ตอนที่ 1710 ฉินลั่วพ่ายแพ้ (4)
“เจ้า…” ใบหน้าของฉิ่นลั่วเกรี้ยวกราด “อวิ๋นลั่วเฟิง อย่าดีใจไปหน่อยเลย! ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องข้าล่ะก็ จะมีใครมาสังหารเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ข้า!”
“จริงหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอคนคนนั้นมาสังหารข้าก็แล้วกัน”
อวิ๋นเซียวยืนอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิงเงียบๆ และดวงตาของเขาก็เย็นชาและเคร่งเครียด กลิ่นอายส่งพลังของเขาทำให้ฉินลั่วรู้สึกหวาดกลัว
ชายคนนี้ก็เหมือนกับชายชราคนนั้น ทั้งคู่เป็นผู้ฝึกฌานขั้นกึ่งเทพ ถึงแม้ว่าเขาจะพึ่งถึงขั้นนี้ได้ไม่นานแต่กลิ่นของเขาก็ทรงพลังเกินไป ทรงพลังมากจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ฉินลั่วดึงหมัดของนางออกจากฝ่ามือของอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างยากลำบากและยกขาขึ้นเตะนาง
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มเยาะแล้วกำลังจะกันการโจมตีของนางแต่ว่าตอนนั้นเองจู่ๆ นางก็ชะงักและมีพลังบางอย่างพยายามทำลายจิตของนางจนเกิดการระเบิด และฉินลั่วก็กระเด็นออกไป
ในที่สุดดินแดนแห่งจินตนาการถูกทำลายแล้ว…
เหล่าทัพเหล็กกล้าและเหล่าทัพเพลิงพิโรธที่ถูกอวิ๋นลั่วเฟิงส่งเข้าไปในดินแดนแห่งจินตนาการเพื่อฝึกพลังฌานก็ถูกส่งออกมาทันทีที่ดินแดนแห่งจินตนาการพังทลาย และร่วงลงบนพื้นอย่างเก้ๆ กังๆ
พวกเขามองหน้ากันอย่างประหลาดใจและสับสนเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…
ขณะที่สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงเปลี่ยนไปทีละน้อย จู่ๆ เสียงหัวเราะอย่างตื่นเต้นก็ดังขึ้น เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินเสียงนี้ นางก็ตัวสั่น
“เจวี๋ยเชียน ในที่สุดข้าออกมาจากดินแดนแห่งจินตนาการบ้าๆ นั่นได้แล้ว! ฮะ ฮะๆ!”
บนใบหน้าอ่อนเยาว์ของโม่เชียนเฉิงปรากฏรอยยิ้มตื่นเต้น และดวงตาของเขาก็เป็นประกายยินดีเมื่อเขาเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงในวินาทีแรก เขาก็พุ่งเข้ามาหาพยายามจะสวมกอดนาง
แต่ก่อนที่โม่เชียนเฉิงจะมาถึงตรงหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิง ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านข้างแล้วดึงอวิ๋นลั่วเฟิงเข้าสู่อ้อมกอด ก่อนจะใช้ดวงตาเย็นชามองไปที่โม่เชียนเฉิงเหมือนกระบี่คม
“เจ้าเป็นใคร”
สีหน้าของโม่เชียนเฉิงมืดมนลง หรือว่าเจวี๋ยเชียนจะมีชายอื่นอย่างนั้นหรือ
ดวงตาของอวิ๋นเซียวหนักแน่น “ข้าเป็นสามีของนาง”
โม่เชียนเฉิงรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลาย เขาหน้าบึ้งแล้วชี้หน้าอวิ๋นลั่วเฟิงก่อนจะพูดกับนางว่า “เจวี๋ยเชียน เจ้าบอกข้ามาว่าบุรุษผู้นี้โกหก เขาจะเป็นสามีของเจ้าได้อย่างไร เขาต้องกำลังโกหกแน่ๆ ข้ารอเจ้ามาหลายปี เจ้าจะทอดทิ้งข้าไม่ได้ เจ้าทำได้อย่างไร”
อวิ๋นลั่วเฟิงรู้ดีว่าโม่เชียนเฉิงแข็งแกร่งมากแค่ไหน ตอนที่นางอยู่ที่ดินแดนแห่งจินตนาการ นางแกล้งเป็นเจวี๋ยเชียนเพื่อที่จะช่วยจีจิ่วเทียน นางวางแผนจะเพิ่มพลังของตัวเองก่อนที่โม่เชียนเฉิงจะออกมาจากดินแดนแห่งจินตนาการได้และนางก็จะได้สามารถจัดการกับเขาได้ แต่ว่าเขากลับทำลายดินแดนแห่งจินตนาการออกมาได้ก่อนเวลา…
“บุรุษผู้นี้ต้องล่อลวงเจ้าแน่ ข้าจะสังหารเขา ถ้าเขาตายเจ้าก็จะเป็นของข้า!”
อวิ๋นเซียวขมวดคิ้วและตอนที่เขากำลังจะเดินออกมาเผชิญหน้า ก็มีมือจากด้านหลังมาจับแขนเขาเอาไว้ก่อน
อวิ๋นลั่วเฟิงส่ายหน้าให้เขาและหันไปสบตากับโม่เชียนเฉิง “ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ข้าไม่ใช่เจวี๋ยเชียน ข้าแกล้งเป็นเขาเพื่อที่จะช่วยจีจิ่วเทียน”
“ไม่ เจ้าคือเจวี๋ยเชียน!”
โม่เชียนเฉิงดูเจ็บปวด “เจ้าขังข้าไว้ในดินแดนแห่งจินตนาการเป็นพันปี ข้าต้องรอเจ้าเป็นพันปี เหตุใดเจ้าถึงทำกับข้าแบบนี้”
มุมปากของอวิ๋นลั่วเฟิงกระตุก นางโกหกเขาแต่เมื่อนางบอกความจริง เขากลับปฏิเสธที่จะเชื่อนางและยืนยันว่านางคือเจวี๋ยเชียน!
“เฟิงเอ๋อร์ รอข้าก่อน” อวิ๋นเซียวยื่นตัวมากระซิบกับอวิ๋นลั่วเฟิง
“อวิ๋นเซียว…” อวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกเหมือนหัวใจของนางกระตุก “โม่เชียนเฉิงแข็งแกร่งมาก ท่าน…”
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะกลับมาท่านอย่างปลอดภัย”
…………………………………..
ตอนที่ 1711 อวิ๋นเซียวจอมวางแผน (1)
เมื่ออวิ๋นเซียวพูดจบ เขาและโม่เชียนเฉิงก็หายตัวไปเหลือทิ้งไว้แต่สายลมที่พัดผ่านหูของอวิ๋นลั่วเฟิง
เมื่อผู้เฒ่าจวินเห็นว่าอวิ่นลั่วเฟิงกังวลเรื่องของอวิ๋นเซียว เขาก็ยิ้ม “เด็กน้อย ไม่ต้องกังวลหรอก อวิ๋นเซียวไม่ใช่คนหุนหัน เขาต้องมีแผนของตัวเองอยู่แล้ว”
อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วหันไปหาผู้เฒ่าจวิน
“ข้าได้ยินมาท่านออกมาตามหาข้ากับอวิ๋นเซียว เหตุใดท่านถึงใช้เวลาตั้งหลายวัน”
ผู้เฒ่าจวินดูอับอายเล็กน้อย “เอ่อ เรื่องมันยาว…”
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้สั้นสิ”
“แค่ก” ผู้เฒ่าจวินไอแห้งๆ “เอ่อ ตอนที่ข้ามาถึงที่ภูผาสุสานเทพ ข้าก็เจอกับคู่รักคู่หนึ่ง จากนั้นข้าร่วมเดินทางกับพวกเขาแต่โชคร้ายที่พวกเราต้องจากทางกันตอนครึ่งทาง…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผู้เฒ่าจวินก็ดูเสียใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกกังวลต่อหน้าคู่รักคู่นั้น อีกอย่างสตรีในชุดสีแดงผู้นั้นก็ดูคุ้นเคยมาก…
“หลังจากที่แยกกับคู่รักคู่นั้น ข้าก็ตกลงมาในกับดักแล้วมาพบอวิ๋นเซียวที่บาดเจ็บอยู่ สุดท้ายพวกเราก็หาทางออกจากกับดักได้แล้วมาเจอกับสตรีเสียสติคนนั้น!” ชายชราบ่น
อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้ถามอะไรอีก ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกัวลขณะที่มองไปที่ทิศทางที่อวิ๋นเซียวและโม่เชียนเฉิงจากไป
…
หลังจากผ่านไปสักพัก อวิ๋นเซียวกับโม่เชียนเฉิงก็มาปรากฏตัวที่หน้าอวิ๋นลั่วเฟิงอีกครั้ง แต่แทนที่ทั้งคู่จะบินมา พวกเขากลับเดินมาบนพื้น ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บ โม่เชียนเฉิงจ้องหน้าอวิ๋นเซียวเหมือนต้องการจะกินเขาทั้งเป็น
“เหตุใดพวกเจ้าถึงกลับมาเร็วนัก” อวิ๋นลั่วเฟิงตะลึง นางพึ่งจะกังวลเรื่องของเขาไปไม่นานแต่การต่อสู้ของพวกเขากลับจบแล้ว
อวิ๋นเซียวยื่นแขนออกมากอดนางและรอยยิ้มก็ค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าเย็นชาของเขา “ข้าทำทุกอย่างเร็วเสมอ ยกเว้น…” ชายหนุ่มหยุด “เรื่องบนเตียง ถ้าอยู่บนนั้น ข้าจะค่อนข้างช้า”
ใบหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงมืดครึ้มและนางก็เงยหน้ามองดวงตาสีนิลที่มีรอยยิ้มข้างในของเขา อย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี
“อวิ๋นเซียว เรื่องนี้ใครเป็นสอนเจ้า”
นางจำได้ลางๆ ว่าอวิ๋นเซียวไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนรักแต่ตอนนี้เขาถึงกลับกำลังเล่นมุกใต้สะดือโดยไม่กะพริบตาเลยอย่างนั้นหรือ
“ข้าเรียนรู้ด้วยตัวเอง” อวิ๋นเซียวมองสตรีในอ้อมแขนเขาแล้วยิ้ม
ใบหน้าของโม่เชียนเฉิงมืดมนมากจนดูเหมือนอยากจะสังหารอวิ๋นเซียวด้วยสายตา
“บอกข้าสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
ถึงอย่างไรโม่เชียนเฉิงก็มีชีวิตอยู่มาหลายปีขณะที่อวิ๋นเซียวเป็นแค่ชายหนุ่มคนหนึ่งในช่วงอายุยี่สิบปี ถ้าอวิ๋นเซียวมีเวลามากกว่านี้สักสองสามปีโม่เชียนฉิงก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแล้ว
แต่ตอนนี้…
“เขาบอกว่าเขาสามารถเอาชนะข้าได้โดยไม่ใช่พลังฌาน” อวิ๋นเซียวพูดแล้วเหลือบมองโม่เชียนเฉิง “ดังนั้นข้าก็เลยสร้างกฎว่าพวกเราจะสู้กันด้วยกำลังและห้ามมีใครใช้พลังฌาน”
“เขายอมรับหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วถาม
“ใช่แล้ว” อวิ่นเซียวพยักหน้า “แต่ข้าบอกเพิ่มว่าพวกเราทั้งคู่ควรจะผนึกพลังของพวกเราเอาไว้”
ความจริงแล้วผู้ฝึกฌานสามารถผนึกพลังของตัวเองได้และปกติคนที่แข็งแกร่งกว่าก็จะสามารถผนึกได้แค่คนที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น
แน่นอนว่าไม่มีใครผนึกพลังของตัวเอง…
เพราะนั่นหมายความว่าเมื่อใดก็ตามที่พลังของตัวเองถูกผนึกก็จะไม่สามารถปลดผนึกได้ถ้าไม่ได้คนอื่นช่วย นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาเดินกลับมา