พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) – บทที่ 354 โจมตีผนึกป้องกัน

ข้อดีที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาอาศัยอยู่ในเรือนบนยอดเขาเหนือสระหยูหลันนั่นก็คือ พวกเขาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของสระหยูหลันได้ง่ายที่สุด

ทันทีที่เวลาเที่ยงคืนมาถึง พื้นดินบริเวณรอบ ๆ ต่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเกือบทำให้หลายคนล้มลง

“ถึงเวลาแล้ว ทุกคนจงทำตามคำสั่งก่อนหน้านี้ของข้า จงเตรียมตัวให้ดี” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น

เมื่อสิ้นเสียงของหลิงตู้ฉิง ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาก็ถูกเปิดใช้งานทันทีเพื่อปกป้องเหล่าผู้คนที่อยู่ในเรือน จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เฝ้าดูสถานการณ์ที่กำลังจะโกลาหลอย่างเงียบ ๆ

ในเวลานี้ นอกเหนือจากคนที่มีเป้าหมายในใจแล้ว บรรดาผู้คนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสระหยูหลันต่างก็เริ่มตื่นตระหนก

“นั่นมันคืออะไร? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลายคนตัวสั่นด้วยความกลัวขณะที่พวกเขาตะโกนถาม

ในช่วงเวลาที่ทุกคนต่างตื่นตระหนก บางคนที่ยังพอมีไหวพริบก็สังเกตเห็นแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาจึงรีบออกจากบริเวณสระหยูหลันทันที อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีบางคนที่ยังคงเฝ้ารอเวลาที่กล้วยไม้หยกจะบานสะพรั่ง

“ตู้ม!!!…”

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกรอบ ส่งผลให้ผู้คนที่กำลังวิ่งอยู่ก็หันกลับมาอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งพวกเขาก็ได้พบว่าสระหยูหลันนั้นหายไปแล้ว

สระหยูหลันสีเขียวหยกที่มีความกว้างกินรัศมีหลาย 10 เมตร จู่ ๆ น้ำทั้งหมดในทะเลสาบก็ถูกระเบิดกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า

คราวนี้แม้แต่คนที่โง่ที่สุดและคนที่โลภที่สุดก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติและเริ่มวิ่ง

“ตู้ม!!!…”

เสียงดังขึ้นอีกครั้ง รอบนี้บรรดาเรือนต่าง ๆ ที่อยู่รอบสระหยูหลัน รวมทั้งโคลนและหินที่อยู่ใต้สระทั้งหมดก็ถูกระเบิดขึ้นไปบนท้องฟ้า

คราวนี้ทุกคนก็ได้เห็นพื้นที่ใต้สระหยูหลัน

เมื่อน้ำและดินโคลนทั้งหมดในสระหยูหลันถูกระเบิดออกไป ทุกคนก็เห็นพื้นผิวกระจกสีเขียวมรกตที่อยู่ก้นสระหยูหลันอย่างชัดเจน

ในเวลานี้ทุกคนได้รู้แล้วไม่ว่าจะเป็นสระหยูหลัน หรือสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ โดยรอบล้วนถูกสร้างขึ้นบนกระจกสีเขียวมรกต

สำหรับตอนนี้ภายใต้กระจกสีเขียวมรกต มีคนเห็นร่างหนึ่งกำลังชกผิวกระจกอย่างรุนแรง

“ตู้ม!!!…”

เสียงดังขึ้นอีกครั้งและพื้นผิวทั้งหมดของกระจกก็เด้งขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากที่กระเด้งขึ้นไปประมาณ 1 ฟุต พื้นผิวของกระจกก็หยุดสั่นไหวและกลับสู่สภาพสงบเช่นก่อนหน้า

“ถึงเวลาที่เราต้องลงมือหรือยัง?” หนิวฮ่าวตงหันไปทางเก๋อหงเฟย และถามขึ้น

เก๋อหงเฟย ไม่ได้ตอบคำถาม แค่กลับหันไปมองที่ชายชราที่อยู่ข้างๆเขาและถามว่า “พี่เซินหมิง ท่านคิดว่าถึงเวลาที่เราจะต้องลงมือแล้วหรือยัง? สำนักอักขระวิญญาณของท่านแข็งแกร่งกว่าเรามาก ดังนั้นเราจะฟังคำสั่งของท่าน”

“ยังไม่ถึงเวลา!” ชายชราส่ายหัว

หนิวฮ่าวตงรู้สึกกังวลเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดว่า “เจ้าสำนักกู๋ มันน่าจะดีกว่าถ้าเรารีบลงมือ ถ้าขืนเรารอต่อไปข้ากลัวว่าผู้อาวุโสท่านนั้นจะหาว่าเราจงใจไม่ช่วยหลังจากเขาออกจากผนึกได้”

กู่เซินหมิงยังคงยืนกรานและส่ายหัว “พลังของเราไม่มีประโยชน์อะไรกับผนึกป้องกันที่ขังเขาไว้ด้านล่างนั่น เรามีหน้าที่แค่ช่วยเขาเมื่อเขาออกจากด้านล่างนั่นได้ ฉะนั้นตอนนี้พวกเราทำได้แค่รอดูไปก่อนเท่านั้น”

ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันก็มีเสียงระเบิดขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้ผนึกป้องกันที่ใสคล้ายกระจกก็กระดอนสูงขึ้นกว่ารอบที่แล้วๆ อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่มีร่องรอยของการแตกร้าว

แต่ในครั้งนี้ก่อนที่ผนึกป้องกันจะยุบกลับไปมีสภาพดังเดิม เสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง และผนึกป้องกันที่ยังไม่ยุบตัวดีก็กระดอนสูงขึ้นไปอีกสามฟุต

หลังจากนั้นร่างที่อยู่ภายในผนึกป้องกันก็ดูเหมือนจะบ้าคลั่งยิ้งขึ้นและพุ่งปะทะกับผนึกป้องกันอย่างเมามันจนเมืองหยูหลันทั้งเมืองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“ใครเป็นคนกักขังมันไว้แบบนี้กัน?” เทียนหยูเฮงขมวดคิ้วและพูดว่า “ดูจากความรุนแรงของการปะทะแล้วข้าเกรงว่าสิ่งที่อยู่ด้านล่างนั่นน่าจะมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ขอบเขตครึ่งจักรพรรดิแล้วสินะ?”

ตอนนี้ผู้คนจากสำนักใหญ่ทั้งหลายไม่ได้ออกจากเมืองหยูหลันเหมือนเหล่ากลุ่มคนจากสำนักเล็กๆ เมื่อพวกเขาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจึงมารวมตัวกันรอบบริเวณใกล้เคียงกับสระหยูหลันและเริ่มพูดคุยกัน

หนานกง ซ่งหยวน ผู้ซึ่งมาจาก ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลจริงๆ ข้ารู้สึกได้ว่าผนึกป้องกันนี้มันมีบางอย่างที่ผิดปกติ”

บรรดาผู้ที่มาจากสำนักใหญ่ต่างก็แลกเปลี่ยนคำพูดซึ่งกันและกัน

ในเวลานี้ร่างของ ปิงเจิ้งซู บินเข้ามาและเขาก็ตะโกนขึ้น “ไอ้สัตว์ประหลาดข้าไม่ยอมให้เจ้าออกมาได้แน่นอน! สัตว์ประหลาดอย่างเจ้าควรถูกปิดผนึกอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลไม่ต้องเห็นแสงเดือนแสงตะวันอีกต่อไป!”

ในขณะที่พูด ปิงเจิ้งซู โคจรพลังวิญญาณ ของเขาจนถึงจุดสูงสุดระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และปล่อยคลื่นพลังเย็นยะเยือกสีดำทมิฬพุ่งเข้าหาผนึกป้องกันราวกับว่าเขาต้องการบังคับให้วิญญาณปีศาจกลับไปถูกผนึกอีกครั้ง

คลื่นความเย็นไหลออกมาจากร่างของ ปิงเจิ้งซู อย่างบ้าคลั่งส่งผลให้บรรยากาศบริเวณรอบๆสระหยูหลันกลายเป็นดูเหมือนโลกแห่งน้ำแข็งและที่ด้านบนของผนึกที่ดูคล้ายแผ่นกระจกใสสีเขียวก็เริ่มมีชั้นน้ำแข็งปกคลุมหนาขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะเดียวกันนี้ วิญญาณปีศาจ ก็ได้โจมตีขึ้นอีกครั้ง และผนึกป้องกันที่แต่สามารถ‘ยืดหยุ่น’ได้ก็ดูเหมือนว่าจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนก่อนหน้านี้ส่งผลให้ภายใต้การโจมตีของวิญญาณปีศาจครั้งล่าสุดรอยร้าวก็เริ่มปรากฏขึ้น

“เอาล่ะถึงเวลาแล้ว!” กู๋เซินหมิง ตะโกนขึ้น “ถ้าเราไม่ลงมือตอนนี้ ข้าเกรงว่าหลังจากที่ผู้อาวุโสออกมาได้เขาคงคิดว่าเราไร้ประโยชน์แน่นอน”

“สหายให้ข้าช่วย!” หลังจาก กู๋เซินหมิง พูดกับคนที่อยู่รอบๆเขาจบ เขาก็หยิบอาวุธวิเศษระดับราชันของเขาออกมาทันทีและโคจรพลังวิญญาณของเขาเพื่อวาดอักขระขนาดใหญ่ที่แฝงไปด้วยกฎของสวรรค์และโลก ซึ่งเมื่อวาดอักขระเสร็จเขาโบกอาวุธของเขาส่งอักขระที่วาดเข้าไปประทับที่รอบแตกของผนึกป้องกันส่งผลให้น้ำแข็งสีดำทมิฬที่เกาะอยู่ทั่วบริเวณผนึกยิ่งมีอำนาจมากยิ่งขึ้นและทำให้ผนึกป้องกันเริ่มสูญเสียความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

ในเวลาเดียวกัน เก๋อหงเฟยและหนิวฮ่าวตง ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองที่อยู่ในระดับนภาครามเช่นกัน พวกเขาก็เริ่มโจมตีไปยังผนึกป้องกันด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ผนึกป้องกันเปราะบางมากขึ้น

“ทุกคนมาช่วยกันปราบปีศาจตนนี้กันเถอะ!” ผู้คนจากสำนักอื่น ๆ พูดขึ้น

จากนั้นบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญไปจนถึงระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ต่างก็ช่วยกันระดมโจมตีไปยังรอยแตกของผนึกป้องกัน ซึ่งทำให้ปิงเจิ้งซูประหลาดใจอย่างมาก

“หืม? ไม่นึกเลยว่าผู้อาวุโสลั่วจะเตรียมคนจำนวนมากขนาดนี้เพื่อช่วยเหลือเขา ถ้างั้นต่อให้ข้าไม่ลงมือทำอะไร ผลลัพธ์ก็น่าจะไม่ต่างอะไรกันมากนี่นา…” ปิงเจิ้งซูคิดกับตัวเอง

เก๋อหงเฟยและคนอื่น ๆ ก็พึมพำกับตัวเองเช่นกัน “ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าท่านผู้อาวุโสจะมีผู้สนับสนุนมากขนาดนี้ โชคดีที่เราดำเนินการเร็วไม่เช่นนั้นความดีความชอบนี้คงไม่ส่งถึงเราแน่นอน”

ในขณะนี้ทั้งสองฝ่ายต่างไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่คนละฝั่งกัน แม้ว่าจุดประสงค์จะเหมือนกัน แต่เป้าหมายสุดท้ายของพวกนั้นต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งที่ตะโกนดังขึ้นว่า “ไอ้โง่เอ๊ยใครบอกให้เจ้าทำแบบนี้ เจ้าทำตรงกันข้ามกับที่ข้าต้องการเจ้ารู้ไหม!?”

ลั่วหยุนที่ตอนนี้ได้มาถึงที่เรือนบนยอดเขาของหลิวตู้ฉิงแล้ว เขาคือผู้ที่ตะโกนใส่คนที่อยู่บริเวณรอบสระหยูหลัน

ปิงเจิ้งซูที่แสร้งทำหน้าเสียว่าตัวเองทำพลาดไป เขาจึงรีบพุ่งกลับมาหาลั่วหยุน เขาโค้งตัวและพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้เราจะทำอะไรกันต่องั้นหรือ?”

อย่างไรก็ตาม เมื่อเก๋อหงเฟยและคนอื่น ๆ เห็นว่าหอการค้าเชื่อมสวรรค์มาถึงแล้ว พวกเขาต่างมองหน้ากันด้วยดวงตาที่มุ่งมั่นและใช้พลังทั้งหมดของพวกเขาเพื่อโจมตีไปยังผนึกป้องกัน

เนื่องจากพวกเขาได้ลงมือกันไปแล้ว หากพวกเขาช่วย ‘ผู้อาวุโส’ ผู้นี้จากหอการค้าเชื่อมสวรรค์ไม่สำเร็จ พวกเขาจะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่แน่นอน

“ตู้ม!!!!”

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ๆ เนื่องจากว่าตอนนี้ผนึกป้องกันที่เหมือนกระจกได้แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน
Status: Ongoing
เรื่องย่อ พ่อเลี้ยงยอดเซียน ไม่นึกเลยว่าอารมณ์ทั้งเจ็ดจะมีผลต่อการบ่มเพาะเช่นนี้! ในชาติที่แล้วอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นข้าจะกลายเป็นนิรันดร์กาล! ข้ายอมสละอารมณ์ทั้งเจ็ดเพื่อความเป็นนิรันดร์ แต่ท้ายที่สุดข้ากลับต้องเผชิญกับทางตัน วิถีไร้อารมณ์นั้นบกพร่อง! ในเมื่อวิถีไร้อารมณ์ไม่สามารถพาข้าก้าวข้ามไปถึงขอบเขตนิรันดร์กาล ข้าต้องกลับไปจุติใหม่! ในชีวิตหน้าข้าจะเปลี่ยนวิถี! ในชีวิตหน้าข้าจะฟื้นฟูอารมณ์ทั้งเจ็ดของข้า! ชาติหน้าข้าจะโอบรับพวกมันทั้งหมด ความรัก ความชัง ปรารถนา โศกศัลย์ ยินดี เดือดดาล สุขสันต์ ครั้งนี้ข้าจักต้องไม่พลาด รอบนี้ข้าจักต้องให้ทุกสรรพสิ่งขนานนามข้าว่า ‘ไร้เทียมทาน!’ จักรพรรดิเซียนไร้อารมณ์ ผู้แสวงหาความเป็นนิรันดร์ ตัดสินใจจุติใหม่ แต่แล้วเหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อยามที่เขาลืมตาดูโลกขึ้นอีกครั้ง เขากลับจุติอยู่ในร่างของชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี ที่สำคัญชายผู้ที่เขาลงมาจุติในร่างกลับอุปการะบุตรบุญธรรมไว้แล้วถึงเจ็ดคน! และเด็กทุกคนกลับมีความสามารถท้าทายสวรรค์! ————————————————————- ขั้นพลัง ขอบเขตหลอมรวมลมปราณ ขอบเขตควบแน่นลมปราณ ขอบเขตประสานทะเลลมปราณ ขอบเขตรวมแสงดารา ขอบเขตนภา (ขั้นต่อไปถัดจากขอบเขตรวมแสงดารา) ขอบเขตครึ่งสวรรค์ (ขอบเขตนภาระดับ12-13) ขอบเขตสวรรค์ – สวรรค์สามัญ – หลุดพ้นสามัญ ขอบเขตเหนือสวรรค์ ขอบเขตราชัน ขอบเขตจักรพรรดิ ขอบเขตเร้นลับ ขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ (ระดับการบำเพ็ญเพียรของหลิงตู้ฉิงในชาติก่อน)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset