บทที่ 378 กลยุทธ์ชายงาม
เมื่อเผชิญหน้ากับการรุกรานอย่างน่ากลัวและก้าวร้าวของอาณาจักรจันทรา อาณาจักรหลงซานที่กำลังแผ่ขยายอำนาจเช่นกันก็เริ่มมีความรู้สึกไม่ปลอดภัย
“อาณาจักรจันทรานี้เป็นของกลุ่มอำนาจไหนกันแน่?” หยูเจิ้งหมิงสับสน
ในฐานะจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหลงซาน เขาเองก็มาจากขุมกำลังจากภายนอก ดังนั้นเขาจึงมีความเข้าใจในสถานการณ์ของทะเลชางหมางมากกว่าคนทั่วไป
การที่อาณาจักรหลงซานของพวกเขายิ่งใหญ่ได้นั้นมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เนื่องจากว่าใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าพวกเขามีคนหนุนหลัง
แต่อาณาจักรจันทราที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะไม่มีพิษไม่มีภัย จู่ ๆ ก็ขยายอาณาเขตมากขึ้นได้เรื่อย ๆ ในเวลารวดเร็วเช่นนี้ได้ยังไง?
เหตุผลเดียวที่พอจะอธิบายได้ก็คือ เบื้องหลังของอาณาจักรจันทราจะต้องได้รับการสนับสนุนจากขุมกำลังอื่น ๆ ที่อยู่ภายนอกแน่นอน
หยูเจิ้งหมิงพึมพำกับตัวเองสักพัก จากนั้นเขาจึงหันไปทางเหล่าขุนนางของเขาที่อยู่ในท้องพระโรง “พวกเจ้ามีใครคนไหนรู้ข่าวอะไรเกี่ยวกับอาณาจักรจันทรามากกว่านี้บ้างไหม?”
ชายชราผู้หนึ่งก้าวออกมาข้างหน้าและพูดว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมได้รับข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า ในอาณาจักรจันทรามีผู้คนที่มาจากสำนักเก้าเทพอสูรปรากฏตัวขึ้น นอกจากนี้ยังมีคนจากสำนักเต๋าสวรรค์และจากภูเขาฟีนิกซ์ด้วย ดังนั้นในขณะนี้ไม่มีใครรู้ว่าอาณาจักรจันทรานี้เป็นอาณาจักรที่ถูกสนับสนุนโดยขั้วอำนาจใดกันแน่”
หยูเจิ้งหมิงรู้สึกประหลาดใจ “คนอื่น ๆ ยังไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นรูปธรรมเลย แล้วท่านเสนาบดีได้รับข้อมูลเหล่านี้มาได้อย่างไร?”
เสนาบดีที่ปรึกษาของจักรพรรดิหัวเราะและพูดว่า “เมื่อเร็ว ๆ นี้มีใครบางคนมาที่จวนของข้า เขาอ้างว่าเขาเคยเป็นผู้พิทักษ์ของอดีตจักรพรรดิเหลียงซานแห่งอาณาจักรจันทรา ชื่อของเขาคือจางหมิง และก็เป็นจางหมิงผู้นี้ที่นำข้อมูลนี้มาบอกกับกระหม่อม ถ้าฝ่าบาทสนใจข้าสามารถนำตัวจางหมิงมาที่นี่เพื่อพบกับฝ่าบาทได้”
“จงไปนำตัวเขาเข้ามา ข้าต้องการฟังทุกเรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรจันทรา!” หยูเจิ้งหมิงสั่ง
ไม่นานต่อมาจางหมิงก็มาถึงท้องพระโรง
“ถวายบังคม ฝ่าบาท!” จางหมิงโค้งคำนับและพูด
หยูเจิ้งหมิงหัวเราะ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีข่าวเกี่ยวกับอาณาจักรจันทรา เจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้ผู้ครองอาณาจักรจันทราคือใคร?”
จางหมิงพูดด้วยสีหน้าเกลียดชัง “ตอนนี้คนที่ครอบครองอาณาจักรจันทราเป็นเพียงกลุ่มโจร…”
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับอาณาจักรจันทรา หลายสิบปีผ่านไปแต่เขายังคงอยู่ในขอบเขตครึ่งสวรรค์และยังไม่ได้ทะลวงขอบเขตขึ้นไปถึงสวรรค์สามัญ
หลังจากการตายของเหลียงซาน เขาจำเป็นต้องหาอาณาจักรอื่นที่จะพึ่งพาเพื่อที่จะดำเนินตามเส้นทางเต๋าของเขาต่อไป นี่คือข้อเสียของผู้ที่ฝึกฝนเส้นทางเต๋าแห่งการสนับสนุน
ในอาณาจักรขนาดใหญ่นอกทะเลชางหมาง คงไม่มีใครสนใจเขาที่เป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์ และถ้าหากจะให้เขาไปรับใช้อาณาจักรธรรมดาอื่น ๆ เขาเองก็ไม่เต็มใจเช่นกัน
หลังจากค้นหาไปทั่ว ในที่สุดเขาก็พบอาณาจักรหลงซาน
ในความคิดของเขา ภายในทะเลชางหมางมีเพียงอาณาจักรหลงซานและอาณาจักรจันทราเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งคู่ควรให้เขารับใช้
ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่มีทางเลือกที่จะไปรับใช้อาณาจักรจันทราอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงวางแผนติดต่อกับเสนาบดีที่ปรึกษาส่วนตัวของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหลงซาน
จากนั้นเขาก็บอกทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับหลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาณาจักรหลงซานเกิดความกลัว เขาจึงหลีกเลี่ยงการให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวตนอันทรงพลังของหลิงตู้ฉิง แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของหลิงตู้ฉิงเช่นกัน
หลังจากการแนะนำของจางหมิง หยูเจิ้งหมิงและคนอื่น ๆ ก็เข้าใจสถานการณ์ของ อาณาจักรจันทราในที่สุด
แน่นอน เพื่อให้อาณาจักรหลงซานมีเหตุผลในการลงมือมากขึ้นไปอีก จางหมิงจึงบอกพวกเขาเกี่ยวกับร่างกายแก่นแท้ปฐพีของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ
จนถึงตอนนี้อาณาจักรหลงซานถือได้ว่าเข้าใจข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอาณาจักรจันทรา ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มวางแผนการที่จะบุกอาณาจักรจันทราอย่างเต็มตัว
สำหรับจางหมิง เนื่องจากเขามีข้อมูลของอาณาจักรจันทรา เขาจึงได้รับความสำคัญเป็นอย่างมากจากหยูเจิ้งหมิง
หลังจากการพูดคุยกันหลายครั้ง หยูเจิ้งฮุ่ย น้องชายของหยูเจิ้งหมิงก็ออกเดินทางไปยังอาณาจักรจันทราอย่างลับ ๆ
นี่เป็นแผนการที่หยูเจิ้งหมิง และคนอื่น ๆ คิดกันขึ้นหลังจากปรึกษากัน
เนื่องจากข้อมูลที่พวกเขาได้รับมาว่าจักรพรรดิแห่งอาณาจักรจันทรา มีพี่สาว น้องสาว และแม่อีกหลายคน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงคิดค้น ‘กลยุทธ์ชายงาม’ โดยให้หยูเจิ้งฮุ่ยล่อลวงผู้หญิงเหล่านั้นแล้วใช้พวกนางล้มล้างอาณาจักรจันทรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในหมู่ผู้หญิงเหล่านั้นยังมีร่างกายแก่นแท้ปฐพีอีกด้วย หยูเจิ้งฮุ่ยเก่งมากในเรื่องเหล่านี้ นอกจากนั้นจางหมิงก็คุ้นเคยกับอาณาจักรจันทราอยู่แล้ว ดังนั้นแผนนี้จะได้ผลอย่างแน่นอน
ในเวลานี้ทางด้านของหลิงตู้ฉิงและคนของเขาที่อยู่ในเมืองหยูหลัน ก็เตรียมตัวที่จะออกเดินทางเช่นกัน
“เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับกำลังจะเปิดแล้ว!” หลิงตู้ฉิงเรียกคนอื่น ๆ มารวมกันและพูดว่า “มีปฏิกิริยาจากกุญแจของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ พวกเจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อม อีก 3 วันเราจะออกเดินทางไปยังเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ”
สำหรับทางเข้าของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับนั้นอยู่ที่ไหน นอกจากคนที่ถือกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้วผู้อื่นนั้นไม่มีทางรู้แน่นอน เว้นแต่ว่าจะเป็นเหล่าผู้คนที่บังเอิญอาศัยอยู่ใกล้ทางเข้า เนื่องจากเมื่อเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้นเมื่อไหร่บริเวณโดยรอบจะบังเกิดความผันผวนของพลังวิญญาณขึ้นขนานใหญ่
หลังจากได้รับคำเตือนของหลิงตู้ฉิงแล้ว หานซ่งหยวนและคนอื่น ๆ ก็เริ่มตื่นตัว หลังจากรอมาหลายสิบปีในที่สุดเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับก็ได้เปิดขึ้น
เมื่อได้ยินข่าวการเปิดของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ เกือบทุกคนก็มีความสุขมาก
หานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิงได้ยกระดับการบ่มเพาะของพวกเขามาเป็นขอบเขตนภาระดับ 12 แล้ว พวกเขากำลังรอที่จะเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเอง จากนั้นพวกเขาถึงจะบุกทะลวงไปเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ
ปิงยู่หลาง ในตอนนี้ที่อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 12 เขาเองก็มีเป้าหมายที่จะบรรลุขึ้นไปถึงระดับ 13 ซึ่งสีอี้เฉิงและหนิงฮ่าวก็มีความคิดเช่นเดียวกันกับเขา
แต่คนที่ดูจะมีความสุขมากกว่าใครเพื่อนเห็นจะไม่พ้นก็คือ ซือโถวเหวินหยวน
เนื่องจากอายุขัยของเขาใกล้หมดลงแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้ใช้โอสถวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพื่อยืดชีวิตของเขาไปแล้ว แต่มันก็ไม่สามารถยืดอายุของเขาได้มากเท่าไหร่นัก
เขาจำเป็นต้องเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพื่อพัฒนาศักยภาพของเขา แล้วเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์สามัญเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นการแสดงออกที่มีความสุขของผู้คน หลิงตู้ฉิงก็เข้าไปในห้องของมี่ไลเพื่อตรวจสอบความพร้อมของครอบครัวเขา
หลังจากเวลาผ่านไป 10 กว่าปี ด้วยการช่วยเหลือของหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์และการได้ดูดซับผลึกวิญญาณ มี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ย เย่ชิงเฉิงและหลิงเทียนหยุนก็บรรลุเป้าหมายที่หลิงตู้ฉิงตั้งไว้อย่างสมบูรณ์
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถใช้ทุกทักษะของวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งได้ แต่พวกเขาในตอนนี้ก็สามารถทำให้ร่างกายของตัวเองใหญ่ขึ้นและเล็กลงได้ดั่งใจนึกแล้ว
ในตอนนี้ถ้าพวกเขาทั้งสี่คนใช้วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง ร่างกายของพวกเขาจะลดขนาดลงเหลือเป็นจุดเล็ก ๆ ทันที
“ก่อนที่เราจะเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ข้ายังคงต้องเน้นย้ำบางอย่างให้พวกเจ้าได้รู้” หลิงตู้ฉิงจ้องมองไปที่ทุกคนและพูดว่า “เมื่อพวกเจ้าทุกคนเข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ พวกเจ้าทุกคนจะถูกจับแยกให้ไปปรากฎในพื้นที่ตามระดับขอบเขตการบ่มเพาะของตัวเอง”
“ซึ่งข้าจะถูกส่งไปยังพื้นที่เดียวกับพวกเราส่วนใหญ่ที่อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณ ส่วนชิงเฉิงเจ้าอยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา ข้าไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเจ้ามากนัก อย่างไรก็ตาม สถานที่ที่เจ้าจะถูกส่งไปมันจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอัจฉริยะจากทั่วทุกสารทิศของมหาพิภพไร้จุดจบ ดังนั้นเจ้าต้องไม่รีบร้อนที่จะทำอะไร จงอยู่กับอี้ลั่วเอ๋อและรอการไปถึงของข้า”
“เจ้าจงมั่นใจว่าข้าจะไปหาเจ้าแน่นอน ดังนั้นจงยึดหลักเอาความปลอดภัยของตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนบรรดาสมบัติล้ำค่าหรือสิ่งต่าง ๆ ที่เจ้าพบเห็น ข้าขอให้เจ้าไม่ต้องสนใจพวกมันไปก่อน”
เย่ชิงเฉิงพยักหน้าและตอบกลับ “มั่นใจได้เลย ข้าจะทำตามที่ท่านพูด นอกจากนี้หลังจากที่ข้าได้ฝึกฝนวิชามหาจันทราศักดิ์สิทธิ์แล้ว พลังของข้าเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ดังนั้นท่านวางใจเรื่องความปลอดภัยของข้าได้เลย!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ยังไงก็ตามข้าได้เตรียมโอสถช่วยชีวิตไว้ให้พวกเจ้าทุกคนแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็จงใช้มันทันที แต่ถ้ามันไม่ได้ผลเจ้าก็จงรีบถอนตัวออกไป”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เย่ชิงเฉิงหัวเราะ