มั่วชิงเฉินใจเต้น ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา “สหายเซี่ย มีเรื่องอะไรหรือ”
เซี่ยหรันมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มดุจบุปผา คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างไม่ทันรู้ตัว เสียงแหบพร่าไปเล็กน้อย “ไม่มีอะไร อาการบาดเจ็บเจ้าเป็นอย่างไร”
“ดีขึ้นมากแล้ว” มั่วชิงเฉินเอ่ยอย่างคร่าวๆ
วันนั้นนางถูกสืออิ่นลอบโจมตีที่แผ่นหลัง และถูกทำร้ายชีพจรในค่ายกลสังหารโดยธรรมชาติ อาการบาดเจ็บทั้งสองหนักหนามา แต่แค่หลังจากได้สติคืนมา ก็กังวลว่าเซี่ยหรันจะมีความคิดที่แตกต่างออกไป ถึงได้พยายามแสดงออกดีมาก แต่ครานี้ดูแล้ว คงไม่อาจอยู่กับเขาต่อไปได้อีก
มั่วชิงเฉินพลันตัดสินใจ รอเซี่ยหรันออกไปล่าน้ำค้างอีกครั้งจะจากไปอย่างเงียบๆ แม้ว่าอันตรายที่นางไม่รู้จะน่ากลัว แต่จิตใจคนนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า
คืนนี้เซี่ยหรันไม่ได้กักตนฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างหาได้ยาก นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเสื่อที่ทำจากใบไม้และหญ้าสีเขียวขจีมาเรียงซ้อนกันของมั่วชิงเฉิน
มั่วชิงเฉินเองก็ไม่ได้หลับ รู้สึกบีบคั้นหัวใจ ทุกครั้งที่เซี่ยหรันพลิกตัวครั้งหนึ่ง ก็จะรู้สึกสะดุ้งคราหนึ่ง
กลางดึกหลังจากที่เซี่ยหรันพลิกตัวอีกครั้ง ก็ลุกขึ้นนั่งอย่างเงียบเชียบ ดวงตาสีเข้มตกอยู่บนใบหน้าของมั่วชิงเฉินเนิ่นนานไม่ได้ละออกไป
เสียง ซ่า ดังขึ้น หยาดน้ำค้างขนาดเท่าศีรษะกลิ้งลงมา กระแทกกับพื้นจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้ขากางเกงของเซี่ยหรันเปียกโชก เขาถึงได้ได้สติกลับมา ปากบางเม้มแน่น นอนลงไปอีกครั้ง
มั่วชิงเฉินขยับมือซ้ายที่ซ่อนอยู่ใต้ร่าง ฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ ระเบิดสะท้านฟ้าที่กำอยู่ในมือเปียกชุ่ม
วันถัดมา เซี่ยหรันไม่ได้พักผ่อนอย่างหาได้ยาก ยังคงออกไปล่าน้ำค้างต่อ
มั่วชิงเฉินเรียกเขาน้อยออกมา พลิกตัวขึ้นมา “เขาน้อย ยังจำทางได้หรือไม่”
เขาน้อยย่ำกีบเท้า ดวงตาสดใสมองมายังมั่วชิงเฉิน ถ่ายทอดเสียงปลอบใจออกมา “นายท่าน โปรดวางใจ เขาน้อยจำได้”
“เช่นนั้นก็ดี เขาน้อย พวกเรารีบไปกันเถิด รักษาความสงบเอาไว้ในจิตใจ เข้าใจหรือไม่” มั่วชิงเฉินลูบใบหูเล็กๆ ของเขาน้อย
เขาน้อยยกกีบเท้าหน้าขึ้น “เขาน้อยเข้าใจ นายท่าน นั่งให้ดีเถิด”
เอ่ยจบ ก็กระโจนออกไปอย่างรีบร้อนและรวดเร็ว
มั่วชิงเฉินจับขนบนแผ่นหลังของเขาน้อยเอาไว้แน่น พลางถอนหายใจออกมา
ที่ผ่านมาแม้นางจะรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ตลอด แต่กลับถือโอกาสที่เซี่ยหรันไม่อยู่เตรียมตัว
ทุกๆ วัน ล้วนส่งผึ้งวิญญาณเลือดมรกตออกไปตรวจสอบเส้นทาง กว่าครึ่งของผึ้งวิญญาณเหล่านั้นล้วนไม่ได้กลับมา มีส่วนน้อยที่กลับมาพร้อมข่าวสาร เวลาผ่านไปนานเข้า ก็ค่อยๆ ปะติดปะต่อเส้นทางที่น่าจะปลอดภัยขึ้นมาได้สายหนึ่ง
ในบรรดาอสูรวิญญาณทั้งสามตัว อีกาเพลิงอยู่ในสภาวะกักตน หมาป่าน้อยมีจิตสังหารโดยธรรมชาติ หากปล่อยออกมาในสถานที่ที่มีอันตรายอยู่เต็มไปหมด ล้วนกลายเป็นเป้าที่มีชีวิต มีเพียงเขาน้อย แม้ว่าจะไม่มีพลังโจมตีอะไร แต่กลับเป็นเพราะคุณสมบัติเฉพาะอันบริสุทธิ์ของเขาน้อย จึงทำให้อสูรปีศาจส่วนใหญ่ไม่ทำการโจมตีก่อน
นางวาดเส้นทางนั้นขึ้นมา ให้เขาน้อยอ่านสองสามครา เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น เขาน้อยเองก็สามารถจำเส้นทางได้ด้วยตัวเอง
มั่วชิงเฉินเก็บกลิ่นอายตนเองเอาไว้จนมิดชิด เพื่อลดการคงอยู่ของตนให้ได้มากที่สุด หมอบอยู่บนแผ่นหลังของเขาน้อยปล่อยให้มันทะยานออกไป ดวงตาพิจารณาสภาพแวดล้อมรอบๆ
นางมองเห็นผีเสื้อขนาดเท่ากระบือเริงระบำอยู่สองสามครั้ง เห็นเขาน้อยทะยานเข้าไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็บินไปตามมัน จนเบื่อหน่ายแล้วถึงได้บินไป
และยังมีสิ่งที่เหมือนกับงูน้ำเลื้อยไปมาอยู่เต็มไปหมด บางครั้งก็เข้าไปพัวพันกับปีศาจวิหคและแมลงประหลาด ใช้หนามบนร่างดูดโลหิตจากสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจนเหลือเพียงหนังติดกระดูก แต่ยามที่เขาน้อยข้ามไปกลับทำเหมือนสัมผัสกลิ่นอายไม่ได้
ภายใต้สติปัญญาอันต่ำต้อยของผึ้งวิญญาณเลือดมรกต จึงไม่อาจอธิบายได้ว่าสถานที่ที่ต้องการจะไปเป็นอย่างไร แค่เดาจากแผ่นที่คร่าวๆ ว่าน่าจะใกล้ถึงแล้ว
มั่วชิงเฉินหรี่ตาลงมองไปเบื้องหน้าไม่กล้าแผ่จิตสัมผัสไปไกลนัก แต่เมื่อเห็นทัศนียภาพ บริเวณโดยรอบไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ไม่แน่ใจนักว่าสถานที่ปลอดภัยที่ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตหมายถึงนั้นคือที่ใด
เรียกผึ้งวิญญาณที่ออกสืบหาทางออกมาตัวหนึ่ง ผึ้งวิญญาณบินออกจากฝ่ามือตรงไปด้านหน้าทันที แล้วหยุดลงใต้พืชขนาดยักษ์ต้นหนึ่ง พลางบินวนล้อมรอบมัน
“เขาน้อย น่าจะเป็นที่นั่น” มั่วชิงเฉินชี้ไปที่ผึ้งวิญญาณเลือดมรกต
“อื้อ” เขาน้อยส่งเสียง แล้วพุ่งตรงไป
หนึ่งคนหนึ่งอสูรใกล้จะอยู่ตรงหน้าพืชต้นนั้นแล้ว ความเปลี่ยนแปลงก็ปรากฏขึ้น
ใบไม้ยักษ์ที่เดิมทีมัดแน่นพลันบานออก แมลงสีเขียวขนาดหนึ่งจั้งบินออกมา ปากใหญ่ยักษ์ของแมลงสีเขียวพ่นของเหลวสีเขียวออกมา
ชั่วขณะนั้นเขาน้อยพลันขาอ่อน ทรุดตัวลงตรงหน้า ทั้งร่างมั่วชิงเฉินหลุดลอยไปด้านหน้า
เขาน้อยรีบใช้ปากคาบเสื้อของมั่วชิงเฉินเอาไว้ ดวงตาสดใสเจ็บจนมีน้ำตาคลอ
มั่วชิงเฉินเหลือบตามองเห็นขาหน้าข้างขวาของเขาน้อยปรากฏแผลเหวอะหวะ เผยกระดูกสีขาวโพลนออกมา
“นายท่าน ให้ข้าออกไป” ในถุงอสูรวิญญาณมีเสียงทุ้มต่ำของหมาป่าน้อยดังออกมา
มั่วชิงเฉินส่งเขาน้อยกลับไปในถุงอสูรวิญญาณอย่างไม่ลังเล แล้วปล่อยหมาป่าน้อยออกมา
ชั่วพริบตานั้นที่ส่งเขาน้อยไป ร่างทั้งร่างของนางตกลงสู่ด้านล่าง แมลงยักษ์สีเขียวดีดตัว อ้าปากกระโจนเข้ามา
ลำแสงสีดำสว่างวาบ หมาป่าน้อยปรากฏตัว ม้วนตัวรับมั่วชิงเฉินเอาไว้ จากนั้นกรงเล็บอันแหลมคมก็ตวัดไปทางแมลงสีเขียว ได้ยินเสียงแพละดังขึ้น ของเหลวสีเขียวถูกพ่นออกมาจากปาก
หมาป่าน้อยหลบหลีกอย่างมีไหวพริบ ของเหลวเหนียวข้นสีเขียวพ่นไปถูกใบไม้สองสามใบ
ใบเหล่านั้นคลี่ออก แมลงสีเขียวยี่สิบสามสิบตัวกระโจนออกมา
หมาป่าน้อยร้องคำรามเสียงยาวๆ ออกมา สลัดมั่วชิงเฉินออกไป
“หมาป่าน้อย!” ในเวลาเดียวกันที่มั่วชิงเฉินลอยออกมาจากพืชยักษ์ ก็มองเห็นแมลงสีเขียวยี่สิบสามสิบตัวกำลังวนล้อมรอบหมาป่าน้อย นางพลันชูมือขึ้นสลัดไปลูกหนามเหล็กนับร้อยออกไปอย่างไม่สนใจอาการบาดเจ็บ จากนั้นนิ้วทั้งสิบก็ร่ายอาคม ดีดเปลวน้ำแข็งเหมันต์ออกไปเกาะอยู่บนลูกหนามเหล็ก
ลูกหนามเหล็กที่มีเปลวเพลิงสีน้ำแข็งลุกโชนโจมตีไปยังร่างของแมลงยักษ์สีเขียว ชั่วขณะนั้นร่างของแมลงสีเขียวพลันแข็งทื่อ
ความเร็วของหมาป่าน้อยราวกับสายฟ้าฟาด ชั่วพริบตาก็ใช้กรงเล็บอันแหลมคมกรีดไปบนท้องของแมลงสีเขียวยี่สิบสามสิบกว่าตัวนั้น ของเหลวเหนียวข้นสีเขียวสาดกระจายออกมา
หลังจากของเหลวเหนียวข้นตกลงบนใบ แมลงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนก็ล้นทะลักออกมา
มั่วชิงเฉินหน้าเปลี่ยนสี ธนูเขียวซ่อนเร้นปรากฏขึ้น หมายจะกระตุ้นพลังปราณให้ใช้วิญญาณบุปผาจรัสแสง หมาป่าน้อยหันกลับมาเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าต่อกรได้ ท่านพักเถิด!”
หันกลับไปดวงตาของหมาป่าน้อยพลันมีลำแสงสีแดงสว่างวาบ จากนั้นก็กลายเป็นเงาลวงตาสีดำสายหนึ่ง หมุนวนแล้วเคลื่อนย้ายไปอยู่ท่ามกลางแมลงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วน
มั่วชิงเฉินเก็บธนูเขียวซ้อนเร้นกลับมา รู้สึกว่าพละกำลังหายไปพลางเซถลานั่งลงกับพื้น ฝืนใช้มือพยุงกายจ้องมองทางนั้นเขม็ง พยายามมองหาโอกาสโยนระเบิดสะท้านฟ้าไปช่วยหมาป่าน้อยอีกแรง
ฉับพลันนั้นก็รู้สึกตึงที่ข้อเท้า เมื่อก้มหน้าลงก็เห็นเถาวัลย์สีเขียวสายหนึ่งรัดข้อเท้าเอาไว้ พลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งดึงนางให้ไถลไปทิศทางหนึ่ง
มองไปตามทิศทางนั้น ดอกไม้ปีศาจขนาดเท่าถังเก็บน้ำพลันแย้มกลีบออก เกสรดกไม้สั่นเทาขณะเผชิญหน้ากับนาง
มั่วชิงเฉินหยิบกริชฟันปลาออกมา สับไปทางเถาวัลย์นั่นอย่างแรง กลับพบว่าเถาวัลย์กลับปลอดภัยไร้อันตราย ความเร็วในการดึงนางกลับเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ฉับพลันนั้นก็นึกถึงคำพูดของเซี่ยหรัน ดาวดวงน้อยในยามนี้ใช้สมบัติอาคมโจมตีไม่ได้ผล แม้ว่ากริชสลับฟันปลาจะแหลมคม หากสูญเสียพลังปราณใช้เพียงความแหลมคมของมันต่อกรกับพืชปีศาจเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังไม่เพียงพอ
นางกัดฟันรวบรวมเปลวเพลิงน้ำแข็งยะเยือกในร่างออกมาที่ฝ่ามือ กลายเป็นดาบเปลวเพลิงน้ำแข็งสีฟ้าเล่มหนึ่ง สับไปทางเถาวัลย์อย่างแรง
ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเถาวัลย์ปีศาจเชื่องช้าลง จุดที่ถูกสับเผยรอยสีขาวสายหนึ่งออกมา
มั่วชิงเฉินถือโอกาสที่เถาวัลย์ปีศาจลดความเร็วลง รีบร้อนใช้สองเท้าเกี่ยวไว้บนก้านต้นพืช กลับคิดไม่ถึงว่ากิ่งก้านของพืชจะมีหนามแหลมอยู่เต็มไปหมด พลันแทงลึกเข้าไปในขา
มั่วชิงเฉินเจ็บจนมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นโทรมกาย แต่กลับไม่กล้าปล่อยมือ มือคว้าเถาวัลย์ปีศาจเอาไว้ได้ ดาบที่ถืออยู่อีกมือหนึ่งก็สับไปทางเถาวัลย์ปีศาจ
เถาวัลย์ปีศาจดูเหมือนว่าจะได้รับความเจ็บปวด ออกแรงดึงมากขึ้น สองเท้าของมั่วชิงเฉินที่เกี่ยวกิ่งก้านมีหนามแหลมค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปทีละก้าวๆ บนขาถูกกรีดเป็นรอยลึกจำนวนนับไม่ถ้วน
โลหิตสดๆ ทะลักออกมา อาบย้อมพืชพรรณใต้ร่าง
มั่วชิงเฉินเจ็บปวดจนด้านชาไปเล็กน้อย ริมฝีปากกัดแน่น การเคลื่อนไหวกลับรวดเร็วขึ้น เปลวน้ำแข็งเหมันต์ที่รวมตัวกันเป็นดาบยาวสับลงไปยังจุดเดียวกันบนเถาวัลย์ ที่ตรงนั้นค่อยๆ เกิดเป็นรอยเล็กๆ อยู่ห่างจากดอกไม้ปีศาจที่แย้มกลีบออกไปไม่ถึงครึ่งจั้ง ในที่สุดก็ได้ยินเสียง ฉับ เถาวัลย์ปีศาจขาดท่อนลง
เกสรของดอกไม้ปีศาจเหมือนกับลิ้นอย่างไรอย่างนั้น ยืดยาวออกไปด้านหน้า คิดจะม้วนมั่วชิงเฉินเข้ามา
มั่วชิงเฉินพยายามบิดตัวกลิ้งไปด้านข้าง
โลหิตสดๆ ไหลรินออกมา แทรกซึมเข้าไปบนหญ้าปีศาจ ชั่วพริบตาหญ้าปีศาจก็ผุดดอกไม้ตูมๆ ขึ้นมา ดอกตูมๆ ค่อยๆ บานจนเหมือนกับปากอ้าออกครึ่งหนึ่ง เกาะและกัดอยู่บนไหล่ของมั่วชิงเฉิน
มั่วชิงเฉินทนความเจ็บปวดไม่ไหวจนร้องออกมา
หมาป่าน้อยตบไปที่แมลงสีเขียวตรงหน้า พุ่งไปหามั่วชิงเฉิน ด้านหลังยังมีแมลงสีเขียวตัวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่ง
มันไม่สนใจจะหยุด ปล่อยให้แมลงสีเขียวตัวนั้นกัดที่ขาด้านหลัง จากนั้นก็สลัดขาออก ลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นแมลงสีเขียวพลันแยกออกเป็นสองส่วน
ชั่วพริบตาก็กระโจนมาข้างกายของมั่วชิงเฉิน อ้าปากกัดที่ส่วนรากของหญ้าปีศาจ
ดอกตูมๆ พลันคลายออก มั่วชิงเฉินพลิกกายม้วนตัวออกมาหลายตลบ
โลหิตสดๆ ที่ไหลออกมากลับร้องเรียกหญ้าปีศาจให้ตื่นขึ้น ยามนั้นฝูงปีศาจพลันเกิดความวุ่นวายขึ้น หมาป่าน้อยกระโจนเข้าไปในดงหญ้าปีศาจ
มั่วชิงเฉินควักผงสีขาวมาโปรยลงบนร่าง ห้ามเลือดอย่างลวกๆ หญ้าปีศาจสองสามต้นรายล้อมกาย
ในยามนั้นเงาร่างสายหนึ่งพลันกะพริบวาบ ดาบนกเป็ดน้ำคู่หนึ่งก็ลอยโค้ง บีบหญ้าปีศาจให้ล่าถอยไป คอยโอบล้อมมั่วชิงเฉินอยู่ด้านนอก
มั่วชิงเฉินยกมือขึ้นกวักเรียกหมาป่าน้อย มองคนผู้นั้นรู้สึกบอกไม่ถูก “สหายเซี่ย เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เซี่ยหรันเม้มปากไม่พูดจา หยุดลงใต้ต้นไม้ยักษ์ต้นหนึ่งหลังจากวิ่งห้อตะบึงมาตั้งไม่รู้นานเท่าไหร่ ค้อมเอวเข้าไปในโพรงใต้ต้นไม้ วางมั่วชิงเฉินลงบนพื้นแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “เจ้าออกมาวิ่งพล่านที่นี่ได้อย่างไร”
มั่วชิงเฉินพยายามลุกขึ้นนั่ง ยกขากางเกงขึ้น ทาขี้ผึ้งมังกรหยกลงบนบาดแผลที่ดูน่ากลัว แล้วทาที่หัวไหล่ ถึงได้มองเซี่ยหรันพร้อมกับเหนื่อยหอบ “ข้าแค่อยากดูว่าสถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไร จะต่อกรได้หรือไม่ ไม่อาจเป็นถ่วงสหายเซี่ยได้ตลอด”
เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมา มั่วชิงเฉินเองก็ไม่หวังให้เซี่ยหรันเชื่อ หวังเพียงว่ายามนี้จะไม่ฉีกหน้ากันก่อนจะดีกว่า
เซี่ยหรันจ้องเขม็งไปยังใบหน้าที่ซีดขาวของมั่วชิงเฉิน เอ่ยถามพร้อมกับอมยิ้ม “สหายมั่วไม่อยากเป็นตัวถ่วงข้าจริงๆ หรือ”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว” มั่วชิงเฉินพลันจิตใจหนักอึ้ง มองเซี่ยหรัน พบว่าสีหน้าของเขาซีดขาวเช่นกัน
หรือว่า เขาก็ได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่กำลังขบคิด ก็รู้สึกว่าเบื้องหน้ามืดหม่น เซี่ยหรันกดตัวลงมา
ชั่วพริบตากลิ่นอายของบุรุษแปลกหน้าก็อบอวลไปทั่วจมูก มั่วชิงเฉินรู้สึกเพียงว่าท้องมวนไปหมดราวกับพลิกแม่น้ำพลิกทะเล สองมือพยายามผลักเซี่ยหรันออกไป แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “สหายเซี่ย มีมารยาทด้วย!”
เซี่ยหรันยื่นมือออกไปตะปบมั่วชิงเฉิน แววตาราวกับบ่อน้ำลึก “สหายมั่ว ข้าให้สัญญา ขอเพียงผสานทารกปราณก่อกำเนิดได้อย่างราบรื่น ข้าจะปกป้องเจ้าให้ดี”