ตอนที่ 1033: ต่อสู้กับ ซาร์ ไคยุน (3)
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของพลังแห่งการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินทำให้ท่าทีของซาร์ ไคยุนเปลี่ยนไป นางอดไม่ได้ที่จะโจมตีไปที่เจี้ยนเฉินช้าลงเล็กน้อย
นี่เป็นเพราะในตอนนี้ ซาร์ ไคยุนดูเหมือนจะสัมผัสได้ว่าเจี้ยนเฉินไม่ได้มีเลือดเนื้อ และเขาคือกระบี่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนโลกและเปล่งรัศมีปราณกระบี่ที่น่าตกใจออกมา ซาร์ ไคยุนรู้สึกเหมือนว่านางกำลังมองไปที่กระบี่ในขณะที่นางกำลังเผชิญหน้ากับเจี้ยนเฉิน ซึ่งทำให้นางตกใจมาก
รุยจิน เฮยยู่ และหงเหลียนทั้งหมดก็เคร่งเครียดขึ้นมาเช่นกัน พวกเขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจ ความคิดแบบเดียวกันกับที่ซาร์ ไคยุนคิดก็เกิดขึ้นในหัวของพวกเขาเช่นกัน เจี้ยนเฉินในตอนนี้ดูไม่เหมือนคนสำหรับพวกเขา เขาค่อนข้างเหมือนกระบี่ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์
“นะ นี่คือทักษะการต่อสู้งั้นหรือ ? ” เฮยยู่จ้องตาไม่กระพริบไปที่เจี้ยนเฉินในขณะที่เขาพึมพำ
เซียนผู้คุมกฎจากตระกูลทั้งแปดและคนของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทั้งหมดจ้องไปที่เจี้ยนเฉินแต่ไกลด้วยความตกใจเช่นกัน ความเหลือเชื่อเต็มไปในใบหน้าของพวกเขาในตอนนี้ ทั้งหมดกลั้นหายใจและไม่อยากที่จะหายใจเอาอากาศรอบ ๆ เข้าไปเมื่ออากาศเหมือนเต็มไปด้วยปราณกระบี่ที่แหลมคม แค่สูดหายใจเอามันเข้าไป มันคงทำให้อวัยวะภายในของพวกเขาเจ็บเหมือนโดนเสียดแทง
ความสับสนเกิดขึ้นในแววตาของเจี้ยนเฉิน แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่างในตอนนี้ และเข้าใจในบางอย่างที่ไม่ชัดเจนขึ้นมา ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่อยู่ในมือของเขาแทงออกไปช้า ๆ ตามความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ในหัวของเขา
การโจมตีของเจี้ยนเฉินดูเหมือนช้า แต่มันก็เร็วมาก มันไม่ใช่ภาพลวงตา ปราณกระบี่ที่บริสุทธิ์มากได้พุ่งพวยออกมาในขณะที่กระบี่เคลื่อนไปที่ ซึ่งทำให้มิติรอบ ๆ พังทลายลงมา
นี่เป็นปราณกระบี่ที่แท้จริง มันรุนแรงและแหลมคมมาก และยิ่งใหญ่มากกว่าปราณกระบี่ที่ควบแน่นมาจากพลังงานมาก มันทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนว่ามันหยุดไม่ได้
ในขณะที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิโจมตีไปที่ดาบในมือของซาร์ ไคยุน ปราณกระบี่ก็กระแทกดาบของนางกระเด็นออกไป ในขณะที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็ยังเคลื่อนที่ต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าพลังจะลดลงเลย มันแทงไปที่หน้าอกของซาร์ ไคยุนด้วยแรงที่หยุดไม่ได้
เฮือก ! ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิแทงไปที่หน้าอกของซาร์ ไคยุนและทะลุนางไป ในตอนนี้ ปราณกระบี่ที่แหลมคมและพลังบรรพกาลทำลายล้างก็ทำลายล้างอวัยวะของซาร์ ไคยุน ทำให้อวัยวะของนางแหลกเละ
ซาร์ ไคยุนครางออกมาในขณะที่นางจ้องไปที่ยุทธภัณจักรพรรดิที่อยู่ในร่างของนางด้วยความเหลือเชื่อ นางไม่อยากจะเชื่อว่านางจะได้รับบาดเจ็บจากเจี้ยนเฉินด้วยความแข็งแกร่งของนางในขณะนี้
แต่ในช่วงเวลาต่อมา มือซ้ายของนางก็โจมตีไปที่หน้าอกของเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วแสง พลังเซียนที่น่ากลัวได้พุ่งออกมาจากฝ่ามือของนาง มันทะลุผ่านการป้องกันของร่างของเจี้ยนเฉินด้วยพลังที่สุดยอดและกระแทกเขาออกไปพร้อมกระอักเลือด ในขณะเดียวกัน กระบี่ซึ่งอยู่ที่หน้าอกของนางก็ถูกถอนออกไปในตอนที่เจี้ยนเฉินกระเด็นถอยออกไป
“เจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีทักษะการต่อสู้ระดับเซียนเช่นกัน เมื่อข้าได้เห็นทักษะการต่อสู้ระดับเซียนของเจ้าแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าจะลองชิมของข้าล่ะ” พลังของซาร์ ไคยุนไม่ได้ลดลง แม้ว่าหน้าของนางจะซีดเล็กน้อย นางก็ยังคงความยิ่งใหญ่ เหมือนว่าอาการบาดเจ็บไม่มีผลอะไรกับนาง
พลังแห่งการมีอยู่ที่น่ากลัวเริ่มเปล่งรัศมีออกมาจากนางและเติมเต็มไปทั่วรอบ ๆ ในขณะที่ท้องฟ้าสั่นไหว ในตอนนี้ ซาร์ ไคยุนดูเหมือนจะกลายเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามในขณะที่นางเปล่งรัศมีพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลที่สามารถทำลายล้างรอบ ๆ ได้ออกมา
อากาศรอบ ๆ หนาแน่นกว่าเดิมในขณะที่แม้แต่มิติก็แข็งขึ้นทีละน้อยทีละน้อย แรงกดดันที่น่ากลัวลดตัวลงมา มันดูเหมือนจะกำเนิดมาจากรอบ ๆ และทำให้ภูเขาพังทลายและพื้นดินจมลงไปทันที
การร่ายทักษะการต่อสู้ระดับเซียนด้วยความแข็งแกร่งของนางที่เป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 8 นั้นมีพลังพอที่จะทำลายล้างรอบ ๆ ได้
เจี้ยนเฉินถูกกระแทกให้ถอยไปพันเมตรก่อนที่จะหยุดได้ เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขาในขณะที่เขาเกิดความสับสนและมึนงงในดวงตาของเขา เขายังคิดถึงตอนที่เขาโจมตีออกไปก่อนหน้านี้
เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะอยู่ในอีกสภาวะจิตใจหนึ่งที่มหัศจรรย์ เหมือนว่าเขาได้กลายเป็นกระบี่และไม่ใช่มนุษย์ การโจมตีก่อนหน้านี้เป็นการโจมตีปกติที่เขาทำตามความรู้สึก แต่พลังของมันก็เหนือกว่าที่เขาควรจะมี มันแข็งแกร่งพอที่จะทำให้ซาร์ ไคยุนที่อยู่ในขั้นสูงสุดของชั้นสวรรค์ที่ 8 ได้รับบาดเจ็บได้
อย่างไรก็ตาม เขาเสียความรู้สึกมหัศจรรย์นั้นไปแล้ว เขาไม่สามารถใช้การโจมตีแบบเดิมได้อีก
“หนทางแห่งดาบทรราชย์ ดาบเผาผลาญดาราจักร ! ” ในตอนนี้เอง เสียงดังไปทั่วทั้งท้องฟ้า ซาร์ ไคยุนได้อยู่ที่ระดับสิบกิโลเมตรในอากาศในขณะที่นางคำรามออกมาพร้อมด้วยแสงสีฟ้าเข้ม คลื่นพลังงานที่น่ากลัวเปล่งรัศมีออกมาจากร่างของนาง กลายเป็นดาบใหญ่ยาวร้อยเมตรที่ควบแน่นเหนือหัวของนาง มันพุ่งไปที่เจี้ยนเฉินด้วยพลังที่หาใดเปรียบไม่ได้
ในขณะที่ดาบพุ่งไปบนท้องฟ้า ท้องฟ้าที่เคยสดใสก็มืดมน แม้แต่พลังงานของโลกและพลังงานธรรมชาติที่มองไม่เห็นที่เต็มอยู่ในมิติยังหายไป ดาบพลังงานดูเหมือนจะดูดกลืนแสงและพลังงานไป
เจี้ยนเฉินเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซาร์ ไคยุนที่ยังไม่ได้ร่ายทักษะการต่อสู้ระดับเซียนก็เป็นคนที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้แล้ว และในตอนนี้ที่นางร่างทักษะการต่อสู้ระดับเซียนออกมา มันยิ่งทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับชัยชนะ แค่การต้านมันให้ได้ก็ยากมากแล้ว
เขาคิดแล้วแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขา มันกลายเป็นหอคอยสูงร้อยเมตรที่เปล่งแสงแสบตาออกมาอย่างรวดเร็ว
โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดถูกทำลายไปโดยไคเซอร์ ดังนั้นมันจึงยังไม่สามารถใช้ได้เร็วเร็วนี้ มีเพียงวัตถุเซียนเท่านั้นที่สามารถป้องกันทักษะการต่อสู้รับเซียนของซาร์ ไคยุนได้ในตอนนี้
บู้ม ! เสียงดังแสบหูเกิดขึ้นมาตอนที่ทักษะการต่อสู้ระดับเซียนปะทะกับวัตถุเซียน การร่ายทักษะการต่อสู้ระดับเซียนด้วยความแข็งแกร่งของนางที่เป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 8 นั้นเทียบเท่าได้กับการโจมตีธรรมดาของเซียนจักรพรรดิ มันน่ากลัวมากและกระแทกวัตถุเซียนให้กระเด็นออกไป
“หนทางแห่งดาบทรราชย์ ดาบทำลายมิติ ! ” เสียงเย็นชาของซาร์ ไคยุนดังออกมาในท้องฟ้าอีกครั้ง นางไม่ได้หยุดโจมตี ดาบยาวร้อยเมตรอีกเล่มควบแน่นเหนือหัวของนาง และพุ่งไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความเร็วแสง
ดาบเต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง และทำให้มิติดำมืดลงไปในทุกทุกที่ที่มันพุ่งผ่าน
“หนทางแห่งดาบทรราชย์ ดาบพายุทลายโลก ! “
หนทางแห่งดาบทรราชย์เป็นทักษะการต่อสู้ระดับเซียนที่มีการโจมตี 3 ครั้ง ทันทีที่การโจมตีครั้งที่สองถูกปล่อยออกไป ซาร์ไคยุนก็โจมตีครั้งที่สามออกไปตาม
ทันใดนั้นเอง ดาบเป็นร้อยเป็นพันก็ปรากฏขึ้นรอบรอบนาง ดาบทั้งหมดควบแน่นมาจากพลังงาน ดาบแต่ละเล่มยาวสิบเมตรและเปล่งประกายไปด้วยออร่าที่น่ากลัว ไม่มีเล่มไหนที่อ่อนไปกว่าการโจมตีสองครั้งก่อนหน้านี้เลย