ถึงแม้ว่าหม่าป๋อจะเป็นเพียงคนขับรถม้าของท่านผู้นำตระกูลมู่ แต่ความสามารถของเขาก็ไม่ด้อยนัก ก่อนที่รถม้าจะถูกโจมตี เขาก็ออกไปก่อนอย่างปลอดภัย
หญิงสาวสวมชุดสีม่วงประหนึ่งบินออกจากรถม้าร่อนกายทอดลงสู่พื้นอย่างงดงาม ผิวพรรณนุ่มลื่นไหลไปตามสายลม ผิวพรรณนางเหมือนผ้าแพรที่พลิ้วไหวไปกับสายลม น่าอิจฉาริษยายิ่งนักในสายตาหญิงทั่วไป
มองเห็นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ซวนหยวนหลี่เทียนตกตะลึง
ชุดกระโปรงยาวผ้าแพรสีม่วงอันหรูหรา กอปรกับเรือนร่างเพรียวบางช่างงดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวพรรณใต้คอ แลดูดีเสมือนหยกสีขาวก็ไม่ปาน
ช่างสูงศักดิ์แลดูสูงส่ง ช่างสง่างามเหมือนสายลม ความสามารถโดดเด่นเป็นสง่า ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพรรณนาความงามนางแล้ว สำหรับมู่เฉียนซีนางนี้… ไม่สามารถใช้คำพูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยคบรรยายออกมาได้
ซวนหยวนหลี่เทียนกำมือแน่น ให้ตาย! แค่เพียงครึ่งเดือน การเปลี่ยนแปลงของมู่เฉียนซีนับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ นับวันนางยิ่งดึงดูดสายตาผู้คนให้ไม่อาจละสายตาไปจากนางได้
มู่หรูอวิ๋นที่เพิ่งจะลงจากรถม้า ได้เห็นมู่เฉียนซีที่ดูสะดุดตามากกว่าแสงดาวระยิบระยับ ช่างดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลเสียยิ่งกว่าดวงจันทรา ก็ตะลึงงันตามซวนหยวนหลี่เทียน สตรีสวยงามผู้นั้นยืนนิ่งค้างอยู่ต่อหน้านาง ทำให้ตัวนางเองเกิดความรู้สึกด้อยคุณค่าและอับอาย
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ข้ากำลังอยากจะเปลี่ยนรถม้าอยู่พอดี หลี่อ๋องช่วยข้าหน่อยเถอะ มูลค่ารถม้าของข้าหนึ่งล้านเหรียญทองคำ หลี่อ๋องต้องการชดใช้ในตอนนี้ หรือว่าจะจดบัญชีค้างเอาไว้ก่อนดีล่ะ ?”
ทุกคนแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง มู่เฉียนซีอยู่หน้าประตูทางเข้าวังหลวง สั่งให้องครักษ์เงาของนางลงมือต่อสู้กับทหารเฝ้ารักษาการณ์ราชวัง หลังจากนั้นพูดจาไม่ให้เกียรติกับหลี่อ๋อง ทำให้หลี่อ๋องโกรธพลั้งลงมือกับนาง ทำร้ายรถม้าของนาง
แต่ใครจะคาดคิดว่านางยังจะใจกล้า หลอกลวงหลี่อ๋องอีก
ถึงแม้รถม้าจะมีแสงทองดูอร่ามตา ช่างเลิศหรูอลังการ แต่มันมีมูลค่าไม่ถึงเงินจำนวนที่นางเรียกร้องแน่
นี่เป็นการต้มตุ๋นหลอกลวงกันอย่างเห็นได้ชัด!
เส้นเลือดบนมือของซวนหยวนหลี่เทียนปูดโปนแทบจะระเบิดออกมา
“มู่เฉียนซี เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
“หลี่อ๋อง เรื่องราวในวันนี้ทุกคนเห็นอยู่ หรือว่าท่านไม่อยากชดใช้ให้ข้า ? ติดเงินของข้าไม่คืน น่าอนาถใจนะจะบอกให้” มู่เฉียนซีฉายแววตาเยือกเย็นแม้วาจาจะติดขี้เล่นไปอยู่บ้าง
“กล้าต้มตุ๋นหลอกลวงข้ารึ ? ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะมีปัญญาสู้ข้าได้หรือเปล่า ?” ซวนหยวนหลี่เทียนรวมพลังวิญญาณมหาศาลโจมตีใส่มู่เฉียนซี
ครั้งก่อนที่เขาพ่ายแพ้แก่นาง เขาได้รับการกระตุ้นและฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งในเวลาต่อมา และในตอนนี้… ได้เป็นผู้บำเพ็ญภูตระดับหกแล้ว ถึงแม้จะได้ยินว่ามู่เฉียนซีประลองชนะเยวี่ยเจ๋อที่มีระดับผู้บำเพ็ญภูตระดับหกเช่นกัน แต่นั่นเป็นเพียงการแสดงที่เยวี่ยเจ๋อร่วมมือกับมู่เฉียนซี ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี
วันนี้เขาจะต้องต่อสู้อย่างดุเดือดให้มู่เฉียนซีสตรีน่าหมั่นไส้ผู้นี้พ่ายแพ้ ทำให้นางสยบแทบเท้าเขา ล้างความอัปยศในคราก่อนให้ได้
แต่ยังไม่ทันที่ซวนหยวนหลี่เทียนจะเข้าใกล้มู่เฉียนซี ร่างสีฟ้าก็ปรากฏตัวมาบดบังการโจมตีของซวนหยวนหลี่เทียน
— ปัง! —
คนที่มาถึงมิสะทกสะท้านใด ๆ เป็นดั่งเช่นขุนเขาบดบังด้านหน้ามู่เฉียนซี แต่ร่างกายของซวนหยวนหลี่เทียนถูกโจมตีจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว และเกือบจะเซล้มลงไปที่พื้น
“แค่ก ๆ ๆ” เขารู้สึกได้ว่ามีกลิ่นหวานคาวโลหิตมาจากลำคอ และเลือดสดเริ่มไหลออกมาตามมุมปาก
มู่เฉียนซี “เยวี่ยเจ๋อ เจ้ามาทันเวลาพอดี”
ริมฝีปากของเยวี่ยเจ๋อกระตุก พวกลูกหลานตระกูลเยวี่ยเพียงแค่ออกมาช้าหน่อย พี่ใหญ่ของเขาก็อยู่หน้าประตูวัง ทำเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้เสียแล้ว
ดวงตาของซวนหยวนหลี่เทียนแทบจะลุกเป็นไฟ
“เยวี่ยเจ๋อ เจ้ากล้าลงมือกับข้ารึ ?!”
เยวี่ยเจ๋อกล่าว น้ำเสียงขรึมเข้มเต็มที่ “หลี่อ๋อง ข้าเพียงแค่อยากจะปกป้องคนที่ข้าต้องปกป้องเท่านั้นเอง ถ้าทำผิดประการใด ได้โปรดประทานอภัยด้วย”
ซวนหยวนหลี่เทียนโมโห รู้สึกจุกอัดอั้นในอกจนปอดแทบแตก สองคนที่อยู่ตรงหน้า หญิงสาวสวยสะดุดตากับชายหนุ่มสง่างาม ได้เห็นก็รู้สึดขัดสายตายิ่งนัก
คำด่าสาปแช่งต่าง ๆ นานาผุดในใจ สำหรับเขา สองคนตรงหน้าเป็นคู่หญิงร้ายชายชั่ว
“มู่เฉียนซี เจ้าช่าง… เจ้าช่างดีมากนัก! เพิ่งยกเลิกหมั้นหมายกับข้าไป เจ้ากับเยวี่ยเจ๋อตระกูลเยวี่ยก็อยู่ด้วยกันแล้ว กลัวว่าก่อนหน้านั้นพวกเจ้าสองคนคงมีสัมพันธ์ลับกันแล้วล่ะสิ” ซวนหยวนหลี่เทียนมองพวกเขาสองคนด้วยสายตาอาฆาต
เยวี่ยเจ๋อพลอยโดนไปด้วยทั้งที่ไม่รู้เรื่อง เขาพบมู่เฉียนซีครั้งแรกที่สนามการประลองจินอู๋ถาง วันนี้เขามาทำตามหน้าที่น้องชายคุ้มครองพี่ใหญ่เท่านั้น
ไม่คาดคิดว่าหลี่อ๋องจะมีจินตนาการมากล้นถึงเพียงนี้ ช่างกล้ากล่าวหาว่าพวกเขาเป็นชู้กัน
มู่เฉียนซียิ้มเย็น กล่าวสวนไป “เหอะ! หลี่อ๋อง อย่าคิดว่าทุกคนจะคิดเรื่องงี่เง่าได้เหมือนกับตัวท่าน เรากำลังคุยกันถึงเรื่องชดเชยค่าเสียหาย ท่านอย่าได้นำเรื่องซุบซิบนินทามั่วซั่วเหล่านั้นมาเบี่ยงเบนหัวข้อ ไม่อยากชดเชยใช่ไหม ?!”
เขากับมู่หรูอวิ๋นสิ ถึงจะเป็นคู่หญิงร้ายชายชั่วตัวจริง ยังจะกล้านำเรื่องไม่ดีมาว่าร้ายใส่นางอีก
ขณะที่ซวนหยวนหลี่เทียนโมโหจนจะเป็นบ้า องครักษ์อารักขาของวังหลวงสามร้อยนายก็ถูกท่านแม่ทัพที่เป็นคนตระกูลโอวหยางพามา
โอวหยางสือหลง พ่อแท้ ๆ ของโอวหยางซินนำอยู่ด้านหน้า สายตาเขาเคลือบแฝงแรงอาฆาต มองจ้องมู่เฉียนซีไม่วางตา ลูกชายสุดที่รักของเขา เป็นเพราะมู่เฉียนซีถึงกลายเป็นคนพิการ วันนี้เขาจะต้องให้นางชดใช้อย่างสาสม
โอวหยางสือหลงเดินไปข้างหน้า ทำการคารวะซวนหยวนหลี่เทียน “คารวะหลี่อ๋อง”
ซวนหยวนหลี่เทียนยามนี้สายตามีแต่ความเยือกเย็น องครักษ์เงาตระกูลมู่ร้ายกาจ แต่คนไม่พอมีแค่สิบคน แต่เขา เขามีสุดยอดองครักษ์อารักขาสามร้อยนาย ยังจะนำตัวนางไปไม่ได้หรือ ?
ซวนหยวนหลี่เทียนกล่าว น้ำเสียงเย็นชา “โอวหยางสือหลง นำทหารเข้าไปจับสตรีคิดกบฏนี่และเยวี่ยเจ๋อมาให้ข้า”
“ขอรับ”
“เลี่ยเจิ้น จับพวกมันเสีย” โอวหยางสือหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงใส
ท่าไม่ดี เยวี่ยเจ๋อหันไปกล่าวกับมู่เฉียนซี “พี่ใหญ่ วันนี้ท่านดูจะเล่นหนักไป ข้าขัดขวางพวกเขาให้เอง ท่านรีบหนีไปเถอะ”
มู่เฉียนซีกล่าวบ้าง “เล่นหนักที่ไหนกัน ? ตอนนี้ข้าแค่เพียงทดสอบความสามารถเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
องครักษ์อารักขาเริ่มลงมือ มู่เฉียนซีร่างกะพริบหายไปปรากฏตัวยังจุดที่ซวนหยวนหลี่เทียนอยู่
โอวหยางสือหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงตะหนกตกตื่น “ปกป้องหลี่อ๋องเร็ว!”
— ตุบ! —
แต่ความว่องไวของมู่เฉียนซีเทียบกับอายุนางถือได้ว่าท้าทายฟ้าดิน คนของเขาขัดขวางมู่เฉียนซีไว้ไม่อยู่
ซวนหยวนหลี่เทียนยังไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกมู่เฉียนซีที่เข้ามาใกล้ ใช้เข็มแหลมขนาดเล็กเล็งไปที่เส้นชีพจรใหญ่ที่ต้นคอของซวนหยวนหลี่เทียน
“พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะรีบส่งหลี่อ๋องไปเที่ยวเล่นในยมโลกประเดี๋ยวนี้แหละ” มู่เฉียนซียิ้มร้าย นางขู่เข็ญอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งนั้น
เป็นเช่นนี้… หัวใจของเยวี่ยเจ๋อแทบจะหยุดเต้นแล้ว การเป็นน้องชายของนาง จำเป็นต้องมีหัวใจที่แข็งแกร่งเพียงใดกัน ? เขาจำต้องแข็งแกร่งให้มาก ไม่อย่างนั้นเกิดวันหนึ่งถูกพฤติกรรมอันใจกล้าของนางทำให้ตกใจตาย จะทำอย่างไร ?
สร้างความเดือดร้อนที่หน้าประตูพระราชวังเป็นเรื่องเล็กน้อยไปในทันที เพราะในเวลานี้นางนำชีวิตของหลี่อ๋องมาเป็นตัวประกัน นี่สิถึงเรียกว่าเป็นเรื่องใหญ่
“บ้าไปแล้ว มู่เฉียนซี เจ้ามันช่างยโสโอหังนัก!”
คุณชายทั้งหลายที่มุงดูอยู่รอบ ๆ แต่ละคนลูกตาแทบจะถลนออกนอกเบ้า
“สวรรค์! นางกล้านำชีวิตของหลี่อ๋องเป็นตัวประกัน ในใต้หล้านี้มีเรื่องอะไรที่ท่านผู้นำตระกูลมู่ไม่กล้าทำบ้าง ช่างบ้าคลั่งจริง ๆ”
โอวหยางสือหลงนำองครักษ์อารักขามาล้อมมู่เฉียนซีไว้ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น วาจาไม่แข็งกร้าวเหมือนก่อน
“มู่เฉียนซี เจ้ารีบปล่อยหลี่อ๋องเดี๋ยวนี้ หากหลี่อ๋องเป็นอะไรไป เจ้ารอการประหารเก้าชั่วโคตรดะ… ได้เลย”
มู่หรูอวิ๋นใบหน้าซีดเผือด กล่าวบ้าง “มู่เฉียนซี เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือไร ?! รีบปล่อยท่านหลี่อ๋องเสีย ถึงเจ้าจะก่อเรื่อง แต่ก็ไม่ควรนำอนาคตของตระกูลมู่ทั้งหมดมาล้อเล่น”
มู่เฉียนซียิ้มเจ้าเล่ห์ กล่าวขึ้น “หลี่อ๋อง วิธีการอันอ่อนโยนแก้ปัญหาไม่ได้ ข้าเพียงแค่ใช้วิธีการพิเศษ ท่านทำรถม้าของข้าพัง ก็จงชดใช้เงินมา”
มุมปากของทุกคนต่างกระตุก นี่เป็นเวลาอะไรกันแล้ว ? ท่านผู้นำมู่ยังจำเรื่องเงินได้ ในสายแต่มีแต่เรื่องเงินจริง ๆ
ความเยือกเย็นของเข็มเล็กนั้นแฝงรังสีสังหารเต็มล้น ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูก
ซวนหยวนหลี่เทียนกล่าว “ซีเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าปล่อยข้าก่อน เจ้าขออภัยโทษกับข้า และข้าจะไม่ถือสาเอาความ”
“เจ้าฟังไม่เข้าใจคำพูดคนหรืออย่างไร ?” มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว ขยับเคลื่อนไหวเข็มปลายแหลมทิ่มเข้าที่ผิวหนังบริเวณคอของเขา จนเลือดสด ๆ เริ่มไหลออกมา
.