ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 935 บรรลุข้อตกลงร่วมกัน

จู่ๆ ทาสทั้งเจ็ดคนที่นอนอยู่บนพื้นต่างก็รู้สึกเปิดหูเปิดตาราวกับว่าความรู้เกี่ยวกับโลกของพวกเขาได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ พวกเขาล้วนถูกเหล่าขุนนางชั้นสูงส่งตัวมายังกองทัพอู่เว่ยที่แตกสลายนี้ พวกเขาเป็นยอดฝีมือระดับสอง ในขณะที่ศัตรูของพวกเขาเป็นเพียงหน่วยสอดแนม แต่พวกเขากลับถูกทำร้ายและเกือบถูกสังหาร  

 

 

บ้าไปแล้ว? เขาเป็นหน่วยสอดแนมจริงๆ หรือ? พวกคุณเคยเห็นหน่วยสอดแนมอย่างเขาไหมล่ะ?  

 

 

ใครจะทำให้ยอดฝีมือระดับหนึ่งเป็นหน่วยสอดแนมได้ล่ะ?! นี่คุณจริงจังไหม?  

 

 

แต่พวกทาสมีอีกคำถาม กองทัพอู่เว่ยมียอดฝีมือระดับหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่? และนี่ยังคงเป็นกองทัพอู่เว่ยที่พวกเขารู้จักหรือไม่?  

 

 

ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากที่กองทัพอู่เว่ยเอาชนะกองทัพเฮยอวี่ได้แล้ว จางเว่ยอวี่ก็วิเคราะห์ว่าเหล่าขุนนางทางเหนือกำลังวางแผนบางอย่างแต่ยังไม่เคลื่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาต้องการแบ่งผลประโยชน์ก้อนโต คือ เมืองหนานเกิง เมืองก่วงเหลียว เมืองอวิ๋นอาน ช่องเขาเว่ยเป่ย และช่องเขาหลีหยาง  

 

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้ บรรดาขุนนางย่อมไม่อาจทำอะไรได้มากนักเพราะล้วนแต่ขึ้นอยู่กับจอมทัพสวรรค์ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจในขั้นสุดท้าย  

 

 

ดังนั้นหากเหล่าขุนนางรู้ว่ากองทัพอู่เว่ยอยู่บนภูเขาและเอาชนะกองทัพเฮยอวี่ได้ พวกเขาย่อมส่งคนมาที่นี่เพื่อเอาชนะอย่างแน่นอน และเวลานี้ หลิวอี้เจาและหลี่เฮยทั่นก็กำลังรอทาสเหล่านี้มา  

 

 

แต่หลิวอี้เจาและคนอื่นๆ ก็รออยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ด้วยไม่คาดคิดว่าเหล่าขุนนางจะมีความสามารถทางด้านข่าวกรองจำกัดจึงขาดข้อมูล และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากองทัพอู่เว่ยอยู่ที่ใด  

 

 

จางเว่ยอวี่ หลี่ว์ซู่ และคนอื่นๆ วางแผนสำหรับเรื่องนี้ บัดนี้กองทัพอู่เว่ยเป็นที่รวมตัวของยอดฝีมือระดับสูงที่หายาก ด้วยความจริงที่ว่าอาศัยผู้คนเพียงแค่ห้าพันคนเพื่อสังหารกองทัพเฮยอวี่ได้ถึงหนึ่งหมื่นนายซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ และหากหลี่ว์ซู่ได้รับการตอบแทน กองทัพอู่เว่ยก็ย่อมจะได้รับส่วนแบ่งด้วยอย่างแน่นอน  

 

 

ดังนั้นกองทัพอู่เว่ยก็น่าจะได้ครองตำแหน่งผู้นำคนสำคัญและรอคอยข้อเสนอสูงสุด  

 

 

หากเป็นกองทัพธรรมดา แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าขุนนาง แต่กองทัพอู่เว่ยนั้นแตกต่างออกไป เวลานี้กองทัพอู่เว่ยทรงพลังแกร่งกล้าอย่างยิ่ง เพียงพอที่จะกวาดล้างไปได้ทุกที่ที่พวกเขาไปถึง  

 

 

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ชนะที่ผู้คนอาจพยายามจะดึงพวกเขาเข้าเป็นพวก แต่พวกเขาก็จะไม่รีบร้อนตกลง!  

 

 

อย่างไรก็ตาม จางเว่ยอวี่ยังพูดคุยกับหลี่ว์ซู่ว่า ตอนนี้ขุนนางมีอำนาจมากนัก และหากเป็นไปได้ก็ย่อมเป็นการดีกว่าที่จะไม่ล่วงเกินให้พวกขุนนางเหล่านั้นขุ่นเคือง  

 

 

หลี่ว์ซู่พยักหน้ารับ “สบายใจได้ ผมรู้ขีดจำกัดดี”  

 

 

จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็ถ่ายทอดคำแนะนำเหล่านี้ไปให้หลิวอี้เจาและหลี่เฮยทั่น  

 

 

ในขณะนั้น ผู้ซื่อสัตย์ทั้งสองคนคือหลิวอี้เจาและหลี่เฮยทั่นก็กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเหล่าทาสและพูดคุยกันว่า “คุณคิดว่า หากพวกเขาไปพบกับท่านเทพในเวลานี้ พวกเขาจะพูดจาล่วงเกินท่านเทพของพวกเราหรือไม่?”  

 

 

หลิวอี้เจาส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ฉันไม่คิดอย่างนั้น แต่ถึงแม้จะมีใครบางคนทำให้ท่านเทพขุ่นเคือง ทั้งหมดที่พวกเราต้องทำก็แค่กำจัดมันซะ”  

 

 

บรรดาทาสต่างพากันแตกตื่นทันที แม้พวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงการสนทนาเบาๆ นั้น แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับกองทัพอู่เว่ย และเมื่อพวกเขาบอกว่าจะสังหารใครสักคน พวกเขาก็ย่อมทำจริงๆ!  

 

 

หลังจากที่พวกเขาลุกขึ้นแล้ว เดิมทีเหล่าทาสผู้หยิ่งยโสก็เดินตามหลังหลิวอี้เจาและหลี่เฮยทั่นอย่างนอบน้อมถ่อมตน แต่หลี่เฮยทั่นก็รู้สึกว่าทาสเหล่านี้จะสร้างปัญหายุ่งยาก ดังนั้นพวกเขาจะต้องจัดการกับพวกทาสเหล่านี้ก่อนที่จะพูดคุยกันดีๆ ได้  

 

 

อย่างไรก็ตาม หลี่เฮยทั่นก็ชื่นชมหลิวอี้เจาเป็นอย่างมาก “เมื่อไหร่ฉันจะแข็งแกร่งได้เทียบเท่าคุณ? ฉันรู้สึกว่าเส้นทางสู่การเป็นระดับสองนั้นยังต้องใช้เวลาอีกยาวนาน”  

 

 

หลิวอี้เจาหัวเราะ “ไม่นานหรอก และระดับหนึ่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจะบรรลุได้”  

 

 

เมื่อเหล่าทาสได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ทำเบะปากหน้ามุ่ย คุณพูดถึงการบรรลุระดับหนึ่งแบบนั้นได้อย่างไรกัน? แต่เมื่อหลิวอี้เจาเหลือบมองพวกเขาจากหางตา พวกทาสเหล่านั้นก็รีบกลับคืนสู่ท่าทางนอบน้อมอย่างรวดเร็ว…  

 

 

พวกเขาไม่อาจยั่วยุให้เขาขุ่นเคืองใจได้!  

 

 

เมื่อพวกเขาไปถึงภูเขาราชันหลี่ว์ พวกทาสก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ค่ายทหารและทุ่งนาล้วนถูกจัดการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พวกเขาเคยไปที่ค่ายทหารมาก่อน ต่อให้พวกเขาเดินทางไปทั่วทั้งภาคเหนือ ก็ไม่อาจพบค่ายทหารที่สะอาดเอี่ยมเรียบร้อยเช่นนี้ได้  

 

 

นอกจากนี้พวกเขายังอยู่บนภูเขา เมื่อคิดดูแล้วก็คิดว่ากองทัพอู่เว่ยน่าจะเพิ่งอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน และเมื่อมองไปยังพืชผลในทุ่งนา ในเวลานี้พวกมันก็ยังไม่เติบโตเต็มที่  

 

 

พวกเขาทำความสะอาดสถานที่แห่งนี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้  

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้คนมากมายกำลังเรียนรู้วิธีอ่านเขียนอยู่ในลานจัตุรัส! พวกทาสต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยทำอะไรไม่ถูก ในเมื่อกองทัพอู่เว่ยนั้นแข็งแกร่งมาก เช่นนั้นแล้ว ในเวลานี้ก็น่าจะมีคนฝึกกระบี่อยู่โดยรอบ แต่พวกเขาทั้งหมดกลับกำลังเรียนรู้วิธีอ่านเขียน…  

 

 

ไม่ถูกต้อง!  

 

 

เดี๋ยวก่อนนะ ทันใดนั้นเหล่าทาสก็เห็นธงผืนใหญ่ปักอยู่ที่หน้าลานจัตุรัส บนธงนั้นมีถ้อยคำที่ระบุเอาไว้ว่า ‘กำจัดความยากจนและสร้างสมความร่ำรวย…‘  

 

 

เริ่มแรก มันคือหน่วยสอดแนมระดับหนึ่ง จากนั้นก็เป็นค่ายทหารที่สะอาดเอี่ยมเรียบร้อย หลังจากนั้นก็เป็นเหล่าทหารที่กำลังเรียนรู้วิธีการอ่านเขียน และสุดท้ายก็มีธงที่ระบุข้อความว่า ‘กำจัดความยากจนและสร้างสมความร่ำรวย’  

 

 

สำหรับพวกทาสแล้ว กองทัพอู่เว่ยนั้นล้วนแปลกประหลาดไปหมดในทุกๆ ด้าน…  

 

 

และในขณะนั้นหลี่ว์ซู่ก็มาถึงและทักทายพวกเขา “พวกคุณเดินทางมาไกล ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ออกไปพบ หลิวอี้เจาและหลี่เฮยทั่นดูแลพวกคุณดีไหม?”  

 

 

พวกทาสต่างพากันเบิกตาถลน คุณไม่เห็นสภาพสะบักสะบอมอย่างเลวร้ายของพวกเราหรือ? คุณจะเสแสร้งไปเพื่อใครกัน? แต่แม้จะคิดเช่นนั้น พวกเขาก็กลับพูดออกมาว่า “ไม่ ไม่ พวกเขาดูแลดีมาก…”  

 

 

และเมื่อมองไป หลี่เฮยทั่นที่อยู่ข้างๆ พวกเขาก็ชูกระบี่ของเขาขึ้นมาขู่แล้ว…  

 

 

จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็เชิญพวกเขาไปที่ห้องสนทนาในภูเขาราชันหลี่ว์ เมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว หลี่ว์ซู่ก็ยิ้มอ่อนโยนแล้วถามว่า “พวกคุณมาที่นี่เพื่ออะไร?”  

 

 

หนึ่งในพวกทาสเหล่านั้นรีบแย่งพูดขึ้นมาก่อนว่า “เจ้านายขุนนางของกระผมได้ยินมาว่า กองทัพอู่เว่ยสร้างผลงานยอดเยี่ยมอยู่ทางด้านหลังช่องเขาเว่ยเป่ย พวกเราทุกคนล้วนรู้กันดีว่ากองทัพอู่เว่ยนั้นเคยเป็นแบบไหนมาก่อน คงเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นแบบนี้ได้ในเวลานี้ ดังนั้นเจ้านายของกระผมจึงชื่นชมพวกคุณมาก และอยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกคุณ”  

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะร่าออกมา “พูดตรงๆ ให้เข้าใจง่ายๆ เถอะ”  

 

 

ทาสคนนั้นกล่าวว่า “หากคุณรับใช้เจ้านายของกระผม เมื่อสงครามสิ้นสุดลง คุณก็จะได้กลายเป็นผู้นำแห่งช่องเขาเว่ยเป่ย”  

 

 

“เท่านั้นหรือ?” หลี่ว์ซู่ถามอย่างสงสัย  

 

 

ทาสพยักหน้า “คุณคิดว่ายังไง ท่านผู้บัญชาการ?”   

 

 

ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็พูดขึ้นว่า “คุณมาผิดที่แล้ว พวกเราไม่ใช่กองทัพอู่เว่ย ที่นี่คือหมู่บ้านมังกรฟ้า คุณไม่เห็นธงด้านนอกเหรอ? นั่นคือสัญลักษณ์ของหมู่บ้านมังกรฟ้า”  

 

 

ชั่วขณะนั้นหลี่ว์ซู่ก็ขยิบตาให้จางเว่ยอวี่ คุณเห็นไหม พวกเราคือหมู่บ้านมังกรฟ้า! และพวกคนที่ทำให้พวกเขาขุ่นเคืองก็ยังคงเป็นหมู่บ้านมังกรฟ้า ไม่ใช่กองทัพอู่เว่ยนะ  

 

 

จางเว่ยอวี่มองไปที่หลี่ว์ซู่ จากนั้นก็มองไปยังทาสที่มีสภาพสะบักสะบอมนั้น คุณแน่ใจหรือว่าเรื่องนี้ไม่มีสิ่งใดผิดไป? ยังมีอะไรจะพูดอีก …  

 

 

“ได้รับแต้มอารมณ์จากจางเว่ยอวี่ +666!”  

 

 

บอกตามตรงว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้คิดถึงตำแหน่งผู้นำของกองทัพอู่เว่ยมากนัก แต่เมื่อเหล่าทาสนึกถึงสิ่งที่เจ้านายบอกพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะออกมา พวกเขาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “คุณควรรู้ว่า แม้คุณจะได้เป็นผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ย แต่ทางวังหลวงก็ยังไม่ได้บันทึกลงไปอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจจะมีตัวแปรอื่นๆ อีกมากมาย!”  

 

 

ตามเหตุผลแล้ว จะไม่มีเหตุร้ายเช่นนี้ในการแต่งตั้งผู้นำ แต่หากมีใครสร้างปัญหาให้กับพวกเขาก็อาจจะส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้  

 

 

หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ นี่เป็นการข่มขู่เขาหรือไม่? เขาลุกขึ้นและเดินออกจากห้องสนทนาไป “หลิวอี้เจา คุณพูดคุยเรื่องนี้กับพวกเขา และพยายามตกลงกันให้ได้”  

 

 

หลิวอี้เจากล่าวตอบว่า “รับทราบ”  

 

 

แล้วสีหน้าท่าทีของพวกทาสก็เปลี่ยนไปทันที มีบางอย่างไม่ถูกต้องกับถ้อยคำที่ว่า ตกลงกัน ที่พวกคุณใช้!  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset