ตอนที่ 1660 กลับบ้าน (1)
อู๋เหยียนทำตัวเงียบขรึมเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่และเมื่อผ่านไปสักพัก เขาก็ตัดสินใจได้ เขาพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่อวิ๋นลั่วเฟิง “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าก็อยากจะพูดกับท่านคนเดียว”
“เฟิงเอ๋อร์!” เมื่อหนิงซินได้ยินคำขอของเขา หัวใจของนางก็ถูกบีบแล้ว นางหวาดระแวงในตัวอู๋เหยียนเป็นอย่างมากเพราะนางกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรเลวร้ายกับอวิ๋นลั่วเฟิง
ในทางกลับกันอวิ๋นลั่วเฟิงก็เผยรอยยิ้ม “ท่านป้ารอง พาคนอื่นออกไปก่อนเถอะ ข้าจะคุยกับเขาตามลำพัง”
หนิงซินลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายนางก็เลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่อวิ๋นลั่วเฟิงเลือก
“สุ่ยเอ๋อร์ พวกเราออกไปก่อนเถอะ อย่ารบกวนญาติผู้พี่ของเจ้า…” นางเลิกคิ้วแล้วกวาดสายตามองเด็กๆ “ตอนนี้พวกเจ้าเป็นอิสระแล้ว ข้าจะให้ผู้คุ้มกันของตระกูลเยี่ยพาเจ้ากลับบ้าน”
หลังจากพูดจบ นางก็ส่งสายตาเคร่งเครียดไปที่สมาชิกสองคนของกลุ่มโจรพยัคฆ์ร้าย “พวกเจ้าต้องจ่ายค่าตอบแทนที่กล้าลักพาตัวบุตรสาวของข้า!”
ฟุบ! ทันใดนั้นสัตว์อสูรสองตัวก็ร่อนลงมาหยุดที่ตรงหน้าหนิงซิน “พาสองคนนี้และทุกคนกลับไปที่ตระกูลเยี่ยเพื่อโดนลงโทษ!” หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหนิงซินก็เดินออกมาจากกระท่อมแล้วให้พื้นที่กับอวิ๋นลั่วเฟิง
ใบหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงปรากฏรอยยิ้มขณะที่นางใช้นิ้วลูบคางเบาๆ “เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าก็บอกตัวตนของเจ้ามาได้แล้ว”
“ข้าบอกใครเรื่องตัวตนของข้าไม่ได้” อู๋เหยียนเงยหน้าแล้วดวงตาสีดำสนิทของเขาก็มีประกายเด็ดเดี่ยว “แต่ว่า ข้าหวังว่าท่านจะรับข้าไปอยู่ด้วย ถ้าท่านทำอย่างนั้น ในอนาคตข้าจะทำประโยชน์ให้ท่านมากๆ”
“ช่วย?” อวิ๋นลั่วเฟิงหัวเราะเบาๆ “มีใครบางคนจำกัดร่างของเจ้าเอาไว้ดังนั้นเจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไร”
สีหน้าของเด็กหนุ่มแข็งค้าง อย่างที่คิดสภาพร่างกายของเขาตอนนี้ไม่สามารถปิดบังอวิ๋นลั่วเฟิงได้ “ข้าเชื่อว่าท่านมีความสามารถพอที่จะปลดการจำกัดนี้ได้”
“เหตุผล ข้าอยากได้เหตุผลหรือจะให้ข้าพูดว่าข้าช่วยเจ้าแล้วจะได้ประโยชน์อะไร”
อวิ๋นลั่วเฟิงไม่มีทางทำอะไรที่ไม่ได้ประโยชน์
ปัง!
จู่ๆ อู๋เหยียนคุกเข่าข้งหนึ่งลงไปที่พื้นด้วยความเคารพ “ข้าน้อยไม่มีอะไรจะมอบให้ท่าน สิ่งเดียวที่มีก็คือชีวิตของข้า! ถ้าท่านยอมรับข้า ตั้งแต่วันนี้ชีวิตของข้าเป็นของท่านขอรับ!”
“เอาล่ะ ข้ายอมรับเจ้า” เสียงร้ายกาจของหญิงสาวคล้ายกับสายลมอ่อนโยนที่ลอยเข้าสู่หูของอู๋เหยียน
เขาเบิกตากว้างและมองสตรีในชุดสีขาวด้วยความไม่เชื่อ
นางยอมรับงั้นหรือ ทำไมล่ะ ทุกคนพูดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงชั่วร้ายและไร้ปรานีแต่เหตุใดนางถึงยอมรับคำขอของข้าโดยไม่ถามเหตุผลหรือตามหาตัวตนของเขา เรื่องนี้…ดูน่าเหลือเกินไป
เมื่อคิดได้อย่างนั้นข้างในอู๋เหยียนก็รู้สึกตระหนก “ท่านจะไม่ถามเรื่องตัวตนของข้าน้อยหรือขอรับ”
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากพูด ตามปกติข้าก็จะไม่บังคับเจ้า ข้าเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองเสมอ” สัญชาตญาณของนางมักถูกเสมอ ตัวอย่างเช่นสัญชาตญาณของนางบอกว่าเด็กผู้ชายที่นางพึ่งเก็บมาและมีชื่อว่าอู๋คนนี้เป็นตัวปัญหาแน่ๆ!
“ขอบคุณขอรับ”
เสียงของอู๋เหยียนฟังดูแหบแห้ง “ตอนนี้ ข้ายังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้แต่เมื่อถึงเวลาข้าน้อยจะบอกท่านอย่างซื่อสัตย์ แต่ว่าข้าน้อยรับรองได้ว่าในชีวิตข้าน้อยจะไม่มีวันทรยศท่านขอรับ”
สีหน้าของเด็กหนุ่มเป็นประกายจนเกือบจะเหมือนแสงอาทิตย์
“ตอนนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการดังนั้นข้าจึงพาเจ้าไปด้วยไม่ได้ ตอนนี้ข้าจะมอบหมายให้เจ้าอยู่ที่ตระกูลเยี่ยและอยู่เป็นเพื่อนกับสุ่ยเอ๋อร์”
…………………………………..
ตอนที่ 1661 กลับบ้าน (2)
เด็กหนุ่มมองนางด้วยสายตาว่างเปล่า อวิ๋นลั่วเฟิงมอบหมายให้เขาอยู่เป็นเพื่อนเด็กผู้หญิงตัวน้อยงั้นหรือ เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการใช้คนที่มีพรสวรรค์ไปอย่างเปล่าประโยชน์หรือ
“นายหญิง ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของข้าน้อยจะถูกผนึกไว้แต่ข้าน้อยก็ยังมีประโยชน์ถ้าอยู่ข้างท่านนะขอรับ ท่าน…”
อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้ว “ข้าไม่ชอบให้คนอื่นมาสงสัยในการตัดสินใจของข้า ถ้าเจ้าไม่อยากทำตามคำสั่ง ข้าก็ทำได้แค่ขอให้เจ้าออกไป”
คำพูดของหญิงสาวร้ายกาจและเต็มไปด้วยความเย็นชามากเสียจนมีกลิ่นอายน่าขนลุกทำให้เด็กหนุ่มตัวสั่นทันที
เขาก้มหน้า “อู๋เหยียนยินดีทำตามคำสั่งของนายหญิงขอรับ”
“ด้วยความสามารถของข้าในตอนนี้ ข้าไม่สามารถปลดผนึกเจ้าได้ ให้เวลาข้าสักหน่อยแล้วข้าจะหาทางช่วยเจ้า”
อวิ๋นลั่วเฟิงมองเด็กหนุ่มด้วยดวงตาเป็นประกาย เมื่อสักครู่เสียงของปี้เซียวดังผ่านต้นไม้แห่งชีวิตมาหานาง
“นายหญิงเจ้าคะ เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้เป็นคนของโลกนี้เจ้าค่ะ…”
“ไม่ใช่คนจากโลกนี้งั้นหรือ เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ปี้เซียวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจ “ในโลกเป็นหมื่นเป็นแสนใบก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกมากนัก เป็นธรรมดาที่โลกใบนี้จะมีแผ่นดินอีกมากถูกสร้างขึ้น ผนึกในร่างของเด็กหนุ่มคนนี้ค่อนข้างพิเศษและด้วยความสามารถของท่านในตอนนี้ ท่านก็ยังช่วยเขาไม่ได้เจ้าค่ะ ท่านจะสามารถทำลายผนึกได้ก็ต่อเมื่อท่านแข็งแกร่งขึ้น”
แต่ว่าปี้เซียวไม่รอให้อวิ๋นลั่วเฟิงถามคำถามที่เจาะจง นางก็พูดต่อ “เด็กหนุ่มไม่ได้บอกอะไรที่เป็นประโยชน์กับท่านและข้าก็พูดอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้ ท่านจำเป็นต้องรู้แค่ว่าความสามารถของท่านในตอนนี้ยังไม่พอ…”
ถูกแล้ว! ความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ยังไม่เพียงพอ! นางมีแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นถึงจะสามารถช่วยสุ่ยเอ๋อร์รวมถึงครอบครัวและสหาย!
…
บนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน ทันทีที่พวกเขาเห็นสัตว์วิญญาณอสูรของตระกูลเยี่ยพาหรูอี้และคนอื่นมา สายตาของทุกคนก็แสดงความสงสัย โดยเฉพาะที่ด้านหลังของพวกเขามีกลุ่มเด็กๆ อ่อนเยาว์
“พวกเจ้าทั้งหมดไปได้” หนิงซินหันไปหาเด็กๆ แล้วพูดว่า “สัตว์วิญญาณอสูรของตระกูลเยี่ยจะพาเจ้าไปส่งบ้าน”
เด็กๆ บางส่วนร้องไห้ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งแต่ก็ยังมีเด็กบางส่วนที่ลังเลที่จะจากไป
“หืม?” หนิงซินเลิกคิ้ว “พวกเจ้าไม่กลับบ้านกันหรือ”
เด็กที่เคยสงสัยในคำพูดของอวิ๋นรั่วสุ่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ท่านพ่อท่านแม่ของข้า…ถูกกลุ่มโจรพยัคฆ์สังหารหมดแล้วเจ้าค่ะ” หลังจากพูดจบน้ำตาก็ไหลจากดวงตาของนาง
“ตอนที่กลุ่มโจรพยัคฆ์ร้ายพยายามลักพาตัวข้า พวกเขาถูกท่านพ่อท่านแม่ของข้าเปิดโปง ตอนนั้นพวกเขาลงมือแล้วจึงตัดสินใจเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นดังนั้นพวกเขาก็เลยสังหารท่านพ่อท่านแม่แล้วโยนร่างของพวกเขาลงไปที่หน้าผา…”
น้ำตาแห่งความโศกเศร้าของนางส่งผลต่ออวิ๋นรั่วสุ่ยแล้วดวงตาของนางก็แดงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“ท่านแม่ นางน่าสงสารมาก พวกเราช่วยนางเถอะเจ้าค่ะ”
หนิงซินขมวดคิ้วแล้วมองเด็กคนอื่นๆ “แล้วพวกเจ้าที่เหลือล่ะ”
เมื่อได้ยินคำถามของนาง เด็กคนอื่นๆ ก็อธิบายต่อๆ กัน
เด็กบางคนไม่มีบิดามารดามาตั้งแต่แรกแล้วใช้ชีวิตเป็นขอทานตามถนนแต่ก็ถูกกลุ่มโจรพยัคฆ์ร้ายจับตัวมา แล้วยังมีเด็กที่มีญาติยากจนแล้วขายพวกเขาอย่างถูกๆ เพื่อเงิน สถานที่แบบนั้นพวกเขาไม่อยากกลับไปไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่อาจหนีชะตากรรมที่ต้องถูกขายได้
“แม่นางหนิง ข้าขอร้องท่านอย่าส่งข้ากลับบ้านเลยเจ้าค่ะ” เด็กหญิงรีบคุกเข่าตรงหน้าหนิงซินแล้วร้องไห้อย่างน่าสงสาร “ในปีนั้น ท่านลุงของข้าไม่สบายแล้วท่านพ่อของข้าก็ถูกสัตว์วิญญาณอสูรกินตอนที่พยายามออกไปหาสมุนไพรมารักษาเขา ท่านแม่ข้าก็เสียจากความโศกเศร้า ดังนั้นข้าจึงถูกครอบครัวของท่านลุงรับเลี้ยงแต่ว่าเพื่อที่จะให้ลูกพี่ลูกน้องของข้าได้แต่งภรรยา พวกเขาขายข้าให้กลุ่มโจรพยัคฆ์ร้าย ฮือๆ ข้าไม่อยากกลับไปเจ้าค่ะ…”