บทที่ 367 เจ้าหญิงแห่งเผ่าภูตนางฟ้า
อี้ลั่วเอ๋อเดินตามหลังหลิงตู้ฉิงอย่างประหม่า แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดเป็นความจริงหรือไม่ แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่น
โม่เอ๋อที่เดินตามหลิงตู้ฉิงอยู่เช่นกัน ในบางครั้งนางจะเหลือบมองไปที่ปีกที่กระพืออยู่ข้าง ๆ นาง ซึ่งนางก็รู้สึกว่ามันแปลกเล็กน้อย
เมื่อเหวินลู่หยานเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังเดินเข้ามาหา นางจึงเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้ากังวลและถามขึ้น “นายท่าน พวกข้าสามารถกลับไปที่สำนักตอนนี้ได้รึเปล่า?”
เนื่องจากพวกภารกิจของการมาที่เมืองหยูหลันก็จบไปแล้ว และถึงแม้หอการค้าเชื่อมสวรรค์จะดีกับพวกนาง แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า สิ่งดี ๆ เหล่านี้มันจะคงอยู่ต่อไปแบบนี้หรือเปล่า?
“พวกเจ้าได้กลับไปแน่นอน” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าไม่เคยพูดมาก่อนหรือไงว่าตราบใดที่พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อช่วยข้า พวกเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ของพวกเจ้าเองด้วย และในเมื่อตอนนี้หลังจากที่วิญญาณปีศาจถูกจัดการไปแล้ว มันได้ทิ้งพลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมากไว้ด้วย ซึ่งข้าจะแบ่งมันให้กับพวกเจ้าหนึ่งในสี่ส่วนเพื่อเป็นค่าตอบแทนสำหรับความพยายามของพวกเจ้า”
“แต่เนื่องจากพวกเจ้ามีคนจำนวนมากเกินไป ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถมอบผลึกวิญญาณให้พวกเจ้าได้ถึงคนละชิ้นและเพื่อป้องกันไม่ให้บางคนเกิดความโลภ ข้าจะช่วยเจ้าแบ่งพลังวิญญาณเหล่านี้เอง! สำหรับพวกเจ้าใครอยู่ขอบเขตสวรรค์ขึ้นไปจะได้รับผลึกวิญญาณ 1 ชิ้น ต่อมาผู้ที่อยู่ในขอบเขตนภาจะได้รับมวลพลังวิญญาณ 1 หยด และ สำหรับผู้ที่อยู่ขอบเขตรวมแสงดาราหรือต่ำกว่านั้นจะได้รับเสี้ยวของพลังวิญญาณ รวบรวมศิษย์ของเจ้าเข้าด้วยกันและจัดเรียงตามการบ่มเพาะของพวกเขาและข้าจะช่วยแบ่งให้”
ตราบเท่าที่ดวงจิตที่แท้จริงปรากฏขึ้น ทุกคนจะสามารถเห็นประโยชน์ของพลังวิญญาณได้อย่างชัดเจน
พูดอีกนัยหนึ่งคือ ทุกคนที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราขึ้นไปจึงจะรู้ถึงประโยชน์ของความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณ
แน่นอนว่าเหวินลู่หยานและคนอื่น ๆ มีความสุขมากที่ได้รับผลประโยชน์นี้
และเป็นผลให้ผู้หญิงนับพันคนจากหุบเขาบุปผาอนันต์ทุกคนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความปรารถนา
หลิงตู้ฉิงให้ผลึกวิญญาณ 6 ชิ้นแก่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ทั้งหก จากนั้นเขาก็โคจรพลังและค่อย ๆ เปลี่ยนเหล่าผลึกวิญญาณให้เป็นมวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์ขนาดยักษ์
หลังจากนั้น ศิษย์หุบเขาบุปผาอนันต์ทุกคนก็ถูกปกคลุมไปด้วยมวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่หลั่งไหลเข้าไปในร่างกายของพวกนาง
“ขอบคุณ นายท่าน!” เหวินลู่หยานพูดอย่างซาบซึ้ง
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “เนื่องจากพวกเจ้าได้รับประโยชน์ไปแล้วมากมาย ดังนั้นพวกเจ้าควรทุ่มเทฝึกฝนให้ดี! จะว่าไปพวกเจ้ายังมีอีกปัญหาหนึ่งก็คือเนื่องจากวิชาที่ข้าถ่ายทอดให้พวกเจ้ามันได้ประจักษ์แก่สายตาผู้คนเป็นจำนวนมากแล้ว ดังนั้นในอนาคตพวกเจ้าคงจะต้องมีปัญหาจากมันแน่นอน แต่โชคดีที่ลั่วหยุนตกลงที่จะดูแลพวกเจ้าให้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นพวกเจ้าจึงไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัยของพวกเจ้าเองในช่วงนี้ สำหรับในอนาคตเมื่อลูกชายของข้ามาถึงที่นี่ พวกเจ้าจะได้อยู่ภายใต้การดูแลของเขาแทน”
หลังจากที่เขาอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้กับเหวินลู่หยานและคนของนางฟังเสร็จแล้ว หลิงตู้ฉิงก็จากไปทันที เพราะเขาถือว่าความสัมพันธ์ของเขากับกลุ่มคนของหุบเขาบุปผาอนันต์ได้จบลงแล้ว
สำหรับความสัมพันธ์หลังจากนี้มันจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง หลิงยี่เทียนกับผู้คนของหุบเขาบุปผาอนันต์แทน
หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็พาอี้ลั่วเอ๋อและโม่เอ๋อ ไปหาลั่วหยุนอีกครั้ง และพูดว่า “ข้าจะทิ้งกลุ่มคนจากหุบเขาบุปผาอนันต์ไว้กับเจ้า นอกจากนี้สิ่งอื่น ๆ ที่เจ้าสัญญากับข้า เจ้ายังไม่ได้ให้ข้าเลย”
ตามข้อตกลงของพวกเขา ลั่วหยุนจะต้องสร้างอาวุธต้องห้ามระดับจักรพรรดิและโองการจักรพรรดิให้แก่หลิงตู้ฉิง
ลั่วหยุนยิ้มอย่างขมขื่น “ข้ายังไม่มีเวลาทำมันเลย ข้าขอเวลาสะสางปัญหาที่เหลือให้จบหมดก่อนแล้วข้าจะสร้างอาวุธต้องห้ามระดับจักรพรรดิและโองการจักรพรรดิให้กับท่านอย่างแน่นอน”
“เอางั้นก็ได้!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ข้าจะอยู่ที่เมืองหยูหลันก่อนสักพัก”
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็นำอี้ลั่วเอ๋อและโม่เอ๋อกลับไปที่เรือนบนยอดเขา ซึ่งพวกเขาก็ได้เดินผ่านสระหยูหลันที่ก่อนหน้านี้เหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ตอนนี้มันก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม เนื่องจากพลังของ ‘ปราการจักรกลสวรรค์’
อี้ลั่วเอ๋อตัวสั่นขณะที่นางเดินตามหลิงตู้ฉิงกลับไปที่เรือนของเขา นางไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วหลิงตู้ฉิงจะปฏิบัติต่อนางอย่างไร แม้ว่าคนตรงหน้านางจะดูไม่ใช่คนเลวอะไรจากการที่นางเห็นว่าเขามีน้ำใจแบ่งปันแจกจ่ายพลังวิญญาณให้ผู้คนจำนวนมาก
แต่ด้วยภูมิหลังของนางที่มาจากเผ่าภูตนางฟ้า นางจึงไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าของนางจะล่วงเกินนางเมื่อกลับไปถึงเรือนของเขาหรือไม่? โดยเฉพาะที่นางไม่เพียงแต่เป็นภูตนางฟ้า แต่ยังเป็นถึงเจ้าหญิงด้วย
และเมื่อหลังจากที่นางเข้าไปด้านในเรือน หลิงตู้ฉิงก็เรียกตัวนางให้มาพบกับเขาคนเดียวทันที ซึ่งมันทำให้นางจิตตกมากขึ้น
“อย่าได้มีความคิดจะล่วงเกินข้าดีกว่า ข้าไม่ได้โอ้อวดเจ้านะ ที่ข้าพูดว่าเผ่าภูตนางฟ้าของข้ามีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่ง ถ้าเจ้ากล้าที่จะล่วงเกินข้า ข้ารับประกันได้ว่าเจ้าจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่แน่นอน!” อี้ลั่วเอ๋อมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างประหม่า
หลิงตู้ฉิงมองไปที่อี้ลั่วเอ๋ออย่างอ่อนโยน และพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้แล้ว ข้าได้ยินเจ้าพูดมาหลายครั้งแล้ว เอาล่ะมานั่งลงก่อนสิ! ที่ข้าเรียกให้เจ้ามาหาก็เพราะข้ามีบางอย่างจะถามเจ้า”
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มอันอ่อนโยนของหลิงตู้ฉิง อี้ลั่วเอ๋อก็ยิ่งกลัวมากขึ้น นางขดขาและใช้สองมืออันบอบบางกอดแนบอกเอาไว้และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงลังเล “ท่านอยากรู้อะไร?”
“ใครเป็นคนจับเจ้ามาประมูล?” หลิงตู้ฉิงถาม
“ข้าไม่รู้!” อี้ลั่วเอ๋อส่ายหัว “ข้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำตอนที่ถูกจับมาที่นี่ ว่าแต่ที่นี่คือที่ไหน?”
“ที่นี่คืออาณาเขตนภา” หลิงตู้ฉิงไม่ได้ใส่ใจกับอาการของนางที่แสดงออกมา และอธิบายว่า “ถ้าข้าจำไม่ผิด สถานที่นี้ควรจะเป็นอาณาเขตที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของหนานลี่!”
“อาณาเขตนภาเป็นสถานที่ประเภทใด? และหนานลี่เป็นสถานที่แบบใด” อี้ลั่วเอ๋อถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงรู้สึกประหลาดใจและพูดว่า “เจ้าเป็นสมาชิกของราชวงศ์ แต่กลับไม่รู้เรื่องนี้?”
“ข้าไม่รู้!” อี้ลั่วเอ๋อส่ายหัว
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ภายในมหาพิภพไร้จุดจบ ถ้าจะแบ่งตามตำแหน่งแล้วจะแบ่งออกเป็น ตงซวน อี้ซาง หนานลี่ เป่ยหมิงและซ่งหยวน ส่วนที่ตั้งของป่าภูตนางฟ้าของเจ้าอยู่ระหว่าง เขตตงซวน กับ เขตเป่ยหมิง และตำแหน่งปัจจุบันของเราอยู่ที่จุดใต้สุดของหนานลี่ ซึ่งอยู่ห่างจากป่าภูตนางฟ้าของเจ้านับล้านกิโลเมตร ดังนั้นข้าค่อนข้างสงสัยว่าใครจับเจ้าได้และทำไมถึงต้องพาเจ้ามาที่นี่?”
อี้ลั่วเอ๋อหน้ามุ่ยและพูดว่า “ข้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำตอนที่ข้าถูกจับมา แล้วข้าจะไปรู้เหตุผลได้อย่างไร!? ในระหว่างที่ข้าอยู่ที่ป่าภูต ข้าก็มักจะเอาแต่นอนหลับและข้าไม่ได้ศึกษาหรือบ่มเพาะอย่างจริงจังเท่าไหร่ จริง ๆ แล้วแม่ของข้าบอกว่าพวกเราเผ่าภูตนางฟ้ามีอายุยืนยาวและเราก็ไม่ได้เหมือนมนุษย์ที่ไม่บ่มเพาะก็จะตาย”
“ก็ไม่แปลกที่เจ้าจะเอาแต่นอนล่ะนะ พวกเจ้านั้นมีอายุยืนยาวกว่าพวกข้ามนุษย์จริง ๆ” หลิงตู้ฉิงยิ้มอย่างขมขื่น ถ้าคนธรรมดาไม่ได้บ่มเพาะเขาจะต้องตายแน่นอนเมื่ออายุเกินร้อยปี แต่ถ้าเป็นเผ่าภูตนางฟ้าแล้วล่ะก็แม้ว่าพวกเขาจะไม่บ่มเพาะเลย พวกเขาก็ยังสามารถมีอายุได้ถึงกว่าพันปีหรือนานกว่านั้นโดยที่ไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงไม่สงสัยเกี่ยวกับคำพูดของอี้ลั่วเอ๋อเลย เพราะเขาคุ้นเคยกับเผ่าภูตนางฟ้าเป็นอย่างดี