เซียวเจี่ยนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ถังซีตกตะลึง หญิงสาวคนนี้คือน้องสาวของเขาจริงๆ หรือ ทำไมเธอถึงไม่มีความประหม่าใดๆ เลย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ตัวนี้ ไม่น่าแปลกใจที่เธอบริหารจัดการบริษัทได้ด้วยตัวเอง
“หมายความว่าไง” ฉินเย่ว์ขมวดคิ้ว นี่ฉินหลัวขโมยลูกสาวตระกูลถังไปจริงๆ หรือ เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวของผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม
เมื่อคิดได้เช่นนี้ฉินเย่ว์ก็กำมือแน่น ถังซีมองหน้าเขา ยิ้มมุมปาก “คุณคิดว่าฉันหมายความว่ายังไงล่ะ” จากนั้นเธอก็โยนรายงานการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอที่เธอนำติดตัวมาด้วยลงบนโต๊ะ “ดูนี่สิ”
ฉินเย่ว์หยิบรายงานขึ้นมาดู เมื่อเห็นข้อสรุปรายงานสีหน้าเขาก็ถมึงทึงขึ้นทันที ถังซีมองเขาแล้วเลิกคิ้ว “ฉันเพิ่งได้ยินได้ฟังเรื่องราวบางอย่างที่น่าสนใจมาเมื่อกี้นี้เอง เพิ่งรู้ว่ามีความบาดหมางระหว่างพวกคุณ ตระกูลฉิน กับตระกูลเรา คุณคิดว่าท่านประธานถังจะให้ความร่วมมือกับเราอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องลูกสาวของท่านไหมล่ะ”
ฉินเย่ว์หรี่ตามองถังซี “เราต้องทำยังไง เธอถึงจะยอมปล่อยสามคนนั้นออกมา”
“ปล่อยสามคนนั้นออกมาเหรอ” ถังซียิ้มเยาะ “คุณฉิน นี่ล้อฉันเล่นหรือเปล่า หล่อนลักพาตัวคุณแม่ฉัน ตั้งแต่ตอนที่ท่านยังเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ และเมื่อหลายเดือนก่อน ฉินหลัวก็ยังคงพยายามฆ่าคุณแม่ฉัน ทำให้ท่านเกือบเป็นอัมพาต คุณคิดได้ยังไงว่าเราจะปล่อยพวกหล่อนไปง่ายๆ”
ถังซีหยุด และหัวเราะเยาะเบาๆ “แล้วอีกอย่างนะ ถ้าฉันคิดจะปล่อยพวกหล่อน ทำไมฉันถึงต้องยุ่งยากย้ายพวกหล่อนไปขังที่คุกอื่นด้วยล่ะ”
ฉินเย่ว์มองหน้าถังซีอย่างเย็นชา เขาตรวจสอบไม่ได้เลยว่าฉินหลัวกับครอบครัวไปอยู่ที่เรือนจำไหน การย้ายพวกเธอไปเป็นความลับ คนของเขาจึงไม่รู้ว่าพวกเธออยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นเขาจะไปเยี่ยมฉินหลัวด้วยตัวเอง
เขาควรต้องรู้ว่าฉินหลัวทำอะไรลงไปบ้าง ก่อนจะดำเนินการใดๆ เห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ได้อะไรเลยจากเด็กผู้หญิงคนนี้
“โอ้ว” ทันใดนั้นถังซีก็ยิ้มและกล่าวว่า “ฉันลืมบอกคุณไปว่า หลินเจียวถูกตั้งข้อหาในความผิดฐานค้ามนุษย์ที่เป็นเยาวชน ฉินหลัว หรือในนามเถาเยี่ยน มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า ส่วนเซียวจิ้นหนิงก่ออาชญากรรมแบบเดียวกับฉินหลัว คุณรู้ไหมว่าเธอกระทืบคอฉันอย่างแรง และเกือบจะฆ่าฉันตาย แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันรอดชีวิตมาได้”
ฉินเย่ว์กระแอม ลุกขึ้นยืน และกำลังจะจากไป ถังซีผุดลุกขึ้นไปยืนขวางทางเขา และกล่าวอย่างเย็นชา “หลังจากได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลฉินในวันนี้ ฉันพบว่าคนตระกูลคุณนี่ก็เหมือนกับคำพังเพยที่ว่า ‘นกพันธุ์เดียวกัน ขนมันก็เหมือนกันหมด’ ไม่ผิดเพี้ยนเลยทีเดียว”
“เธอ!” ฉินเย่ว์หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“เซียวโหรว! เธอกล้าดียังไง!” ฉินซินหยิ่งผลักถังซีออกไป และตะคอก “ถ้าเธอพูดจาไร้สาระอีก ฉันจะไม่รักษามารยาทกับเธอแล้วนะ!”
“เรื่องไร้สาระเหรอ” ถังซีขมวดคิ้ว คว้ามือฉินซินหยิ่งแล้วถามอย่างเยือกเย็น “แล้วเธอล่ะ จำไม่ได้แล้วเหรอ ว่าเธอทำอะไรไว้กับถังซี ส่วนคุณ…” ถังซีหันไปมองตาฉินเย่ว์ แล้วหรี่ตาลง “คุณจำสิ่งที่คุณทำกับตระกูลถังไว้ไม่ได้เลยเหรอ!”
“เธอ!” ฉินเย่ว์เงื้อมือจะตบถังซี เซียวเหยารีบวิ่งเข้ามาจับมือเขาไว้ บรรยากาศเย็นเยียบขึ้นมาทันที เซียวเหยาจ้องหน้าฉินเย่ว์เขม็ง และกล่าวอย่างเยือกเย็น “คุณฉิน ไม่รู้สึกละอายใจเลยเหรอ ที่ทำร้ายเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ”
“ปล่อยฉัน” ฉินเย่ว์จ้องหน้าเซียวเหยา “ฉันไม่ได้พูดกับแก”
“ถ้าแกกล้าแตะต้องเธออีก ฉันสาบานว่าแกจะไม่มีโอกาสได้เดินออกจากตึกนี้” เซียวเหยากล่าว และปล่อยมือเขา ฉินเย่ว์ถูข้อมือไปมา หลิ่วตามองถังซี “สาวน้อย จำสิ่งที่เธอพูดกับฉันวันนี้ไว้ให้ดี ความทุกข์ทรมานของเธอจะเริ่มต้นนับจากวันนี้”
ถังซีหัวเราะเย้ยหยัน “มาดูกัน ว่าใครกันแน่ที่จะทุกข์ทรมาน ฉันจะทำให้สิ่งที่คุณพูด… กลับคืนไปหาคุณ”
“ฉันชื่นชมความกล้าหาญของเธอจริงๆ แต่น่าเสียดาย ความแข็งแกร่งต่างหาก ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้” ฉินเย่ว์กล่าว และเดินผ่านถังซีไป
ถังซีหัวเราะเยาะ มองตามหลังเขาและกล่าวว่า “คุณพูดถูก คุณฉิน ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นคุณควรคิดให้ดีๆ ว่าใครกันแน่ที่จะชนะในการต่อสู้ครั้งนี้! ฉินกรุป หรือว่าเอ็มไพร์กรุปกับพันธมิตร”
ถังซีรู้สึกเอือมระอากับการทนเห็นฉินซินหยิ่งกับฉินเย่ว์วางท่าอวดดีมาตลอดทั้งวัน ทีแรกเธอไม่ได้ต้องการให้เฉียวเหลียงเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้ เพราะเธออยากซื้อฉินกรุปทั้งหมดด้วยกำลังของเธอเอง แต่ตอนนี้หลังจากเห็นว่าพวกเขาทำอะไรลงไปบ้าง เธอก็เอือมระอาพวกเขามากขึ้น เธอเริ่มพิจารณาความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับเฉียวเหลียงกำจัดฉินกรุป!
มือฉินเย่ว์สั่นเทา เขาหันกลับมาถามถังซีอย่างรวดเร็ว “หมายความว่ายังไง”
ถังซียิ้ม “พรุ่งนี้คุณถังซี ประธานเอ็มไพร์กรุปจะมาเมือง A เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือกับท่านประธานเฉียวแห่งเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป และเฮ่อซิงกรุป แล้วเอ็มไพร์กรุปก็จะร่วมมือกับเซียวกรุปของเราด้วย ที่สำคัญคือ น่าจะสนุกยิ่งขึ้นถ้าเราได้ร่วมกำจัดศัตรูที่เรามีร่วมกัน จริงไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ฉินซินหยิ่งก็มองหน้าถังซีด้วยความตกใจ “เธอจะซื้อฉินกรุปเหรอ”
“แน่นอน” ถังซีมองหน้าเธอและยิ้มให้อย่างเย็นชา “เรากำลังจะซื้อฉินกรุป รวมทั้งกลุ่มกิจการร่วมค้าฉิน ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังด้วย ฉันคิดว่าสำหรับเราแล้วมันง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก”
ฉินเย่ว์พยายามระงับความโกรธภายในใจอย่างหนัก เขาจ้องมองถังซี “อย่าคุยโวไปหน่อยเลย!”
ถังซียิ้ม “มารอดูกันว่าใครจะเป็นคนหัวเราะคนสุดท้าย และมาดูกันด้วยว่าฉินกรุปนั้น จัดการได้ง่ายแค่ไหน”
“ได้ แล้วเราจะได้เห็นกัน!” เขายอมรับด้วยความไม่เต็มใจว่าเขาถูกสาวน้อยคนนี้ฟาดฟันยับเยิน เขาหันหลังกลับไปอย่างเดือดดาล
ถังซีมองตามหลังฉินเย่ว์ ประกายเย็นเยียบวาววับไปทั่วดวงตาเธอ ถ้าคุณไม่ยั่วโมโหฉัน ฉันก็คงไม่ฟาดฟันคุณขนาดนี้หรอก… แต่คุณใจร้อนเกินไป เพราะฉะนั้นจะมาโทษว่าฉันหยาบคายไม่ได้
“โหรวโหรว ถังซีจะมาเมือง A วันพรุ่งนี้จริงๆ เหรอ” เซียวเจี่ยนเม้มริมฝีปาก แล้วถามอย่างตื่นเต้น
ถังซีพยักหน้า “จริงค่ะ”
เธอควรไปหาเฉียวเหลียง หารือกันเรื่องการประชุมในวันพรุ่งนี้