ข้อดีที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาอาศัยอยู่ในเรือนบนยอดเขาเหนือสระหยูหลันนั่นก็คือ พวกเขาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของสระหยูหลันได้ง่ายที่สุด
ทันทีที่เวลาเที่ยงคืนมาถึง พื้นดินบริเวณรอบ ๆ ต่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเกือบทำให้หลายคนล้มลง
“ถึงเวลาแล้ว ทุกคนจงทำตามคำสั่งก่อนหน้านี้ของข้า จงเตรียมตัวให้ดี” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น
เมื่อสิ้นเสียงของหลิงตู้ฉิง ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาก็ถูกเปิดใช้งานทันทีเพื่อปกป้องเหล่าผู้คนที่อยู่ในเรือน จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เฝ้าดูสถานการณ์ที่กำลังจะโกลาหลอย่างเงียบ ๆ
ในเวลานี้ นอกเหนือจากคนที่มีเป้าหมายในใจแล้ว บรรดาผู้คนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสระหยูหลันต่างก็เริ่มตื่นตระหนก
“นั่นมันคืออะไร? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลายคนตัวสั่นด้วยความกลัวขณะที่พวกเขาตะโกนถาม
ในช่วงเวลาที่ทุกคนต่างตื่นตระหนก บางคนที่ยังพอมีไหวพริบก็สังเกตเห็นแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาจึงรีบออกจากบริเวณสระหยูหลันทันที อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีบางคนที่ยังคงเฝ้ารอเวลาที่กล้วยไม้หยกจะบานสะพรั่ง
“ตู้ม!!!…”
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกรอบ ส่งผลให้ผู้คนที่กำลังวิ่งอยู่ก็หันกลับมาอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งพวกเขาก็ได้พบว่าสระหยูหลันนั้นหายไปแล้ว
สระหยูหลันสีเขียวหยกที่มีความกว้างกินรัศมีหลาย 10 เมตร จู่ ๆ น้ำทั้งหมดในทะเลสาบก็ถูกระเบิดกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า
คราวนี้แม้แต่คนที่โง่ที่สุดและคนที่โลภที่สุดก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติและเริ่มวิ่ง
“ตู้ม!!!…”
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง รอบนี้บรรดาเรือนต่าง ๆ ที่อยู่รอบสระหยูหลัน รวมทั้งโคลนและหินที่อยู่ใต้สระทั้งหมดก็ถูกระเบิดขึ้นไปบนท้องฟ้า
คราวนี้ทุกคนก็ได้เห็นพื้นที่ใต้สระหยูหลัน
เมื่อน้ำและดินโคลนทั้งหมดในสระหยูหลันถูกระเบิดออกไป ทุกคนก็เห็นพื้นผิวกระจกสีเขียวมรกตที่อยู่ก้นสระหยูหลันอย่างชัดเจน
ในเวลานี้ทุกคนได้รู้แล้วไม่ว่าจะเป็นสระหยูหลัน หรือสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ โดยรอบล้วนถูกสร้างขึ้นบนกระจกสีเขียวมรกต
สำหรับตอนนี้ภายใต้กระจกสีเขียวมรกต มีคนเห็นร่างหนึ่งกำลังชกผิวกระจกอย่างรุนแรง
“ตู้ม!!!…”
เสียงดังขึ้นอีกครั้งและพื้นผิวทั้งหมดของกระจกก็เด้งขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากที่กระเด้งขึ้นไปประมาณ 1 ฟุต พื้นผิวของกระจกก็หยุดสั่นไหวและกลับสู่สภาพสงบเช่นก่อนหน้า
“ถึงเวลาที่เราต้องลงมือหรือยัง?” หนิวฮ่าวตงหันไปทางเก๋อหงเฟย และถามขึ้น
เก๋อหงเฟย ไม่ได้ตอบคำถาม แค่กลับหันไปมองที่ชายชราที่อยู่ข้างๆเขาและถามว่า “พี่เซินหมิง ท่านคิดว่าถึงเวลาที่เราจะต้องลงมือแล้วหรือยัง? สำนักอักขระวิญญาณของท่านแข็งแกร่งกว่าเรามาก ดังนั้นเราจะฟังคำสั่งของท่าน”
“ยังไม่ถึงเวลา!” ชายชราส่ายหัว
หนิวฮ่าวตงรู้สึกกังวลเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดว่า “เจ้าสำนักกู๋ มันน่าจะดีกว่าถ้าเรารีบลงมือ ถ้าขืนเรารอต่อไปข้ากลัวว่าผู้อาวุโสท่านนั้นจะหาว่าเราจงใจไม่ช่วยหลังจากเขาออกจากผนึกได้”
กู่เซินหมิงยังคงยืนกรานและส่ายหัว “พลังของเราไม่มีประโยชน์อะไรกับผนึกป้องกันที่ขังเขาไว้ด้านล่างนั่น เรามีหน้าที่แค่ช่วยเขาเมื่อเขาออกจากด้านล่างนั่นได้ ฉะนั้นตอนนี้พวกเราทำได้แค่รอดูไปก่อนเท่านั้น”
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันก็มีเสียงระเบิดขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ผนึกป้องกันที่ใสคล้ายกระจกก็กระดอนสูงขึ้นกว่ารอบที่แล้วๆ อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่มีร่องรอยของการแตกร้าว
แต่ในครั้งนี้ก่อนที่ผนึกป้องกันจะยุบกลับไปมีสภาพดังเดิม เสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง และผนึกป้องกันที่ยังไม่ยุบตัวดีก็กระดอนสูงขึ้นไปอีกสามฟุต
หลังจากนั้นร่างที่อยู่ภายในผนึกป้องกันก็ดูเหมือนจะบ้าคลั่งยิ้งขึ้นและพุ่งปะทะกับผนึกป้องกันอย่างเมามันจนเมืองหยูหลันทั้งเมืองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“ใครเป็นคนกักขังมันไว้แบบนี้กัน?” เทียนหยูเฮงขมวดคิ้วและพูดว่า “ดูจากความรุนแรงของการปะทะแล้วข้าเกรงว่าสิ่งที่อยู่ด้านล่างนั่นน่าจะมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ขอบเขตครึ่งจักรพรรดิแล้วสินะ?”
ตอนนี้ผู้คนจากสำนักใหญ่ทั้งหลายไม่ได้ออกจากเมืองหยูหลันเหมือนเหล่ากลุ่มคนจากสำนักเล็กๆ เมื่อพวกเขาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจึงมารวมตัวกันรอบบริเวณใกล้เคียงกับสระหยูหลันและเริ่มพูดคุยกัน
หนานกง ซ่งหยวน ผู้ซึ่งมาจาก ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลจริงๆ ข้ารู้สึกได้ว่าผนึกป้องกันนี้มันมีบางอย่างที่ผิดปกติ”
บรรดาผู้ที่มาจากสำนักใหญ่ต่างก็แลกเปลี่ยนคำพูดซึ่งกันและกัน
ในเวลานี้ร่างของ ปิงเจิ้งซู บินเข้ามาและเขาก็ตะโกนขึ้น “ไอ้สัตว์ประหลาดข้าไม่ยอมให้เจ้าออกมาได้แน่นอน! สัตว์ประหลาดอย่างเจ้าควรถูกปิดผนึกอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลไม่ต้องเห็นแสงเดือนแสงตะวันอีกต่อไป!”
ในขณะที่พูด ปิงเจิ้งซู โคจรพลังวิญญาณ ของเขาจนถึงจุดสูงสุดระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และปล่อยคลื่นพลังเย็นยะเยือกสีดำทมิฬพุ่งเข้าหาผนึกป้องกันราวกับว่าเขาต้องการบังคับให้วิญญาณปีศาจกลับไปถูกผนึกอีกครั้ง
คลื่นความเย็นไหลออกมาจากร่างของ ปิงเจิ้งซู อย่างบ้าคลั่งส่งผลให้บรรยากาศบริเวณรอบๆสระหยูหลันกลายเป็นดูเหมือนโลกแห่งน้ำแข็งและที่ด้านบนของผนึกที่ดูคล้ายแผ่นกระจกใสสีเขียวก็เริ่มมีชั้นน้ำแข็งปกคลุมหนาขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันนี้ วิญญาณปีศาจ ก็ได้โจมตีขึ้นอีกครั้ง และผนึกป้องกันที่แต่สามารถ‘ยืดหยุ่น’ได้ก็ดูเหมือนว่าจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนก่อนหน้านี้ส่งผลให้ภายใต้การโจมตีของวิญญาณปีศาจครั้งล่าสุดรอยร้าวก็เริ่มปรากฏขึ้น
“เอาล่ะถึงเวลาแล้ว!” กู๋เซินหมิง ตะโกนขึ้น “ถ้าเราไม่ลงมือตอนนี้ ข้าเกรงว่าหลังจากที่ผู้อาวุโสออกมาได้เขาคงคิดว่าเราไร้ประโยชน์แน่นอน”
“สหายให้ข้าช่วย!” หลังจาก กู๋เซินหมิง พูดกับคนที่อยู่รอบๆเขาจบ เขาก็หยิบอาวุธวิเศษระดับราชันของเขาออกมาทันทีและโคจรพลังวิญญาณของเขาเพื่อวาดอักขระขนาดใหญ่ที่แฝงไปด้วยกฎของสวรรค์และโลก ซึ่งเมื่อวาดอักขระเสร็จเขาโบกอาวุธของเขาส่งอักขระที่วาดเข้าไปประทับที่รอบแตกของผนึกป้องกันส่งผลให้น้ำแข็งสีดำทมิฬที่เกาะอยู่ทั่วบริเวณผนึกยิ่งมีอำนาจมากยิ่งขึ้นและทำให้ผนึกป้องกันเริ่มสูญเสียความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ในเวลาเดียวกัน เก๋อหงเฟยและหนิวฮ่าวตง ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองที่อยู่ในระดับนภาครามเช่นกัน พวกเขาก็เริ่มโจมตีไปยังผนึกป้องกันด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ผนึกป้องกันเปราะบางมากขึ้น
“ทุกคนมาช่วยกันปราบปีศาจตนนี้กันเถอะ!” ผู้คนจากสำนักอื่น ๆ พูดขึ้น
จากนั้นบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญไปจนถึงระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ต่างก็ช่วยกันระดมโจมตีไปยังรอยแตกของผนึกป้องกัน ซึ่งทำให้ปิงเจิ้งซูประหลาดใจอย่างมาก
“หืม? ไม่นึกเลยว่าผู้อาวุโสลั่วจะเตรียมคนจำนวนมากขนาดนี้เพื่อช่วยเหลือเขา ถ้างั้นต่อให้ข้าไม่ลงมือทำอะไร ผลลัพธ์ก็น่าจะไม่ต่างอะไรกันมากนี่นา…” ปิงเจิ้งซูคิดกับตัวเอง
เก๋อหงเฟยและคนอื่น ๆ ก็พึมพำกับตัวเองเช่นกัน “ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าท่านผู้อาวุโสจะมีผู้สนับสนุนมากขนาดนี้ โชคดีที่เราดำเนินการเร็วไม่เช่นนั้นความดีความชอบนี้คงไม่ส่งถึงเราแน่นอน”
ในขณะนี้ทั้งสองฝ่ายต่างไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่คนละฝั่งกัน แม้ว่าจุดประสงค์จะเหมือนกัน แต่เป้าหมายสุดท้ายของพวกนั้นต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งที่ตะโกนดังขึ้นว่า “ไอ้โง่เอ๊ยใครบอกให้เจ้าทำแบบนี้ เจ้าทำตรงกันข้ามกับที่ข้าต้องการเจ้ารู้ไหม!?”
ลั่วหยุนที่ตอนนี้ได้มาถึงที่เรือนบนยอดเขาของหลิวตู้ฉิงแล้ว เขาคือผู้ที่ตะโกนใส่คนที่อยู่บริเวณรอบสระหยูหลัน
ปิงเจิ้งซูที่แสร้งทำหน้าเสียว่าตัวเองทำพลาดไป เขาจึงรีบพุ่งกลับมาหาลั่วหยุน เขาโค้งตัวและพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้เราจะทำอะไรกันต่องั้นหรือ?”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเก๋อหงเฟยและคนอื่น ๆ เห็นว่าหอการค้าเชื่อมสวรรค์มาถึงแล้ว พวกเขาต่างมองหน้ากันด้วยดวงตาที่มุ่งมั่นและใช้พลังทั้งหมดของพวกเขาเพื่อโจมตีไปยังผนึกป้องกัน
เนื่องจากพวกเขาได้ลงมือกันไปแล้ว หากพวกเขาช่วย ‘ผู้อาวุโส’ ผู้นี้จากหอการค้าเชื่อมสวรรค์ไม่สำเร็จ พวกเขาจะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่แน่นอน
“ตู้ม!!!!”
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ๆ เนื่องจากว่าตอนนี้ผนึกป้องกันที่เหมือนกระจกได้แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!