รอยยิ้มของซังหนานเทียนหายไปและมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เสียงบรรยายดังก้องอยู่ในหูเขา “ นี่มันคือการสร้าง ! นี่คือการสร้างที่แท้จริง ! “
ทุกกฎล้วนมาจากการสร้าง วิถีการสร้างเหนือกว่าทุกสิ่ง
จ้านเทียนเกอ, เบเกิลและคนอื่นๆต่างก็พากันอึ้ง พวกเขาจมอยู่กับการทำความเข้าใจ
เหล่าอาจารย์และศิษย์ต่างก็เข้าสู่ความกระจ่าง ความเข้าใจ และการรับรู้ของพวกเขาก็ได้พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เหล่าราชาและผู้ควบคุมขั้น 9 อีกทั้งผู้นำขั้น 8 ต่างก็อึ้ง
ที่ด้านนอกภูเขาร้าง ผู้คนไม่ได้ยินเสียงของจางหยู แต่หลายคนก็พากันหันไปมองที่ยอดภูเขา ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ในตอนที่จางหยูบรรยายอยู่นั้น มันก็มีคนเข้าใจการสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ
ในพริบตาก็ผ่านไปกว่า 1 วัน จางหยูได้หยุดการบรรยายและยืนอยู่ตรงหน้าทุกคน
ทุกคนต่างก็ยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้น พวกเขายังจมอยู่กับความกระจ่างครั้งนี้ราวกับเวลาหยุดนิ่งอยู่ สถานการณ์เช่นนี้คงอยู่ไปหลายวัน สุดท้ายก็ผ่านไป 1 เดือน เหล่าเหอก็ได้สติขึ้นมาเป็นคนแรก
ในตอนที่เหล่าเหอได้สติกลับมานั้นคลื่นพลังของเขาก็ประทุขึ้นมา โลกขั้น 9 ที่ยังไม่เสถียรของเขากลับมีพลังกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ตอนนี้เหล่าเหอมีพลังทัดเทียมกับผู้ควบคุมได้แล้ว !
แน่นอนว่าเขาสามารถขึ้นเป็นผู้สร้างที่แท้จริงได้ก็เพราะเสี่ยวเสีย ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเสียกินจิตปฐมบทโกลาหลของโลกเขาไป งั้นแม้ว่าเขาจะเป็นผู้สร้างแต่ก็เป็นได้แค่กึ่งผู้สร้าง แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาทัดเทียมกับผู้ควบคุมได้แล้ว มีแค่เข้ารับการทดสอบเขาก็จะได้ตราขั้น 1 มา จากความแข็งแกร่งของเขาแล้วการทดสอบนี้ง่ายอย่างกับปลอกกล้วยเข้าปาก
คลื่นพลังของเหล่าเหอราวกับเป็นตัวจุดระเบิด ในตอนที่คลื่นพลังขึ้นไปถึงขีดสุด คลื่นพลังอันแข็งแกร่งรอบตัวก็ระเบิดขึ้นมา
ตูม ตูม ตูม…
คลื่นพลังจำนวนมากได้รวมตัวกันและกวาดออกไปทั่ว ก่อให้เกิดพายุขึ้นมาพร้อมกับเสียงคำรามที่น่าตกใจ ภูเขาร้างสั่นไหวราวกับทนรับคลื่นพลังนี้ไม่ได้
จางหยูได้ผนึกคลื่นพลังของทุกคนเอาไว้เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อภูเขาร้าง
“ ฮาฮา ! ร้อยเท่า ข้าทะลวงผ่านระดับร้อยเท่าแล้ว ! “
“ ผู้ควบคุมขั้น 9 กลับเป็นว่า…จากวันนี้ไปข้าหลินหลางได้กลายเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 แล้ว “
คนที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นซังหนานเทียนและซื่อซิน สองคนนี้แต่เดิมเกือบจะเป็นราชาอยู่แล้ว ด้วยโอกาสนี้พวกเขาก็ขึ้นมาเป็นราชาได้ !
“ ฮาฮา ! ข้าซังหนานเทียนได้ขึ้นมาเป็นราชาแล้ว ! ข้าคือราชาแห่งยุค ! “
เขาเคยพบราชาที่ปกครองโกลาหลมาหลายคน และในที่สุดเขาก็มาถึงขอบเขตนี้ได้สักที !
หากเทียบกับสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้แล้ว ในทางกลับกันศิษย์และอาจารย์ทุกคนโดยเฉพาะศิษย์ผู้เยาว์รวมถึงศิษย์ของจางหยูนั้นไม่ได้พัฒนาขึ้นมามากนัก แต่ก็ขึ้นมาถึงระดับร้อยเท่าได้ เย่ฟานและคนอื่นๆแม้ว่าจะก้าวหน้าอย่างมากแต่ก็ยังไปไม่ถึงระดับพันเท่า พกวเขาติดอยู่ที่จุดคอขวด
แน่นอนว่าความก้าวหน้าเช่นนี้แม้จะเทียบกับพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่ได้ แต่ก็ถือว่าก้าวหน้าอย่างมาก
หากพวกเขาบ่มเพาะด้วยตัวเองมันต้องใช้เวลาหลายหมื่นปีกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาได้ย่นเวลาไปหลายหมื่นปีเพราะได้ฟังการบรรยายจากจางหยู
จางหยูมองไปรอบๆและมองไปที่ฝ่ายคุมกฎ เขาคาดหวังกับเหล่าราชามากที่สุดและหวังว่าพวกนี้จะไปถึงขอบเขตการสร้างไร้จำกัด แต่เขาก็ต้องผิดหวัง แม้ว่าการใช้พลังสร้างของพวกนี้จะพัฒนาขึ้นมารวมไปถึงความแข็งแกร่ง แต่ระดับการบ่มเพาะก็ยังติดอยู่ที่ระดับราชาอยู่ดี ไม่มีวี่แววว่าจะทะลวงผ่านไปได้
โดยทั่วไปแล้วความแข็งแกร่งของราชาพวกนี้พัฒนาได้จำกัด
“ แน่นอนว่ามันไม่ง่ายที่พวกนี้จะทะลวงผ่านได้ ! “ จางหยูเตรียมใจไว้แล้ว แม้ว่าจะผิดหวังอยู่บ้างแต่ก็ใช่ว่าจะรับไม่ได้
โชคดีที่การบรรยายของเขาใช่ว่าจะไร้ผล แม้ว่าราชาพวกนี้ไม่อาจจะทะลวงผ่านได้ แต่ความเข้าใจในการสร้างก็มั่นคงขึ้นมาอย่างมาก อย่างไรเสียเมื่อมาถึงระดับนี้แล้วการพัฒนาต่อไปนั้นยากอย่างมาก แม้ว่าความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นมาแต่ก็ยากจะแยกได้ว่าสูงรึต่ำ มีแค่ความเข้าใจการสร้างจนมีพลังไม่จำกัดเท่านั้นที่จะถือได้ว่าก้าวกระโดดขึ้นมา
ทุกคนใช้เวลาสักพักกว่าจะปรับตัวกับพลังที่ปะทุออกมาได้ พวกเขาไม่อาจผนึกพลังของตัวเองได้โดยสมบูรณ์ ดังนั้นรอบตัวของพวกเขาจึงแผ่พลังสร้างที่ผันผวนออกมา ภูเขาร้างและพื้นที่โดยรอบต่างก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะจางหยูผนึกคลื่นพลังของพวกเขาเอาไว้ งั้นภูเขาร้างอาจจะพังลงไปแล้ว
“ เป็นยังไงบ้าง การบรรยายของข้า พวกเจ้ารู้สึกยังไง ?” จางหยูพูดขึ้น
ตอนนั้นเองทุกคนถึงได้สติกลับมา
“ ยอดเยี่ยม ! “
“ เจ้าสำนักช่างน่านับถือจริงๆ ! “
“ ปาฏิหาริย์ ! นี่คือปาฏิหาริย์ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในประวัติศาสตร์ของโกลาหล ! “
ความสงสัยในใจของทุกคนนั้นได้หายไป พวกเขามองไปที่จางหยูด้วยความยกย่อง การบรรยายเพียงครั้งเดียวแต่กลับทำให้พวกเขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด หากได้ฟังการบรรยายของจางหยูทุกวัน ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง ?
ตอนนั้นเองจ้านเทียนเกอและคนอื่นๆ หรือแม้แต่ซังหนานเทียนและซื่อซินราชาคนใหม่ต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเหล่าศิษย์และอาจารย์ของสำนักคังเฉียงด้วยสายตาอิจฉา หากพวกเขาเข้าร่วมสำนักคังเฉียง พวกเขาก็จะกลายเป็นสมาชิกของสำนักคังเฉียง บางทีอาจจะได้การฟังบรรยายของจางหยูบ่อยกว่านี้ก็ได้?
ที่พวกเขาได้ฟังการบรรยายในครั้งนี้ก็เพราะไมตรีที่มีกับจางหยู แต่พวกเขาไม่อาจจะขอให้จางหยูช่วยตลอดได้ หากเวลาผ่านไปมิตรภาพนี้ก็ต้องเจือจางลง แต่ถ้าหากพวกเขาได้เข้าร่วมสำนักคังเฉียง มันจะไม่เหมือนกัน แม้ว่ามิตรภาพจะเจือจางลงแต่ด้วยฐานะสมาชิกของสำนักคังเฉียง พวกเขาก็ยังจะได้ฟังการบรรยายของจางหยูต่อได้ “ เจ้าสำนัก “ จ้านเทียนเกอพูดขึ้นมา “ ข้าอยากเข้าร่วมสำนักคังเฉียง ข้าอยากได้รับอนุญาตจากเจ้าสำนัก “
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินเป่ยชาน, เบเกิลและคนอื่นๆต่างก็พูดขึ้นมาทันที “เจ้าสำนักโปรดอนุญาตด้วย ! “
ซังหนานเทียนและซื่อซินได้ยินแบบนั้นก็พากันมองไปที่เหล่าราชาและก้มหน้าทันที “ เจ้าสำนักโปรดอนุญาตด้วย! “
ฝ่ายคุมกฎเองก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ เจ้าสำนักโปรดอนุญาตด้วย! “
แม้ว่าพวกเขาจะทำงานให้กับสำนักคังเฉียงแต่ฐานะนี้ก็จะอยู่ได้แค่ 1 ยุค หลังจากนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสำนักคังเฉียงอีก
เมื่อเห็นความสามารถของจางหยู พวกเขาก็หวังว่าจะไม่พลาดโอกาสเช่นนี้ในอนาคต
ตอนนั้นเองทุกคนก็มองจางหยูด้วยสายตาคาดหวัง
เหล่าอาจารย์และศิษย์ต่างก็พากันภูมิใจในฐานะของตน
จางหยูพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ พวกเจ้ามั่นใจรึว่าจะเข้าร่วมสำนักคังเฉียง ?”
ในตอนที่รอให้ทุกคนตอบกลับ จางหยูก็ได้พูดต่อ “ ข้าอยากเตือนพวกเจ้าว่าเมื่อเข้าร่วมสำนักคังเฉียง หากไม่มีเหตุผลพิเศษ พวกเจ้าจะออกจากสำนักคังเฉียงไม่ได้ หากสำนักมอบหมายภารกิจให้ พวกเจ้าก็ต้องทำให้สำเร็จ…บางทีภารกิจนั้นอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตของพวกเจ้า ! “
“ พวกเรามั่นใจ ! “ จ้านเทียนเกอและคนอื่นๆพากันตอบกลับ
“ หากเป็นเช่นนั้นข้าจะยอมให้พวกเจ้าเข้าร่วมสำนักคังเฉียง “ จางหยูยิ้มออกมา
ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใช้สัญญานภาผูกมัดพวกนี้เอาไว้ จางหยูไม่จำเป็นต้องให้พวกนี้ทำสัญญา ด้วยความโกลาหลที่เขามีและโลกตันเถียนแล้ว จางหยูก็ไม่กลัวว่าพวกนี้จะหักหลังสำนักคังเฉียง ความแข็งแกร่งของเขามีประโยชน์ยิ่งกว่าสัญญาเสียอีก
ทุกกฎล้วนมาจากการสร้าง วิถีการสร้างเหนือกว่าทุกสิ่ง
จ้านเทียนเกอ, เบเกิลและคนอื่นๆต่างก็พากันอึ้ง พวกเขาจมอยู่กับการทำความเข้าใจ
เหล่าอาจารย์และศิษย์ต่างก็เข้าสู่ความกระจ่าง ความเข้าใจ และการรับรู้ของพวกเขาก็ได้พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เหล่าราชาและผู้ควบคุมขั้น 9 อีกทั้งผู้นำขั้น 8 ต่างก็อึ้ง
ที่ด้านนอกภูเขาร้าง ผู้คนไม่ได้ยินเสียงของจางหยู แต่หลายคนก็พากันหันไปมองที่ยอดภูเขา ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ในตอนที่จางหยูบรรยายอยู่นั้น มันก็มีคนเข้าใจการสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ
ในพริบตาก็ผ่านไปกว่า 1 วัน จางหยูได้หยุดการบรรยายและยืนอยู่ตรงหน้าทุกคน
ทุกคนต่างก็ยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้น พวกเขายังจมอยู่กับความกระจ่างครั้งนี้ราวกับเวลาหยุดนิ่งอยู่ สถานการณ์เช่นนี้คงอยู่ไปหลายวัน สุดท้ายก็ผ่านไป 1 เดือน เหล่าเหอก็ได้สติขึ้นมาเป็นคนแรก
ในตอนที่เหล่าเหอได้สติกลับมานั้นคลื่นพลังของเขาก็ประทุขึ้นมา โลกขั้น 9 ที่ยังไม่เสถียรของเขากลับมีพลังกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ตอนนี้เหล่าเหอมีพลังทัดเทียมกับผู้ควบคุมได้แล้ว !
แน่นอนว่าเขาสามารถขึ้นเป็นผู้สร้างที่แท้จริงได้ก็เพราะเสี่ยวเสีย ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเสียกินจิตปฐมบทโกลาหลของโลกเขาไป งั้นแม้ว่าเขาจะเป็นผู้สร้างแต่ก็เป็นได้แค่กึ่งผู้สร้าง แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาทัดเทียมกับผู้ควบคุมได้แล้ว มีแค่เข้ารับการทดสอบเขาก็จะได้ตราขั้น 1 มา จากความแข็งแกร่งของเขาแล้วการทดสอบนี้ง่ายอย่างกับปลอกกล้วยเข้าปาก
คลื่นพลังของเหล่าเหอราวกับเป็นตัวจุดระเบิด ในตอนที่คลื่นพลังขึ้นไปถึงขีดสุด คลื่นพลังอันแข็งแกร่งรอบตัวก็ระเบิดขึ้นมา
ตูม ตูม ตูม…
คลื่นพลังจำนวนมากได้รวมตัวกันและกวาดออกไปทั่ว ก่อให้เกิดพายุขึ้นมาพร้อมกับเสียงคำรามที่น่าตกใจ ภูเขาร้างสั่นไหวราวกับทนรับคลื่นพลังนี้ไม่ได้
จางหยูได้ผนึกคลื่นพลังของทุกคนเอาไว้เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อภูเขาร้าง
“ ฮาฮา ! ร้อยเท่า ข้าทะลวงผ่านระดับร้อยเท่าแล้ว ! “
“ ผู้ควบคุมขั้น 9 กลับเป็นว่า…จากวันนี้ไปข้าหลินหลางได้กลายเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 แล้ว “
คนที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นซังหนานเทียนและซื่อซิน สองคนนี้แต่เดิมเกือบจะเป็นราชาอยู่แล้ว ด้วยโอกาสนี้พวกเขาก็ขึ้นมาเป็นราชาได้ !
“ ฮาฮา ! ข้าซังหนานเทียนได้ขึ้นมาเป็นราชาแล้ว ! ข้าคือราชาแห่งยุค ! “
เขาเคยพบราชาที่ปกครองโกลาหลมาหลายคน และในที่สุดเขาก็มาถึงขอบเขตนี้ได้สักที !
หากเทียบกับสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้แล้ว ในทางกลับกันศิษย์และอาจารย์ทุกคนโดยเฉพาะศิษย์ผู้เยาว์รวมถึงศิษย์ของจางหยูนั้นไม่ได้พัฒนาขึ้นมามากนัก แต่ก็ขึ้นมาถึงระดับร้อยเท่าได้ เย่ฟานและคนอื่นๆแม้ว่าจะก้าวหน้าอย่างมากแต่ก็ยังไปไม่ถึงระดับพันเท่า พกวเขาติดอยู่ที่จุดคอขวด
แน่นอนว่าความก้าวหน้าเช่นนี้แม้จะเทียบกับพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่ได้ แต่ก็ถือว่าก้าวหน้าอย่างมาก
หากพวกเขาบ่มเพาะด้วยตัวเองมันต้องใช้เวลาหลายหมื่นปีกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาได้ย่นเวลาไปหลายหมื่นปีเพราะได้ฟังการบรรยายจากจางหยู
จางหยูมองไปรอบๆและมองไปที่ฝ่ายคุมกฎ เขาคาดหวังกับเหล่าราชามากที่สุดและหวังว่าพวกนี้จะไปถึงขอบเขตการสร้างไร้จำกัด แต่เขาก็ต้องผิดหวัง แม้ว่าการใช้พลังสร้างของพวกนี้จะพัฒนาขึ้นมารวมไปถึงความแข็งแกร่ง แต่ระดับการบ่มเพาะก็ยังติดอยู่ที่ระดับราชาอยู่ดี ไม่มีวี่แววว่าจะทะลวงผ่านไปได้
โดยทั่วไปแล้วความแข็งแกร่งของราชาพวกนี้พัฒนาได้จำกัด
“ แน่นอนว่ามันไม่ง่ายที่พวกนี้จะทะลวงผ่านได้ ! “ จางหยูเตรียมใจไว้แล้ว แม้ว่าจะผิดหวังอยู่บ้างแต่ก็ใช่ว่าจะรับไม่ได้
โชคดีที่การบรรยายของเขาใช่ว่าจะไร้ผล แม้ว่าราชาพวกนี้ไม่อาจจะทะลวงผ่านได้ แต่ความเข้าใจในการสร้างก็มั่นคงขึ้นมาอย่างมาก อย่างไรเสียเมื่อมาถึงระดับนี้แล้วการพัฒนาต่อไปนั้นยากอย่างมาก แม้ว่าความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นมาแต่ก็ยากจะแยกได้ว่าสูงรึต่ำ มีแค่ความเข้าใจการสร้างจนมีพลังไม่จำกัดเท่านั้นที่จะถือได้ว่าก้าวกระโดดขึ้นมา
ทุกคนใช้เวลาสักพักกว่าจะปรับตัวกับพลังที่ปะทุออกมาได้ พวกเขาไม่อาจผนึกพลังของตัวเองได้โดยสมบูรณ์ ดังนั้นรอบตัวของพวกเขาจึงแผ่พลังสร้างที่ผันผวนออกมา ภูเขาร้างและพื้นที่โดยรอบต่างก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะจางหยูผนึกคลื่นพลังของพวกเขาเอาไว้ งั้นภูเขาร้างอาจจะพังลงไปแล้ว
“ เป็นยังไงบ้าง การบรรยายของข้า พวกเจ้ารู้สึกยังไง ?” จางหยูพูดขึ้น
ตอนนั้นเองทุกคนถึงได้สติกลับมา
“ ยอดเยี่ยม ! “
“ เจ้าสำนักช่างน่านับถือจริงๆ ! “
“ ปาฏิหาริย์ ! นี่คือปาฏิหาริย์ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในประวัติศาสตร์ของโกลาหล ! “
ความสงสัยในใจของทุกคนนั้นได้หายไป พวกเขามองไปที่จางหยูด้วยความยกย่อง การบรรยายเพียงครั้งเดียวแต่กลับทำให้พวกเขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด หากได้ฟังการบรรยายของจางหยูทุกวัน ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง ?
ตอนนั้นเองจ้านเทียนเกอและคนอื่นๆ หรือแม้แต่ซังหนานเทียนและซื่อซินราชาคนใหม่ต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเหล่าศิษย์และอาจารย์ของสำนักคังเฉียงด้วยสายตาอิจฉา หากพวกเขาเข้าร่วมสำนักคังเฉียง พวกเขาก็จะกลายเป็นสมาชิกของสำนักคังเฉียง บางทีอาจจะได้การฟังบรรยายของจางหยูบ่อยกว่านี้ก็ได้?
ที่พวกเขาได้ฟังการบรรยายในครั้งนี้ก็เพราะไมตรีที่มีกับจางหยู แต่พวกเขาไม่อาจจะขอให้จางหยูช่วยตลอดได้ หากเวลาผ่านไปมิตรภาพนี้ก็ต้องเจือจางลง แต่ถ้าหากพวกเขาได้เข้าร่วมสำนักคังเฉียง มันจะไม่เหมือนกัน แม้ว่ามิตรภาพจะเจือจางลงแต่ด้วยฐานะสมาชิกของสำนักคังเฉียง พวกเขาก็ยังจะได้ฟังการบรรยายของจางหยูต่อได้ “ เจ้าสำนัก “ จ้านเทียนเกอพูดขึ้นมา “ ข้าอยากเข้าร่วมสำนักคังเฉียง ข้าอยากได้รับอนุญาตจากเจ้าสำนัก “
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินเป่ยชาน, เบเกิลและคนอื่นๆต่างก็พูดขึ้นมาทันที “เจ้าสำนักโปรดอนุญาตด้วย ! “
ซังหนานเทียนและซื่อซินได้ยินแบบนั้นก็พากันมองไปที่เหล่าราชาและก้มหน้าทันที “ เจ้าสำนักโปรดอนุญาตด้วย! “
ฝ่ายคุมกฎเองก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ เจ้าสำนักโปรดอนุญาตด้วย! “
แม้ว่าพวกเขาจะทำงานให้กับสำนักคังเฉียงแต่ฐานะนี้ก็จะอยู่ได้แค่ 1 ยุค หลังจากนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสำนักคังเฉียงอีก
เมื่อเห็นความสามารถของจางหยู พวกเขาก็หวังว่าจะไม่พลาดโอกาสเช่นนี้ในอนาคต
ตอนนั้นเองทุกคนก็มองจางหยูด้วยสายตาคาดหวัง
เหล่าอาจารย์และศิษย์ต่างก็พากันภูมิใจในฐานะของตน
จางหยูพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ พวกเจ้ามั่นใจรึว่าจะเข้าร่วมสำนักคังเฉียง ?”
ในตอนที่รอให้ทุกคนตอบกลับ จางหยูก็ได้พูดต่อ “ ข้าอยากเตือนพวกเจ้าว่าเมื่อเข้าร่วมสำนักคังเฉียง หากไม่มีเหตุผลพิเศษ พวกเจ้าจะออกจากสำนักคังเฉียงไม่ได้ หากสำนักมอบหมายภารกิจให้ พวกเจ้าก็ต้องทำให้สำเร็จ…บางทีภารกิจนั้นอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตของพวกเจ้า ! “
“ พวกเรามั่นใจ ! “ จ้านเทียนเกอและคนอื่นๆพากันตอบกลับ
“ หากเป็นเช่นนั้นข้าจะยอมให้พวกเจ้าเข้าร่วมสำนักคังเฉียง “ จางหยูยิ้มออกมา
ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใช้สัญญานภาผูกมัดพวกนี้เอาไว้ จางหยูไม่จำเป็นต้องให้พวกนี้ทำสัญญา ด้วยความโกลาหลที่เขามีและโลกตันเถียนแล้ว จางหยูก็ไม่กลัวว่าพวกนี้จะหักหลังสำนักคังเฉียง ความแข็งแกร่งของเขามีประโยชน์ยิ่งกว่าสัญญาเสียอีก