังจากได้ยินรายงาน ดวงตาเยวี่ยเจ๋อพลันเปล่งประกายแสงเย็นวาบ
“โอวหยางเฉียงกล้าบุกมาก่อเรื่องที่หอหมอปีศาจรึ ? รนหาที่ตายแท้ ๆ!”
“ไป!”
ร่างสีฟ้ารวดเร็วราวกะพริบ ครู่เดียวเยวี่ยเจ๋อก็มาถึงหอหมอปีศาจ
— เพล้ง! —
— ปัง! —
— ตูม! —
“ทุบ! ทุบ! ทุบให้หมด! ขายโอสถรึ ? เหอะ! โอสถปลอมทั้งนั้นเอาออกขายได้เยี่ยงไร ทุบให้พังให้หมด”
โอวหยางเฉียงสวมชุดคลุมจีนชายยาว ยืนสั่งการให้คนของตนทุบทำลายข้าวของภายในหอหมอปีศาจ เดิมทีตึกโอสถแห่งนี้เป็นหอการค้าของตระกูลโอวหยาง พวกเขาคิดว่าหากมู่เฉียนซีไม่มีสูตรโอสถอยู่ในมือ นางคงจะทำการค้านี้ต่อไปไม่ได้
ทว่าภายในเวลาเดือนเดียว หอหมอปีศาจกลับกลายเป็นสถานที่ขายโอสถที่ผู้คนในจื่อตูกล่าวขานกันอย่างหนาหู ทำให้การค้าของตระกูลโอวหยางพังทลายลง
เดือนนี้ตระกูลโอวหยางดิ้นรนในการหาเงินเป็นอย่างมาก แม้แต่ค่าขนมของเขาก็หดหายไปมาก เป็นเช่นนี้แล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้เยี่ยงไรกันเล่า ? ดังนั้น เขาจึงนำคนของตระกูลโอวหยางมาทำลายตึกหอหมอปีศาจ
เยวี่ยเจ๋อกล่าวน้ำเสียงเยือกเย็น “โอวหยางเฉียง เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
โอวหยางเฉียงกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “เยวี่ยเจ๋อ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสั่งข้า ?”
ในเวลาเดียวกันนั้น น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกก็ดังขึ้น “แล้วหากว่าข้าเป็นคนสั่งให้เจ้าหยุดล่ะ ?”
“พี่ใหญ่!”
“ท่านผู้นำตระกูล!”
เยวี่ยเจ๋อและคนอื่น ๆ กล่าวด้วยความเคารพ ทุกคนต่างหันมองสตรีในชุดผ้าแพรพลิ้วสีม่วง นางเดินทอดน่องมาอย่างช้า ๆ ดูงดงามราวกับออกมาจากภาพวาดปลายพู่กัน
มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงว่าเปิดหอการค้ามาเพียงเดือนเดียว จะมีคนกล้าเข้ามาพังทำลายข้าวของหอการค้าของตระกูลมู่เสียแล้ว
โอวหยางเฉียงยังคงกล่าว สุ้มเสียงเกรี้ยวกราด “หอหมอปีศาจของเจ้าขายโอสถปลอม เหอะ! ต่อให้คนอย่างมู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่มาด้วยตัวเองข้าก็ไม่สน พังให้หมด!”
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเยียบเย็น “โอวหยางเฉียง หากเจ้ายังคงทำลายข้าวของของข้าต่อไป เกรงว่าเจ้าจะเดือดร้อน ต่อให้เจ้าขายร่างกายก็ไม่พอชดใช้ค่าเสียหายให้ข้า”
โอวหยางเฉียงหัวเราะ กล่าววาจายั่วเย้า “ฮ่า ๆ ๆ เชิญพล่ามไป ข้าทำลายและจะไม่ชดใช้อะไรให้เจ้าทั้งนั้น ดูซิว่าเจ้าจะทำไม ?”
การเผชิญหน้าครั้งนี้โอวหยางเฉียงมั่นใจอย่างมาก เพราะเขามีเงาลับของท่านพ่อคอยปกป้องอยู่ อีกทั้งองครักษ์ที่เขานำมา ล้วนแต่เป็นเหล่าบรรดาจอมยุทธ์ เหล่าบรรดาเสี่ยวเอ๋อร์ในหอหมอปีศาจแห่งนี้มิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
“จะทำไมอย่างนั้นหรือ ?” ดวงตาดำขลับดุจน้ำหมึกปรากฏประกายแสงเย็นวาบ
“องครักษ์เงาออกมา! โยนเศษสวะพวกนี้ออกไปจากหอหมอปีศาจของข้าเดี๋ยวนี้!”
ไม่รอช้า องครักษ์เงาเริ่มลงมือทันที เยวี่ยเจ๋อเริ่มลงมือด้วยเช่นกัน
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอยู่นั้น โอวหยางเฉียงกล่าวอย่างลำพองตน “มู่เฉียนซี คนของเจ้าน้อยกว่าคนของข้า เจ้าคิดจะกำจัดข้ารึ ? เหอะ! เจ้าฝันไปเถอะ”
มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “โอวหยางเฉียง เจ้าแน่ใจรึว่าคนของเจ้าเยอะ ?”
ทันใดนั้น นางป่าวประกาศขึ้นเสียงดัง “ทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ หากผู้ใดช่วยข้าต่อยโอวหยางเฉียง ข้าจะมอบยาลูกกลอนระดับหนึ่งให้โดยมิต้องจ่ายเงินทอง ผู้ใดต่อยเยอะที่สุด มาเอายาลูกกลอนระดับสองจากข้าไปได้เลย”
ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาซื้อยาลูกกลอนที่นี่ ล้วนแต่เป็นผู้ฝึกฝนพลัง สรรพคุณของยาลูกกลอนนี้พวกเขาทราบดีว่ามันเห็นผลดียิ่งนัก แต่ยาลูกกลอนเป็นยาที่หาได้ยากและราคาสูง
วันนี้ท่านผู้นำตระกูลมู่ฟุ่มเฟือยอีกครั้ง หมัดแลกยาลูกกลอนชั้นดีเช่นนี้จะหาได้ที่ไหนอีก ไม่ตอบรับก็บ้าแล้ว!
ต่อให้ตระกูลโอวหยางจะกลับมาเล่นงานพวกเขาในภายหลัง ทว่าก็คุ้มค่ายิ่งนักหากได้ยาลูกกลอนของท่านผู้นำตระกูลมู่มาแล้วรีบกลืนกินลงคอ
คำพูดของมู่เฉียนซีจุดประกายวิญญาณนักสู้ของผู้คนในบริเวณนั้นทันที
‘จะมัวรอช้าอยู่ใย ลงมือเลยสิ! ขืนช้ากว่านี้มีหวังพลาดโอกาสดีนี้ไปเป็นแน่!’
องครักษ์ของโอวหยางเฉียงใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ มีผู้หนึ่งได้สติ รีบกล่าว “คุ้มครองความปลอดภัยให้คุณชายรอง! เร็ว รีบไปคุ้มกันให้คุณชายรองเร็วเข้า!”
“พวกเจ้าทั้งหมดสมควรตาย กล้าคิดจัดการกับข้ารึ ? รนหาที่ตายแล้ว!”
ผู้คนนับร้อยรุมล้อมโอวหยางเฉียง ฉากตะลุมบอนเกิดประหนึ่งฉากปะทะกันของตัวละครโรงงิ้ว
สำหรับคู่ต่อสู้ของเยวี่ยเจ๋อในตอนนี้ไม่สนใจที่จะจัดการกับเขาแล้ว รีบไปคุ้มกันคุณชายรอง
มู่เฉียนซี “เยวี่ยเจ๋อ ไม่ต้องออกแรงแล้ว ขึ้นมานับเถอะ”
เยวี่ยเจ๋อมองนางเล็กน้อย พยักหน้าตอบ
สถานการณ์การตะลุมบอนเริ่มวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ องครักษ์ของตระกูลโอวหยางพยายามที่จะปกป้องคุณชายรอง ทว่าพวกเขามิอาจต้านทานเอาไว้ได้ ผู้คนที่มารุมมีมากเกินไป อีกทั้งยังมีเงาลับของตระกูลมู่ที่คอยรั้งพวกเขาเอาไว้ พวกเขาจึงทำได้เพียงแต่มองดูคุณชายรองโดนรุม
“อ๊าก!” โอวหยางเฉียงร้องตะโกน ความเจ็บปวดแล่นเข้าเล่นงานทั่วกาย
พลังของโอวหยางเฉียงมิสามารถเทียบกับท่านพี่และน้องสาวของเขาได้ เขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ เมื่อโดนรุมล้อมเช่นนี้ ไม่สามารถหลบได้
— ผลัวะ! —
— ปัง! ปัง! ปัง! —
— ตูม! —
ทุกคนต่อยแล้วต่อยอีก เตะแล้วก็เตะอีก ยิ่งเตะมากเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสได้รับยาจากท่านผู้นำตระกูลมู่มากขึ้นเท่านั้น
ด้วยชื่อเสียงของหอหมอปีศาจ อีกทั้งท่านผู้นำตระกูลมู่เป็นผู้ร่ำรวยล้นฟ้าท่วมผืนดิน พวกเขาไม่กลัวว่านางจะผิดคำพูด
“อั่ก!”
โอวหยางเฉียงโดนรุม กระอักเลือดกบปาก
“หึ!” มู่เฉียนซีแค่นเสียงสะใจ ในเวลานั้นเอง หางตาคู่งามเห็นชายแปลก ๆ ที่อยู่กลางวงตะลุมบอน เขาสวมเสื้อคลุมสีเขียวแกมน้ำเงิน ใส่หน้ากากปกปิดใบหน้าเอาไว้
นางดูออก คนอื่น ๆ นั้นต่างก็หวาดกลัวโอวหยางเฉียงจึงยั้งมือไม่เตะรุนแรงเกินไป ทว่าบุรุษแปลกหน้าผู้นั้นลงมือราวกับหมายเอาชีวิตโอวหยางเฉียง ทั้งจากสีหน้าของเขา ประหนึ่งต้องการส่งไปนรกภูมิก็มิปาน!
ขณะที่โอวหยางเฉียงโดนรุมจนอ้าปากหายใจพะงาบ ๆ มู่เฉียนกล่าวขึ้น “พอแล้ว ทุกคนเข้าแถวมารับยาได้ ทุกคนทำได้ดีแค่ไหนข้าเห็นข้าจำได้หมด”
เม็ดยาถูกแบ่งออกไปทีละเม็ดราวกับเป็นเศษเงิน
ทุกคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้นำตระกูลมู่ใจกว้างยิ่งนัก!”
“ท่านผู้นำตระกูลมู่ช่างใจกว้าง ช่างประเสริฐแท้!”
ยาลูกกลอนระดับสองพวกเขาไม่เอ่ยขอ พวกเขารู้ตัวดีว่ายานั่นไม่เหมาะกับพวกเขา ทว่าพวกเขาหันไปมองบุรุษชุดเขียวแกมน้ำเงินผู้นั้น เขาช่างเหี้ยมโหดแท้ ๆ!
หลายคนผุดความคิด ‘โหดจริง ๆ เลยพ่อหนุ่มผู้นี้ ดูเหมือนไม่เกรงกลัวตระกูลโอวหยางเอาคืนแม้แต่น้อย’
รับยาแล้วต่างก็แยกย้ายวิ่งหนีกันไป เหลือเพียงโอวหยางเฉียงที่ฟุบตัวอยู่กับพื้นด้วยสภาพน่าเวทนา
— ผลัวะ! —
บุรุษแปลกหน้าชุดเขียวแกมน้ำเงินผู้นั้นชกใบหน้าโอวหยางเฉียงอย่างรุนแรง ผู้ใดเห็นฉากนี้ก็ต้องคิดว่าเขาเหี้ยมโหดเหลือจะทน
มู่เฉียนซีโบกมือ กล่าวว่า “น้องชาย ขอบใจเจ้ามาก พอเถอะ มารับยาได้”
ยาลูกกลอนระดับหนึ่งจำนวนหกสิบเม็ด อีกทั้งยาลูกกลอนระดับสองหนึ่งเม็ดทั้งหมดถูกส่งมอบให้กับบุรุษแปลกหน้าผู้นี้ภายในชั่วพริบตาเดียว
บุรุษแปลกหน้ารับยาทั้งหมดมา ทว่ามีสิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องนิ่งอึ้งตะลึงลานคือ…
เขากลืนยาทั้งหมดลงคอในรวดเดียว!
ผู้คนเบิกตากว้าง เริ่มขยับมามุงดู “สวรรค์! บุรุษผู้นี้บ้าไปแล้ว กลืนเข้าไปทีเดียวเช่นนี้ไม่กลัวร่างระเบิดหรืออย่างไร ?!”
“กินหลายเม็ดพร้อมกันเช่นนี้ไม่เสียดายรึ ?! นั่นยาลูกกลอนระดับสองเชียวนา กลืนกินเสียไม่เหลือซาก บัดซบเอ๊ยข่าล่ะเสียดายแทน”
แม้แต่หมอปีศาจมู่เฉียนซียังประหลาดใจกับวิธีการกินยาลูกกลอนของเขา ทว่าบุรุษผู้นี้หายตัวไปในทันทีหลังจากกลืนยาทั้งหมดลงคอ
องครักษ์ตระกูลโอวหยางถูกคุมตัวโดยองครักษ์เงาของตระกูลมู่
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า… “นำตัวทั้งหมดไปจวนตระกูลมู่ ข้าจะคิดค่าเสียหายกับตระกูลโอวหยางสักหน่อย”
“ขอรับท่านผู้นำ!”
“ท่านผู้นำขอรับ บุรุษแปลกหน้าผู้นั้นไม่ได้ไปจากจื่อตู ทุกคนที่รุมทำร้ายโอวหยางเฉียงรับยาลูกกลอนเสร็จก็รีบหนีออกไปจากจื่อตูทันที ทว่าบุรุษผู้นั้นยังคงอยู่ในจื่อตูขอรับ”
องครักษ์เงารีบเข้ามารายงานให้มู่เฉียนซีทราบ
.