พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) – บทที่ 387 แม่ชีน้อย

บทที่ 387 แม่ชีน้อย

ในขณะนี้ มี่ไลกำลังอยู่ในระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือด กับคนสามคนที่กำลังล้อมนางอยู่

ระดับการบ่มเพาะของทั้งสามที่เป็นคู่ต่อสู้ของนาง สองคนแรกอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 ส่วนอีกคนอยู่ที่ระดับ 13

อย่างไรก็ตาม มี่ไลต่อสู้กับพวกเขาทั้งสามเพียงลำพังโดยไม่ขลาดกลัว

นางทำการร่ายคาถาฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง สลับไปมาเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทั่วบริเวณพร้อมกับสลับใช้วิชาสุริยันสังหาร เกล็ดน้ำค้างสารทฤดูเข้าใส่คู่ต่อสู้ทั้งสามของนางให้ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

เหตุผลหลัก ๆ ก็เป็นเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นวิชาแปลก ๆ แบบนี้มาก่อน

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรับมือกับนางด้วยความยากลำบาก แต่พวกเขาก็ไม่แปลกใจเลยที่ต้องเผชิญกับวิชาแปลก ๆ เช่นนี้ เนื่องจากพวกเขาเข้าใจดีว่าผู้ที่สามารถเข้ามาในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้นั้นล้วนแต่เป็นเหล่าอัจฉริยะระดับหัวกะทิของมหาพิภพไร้จุดจบกันทั้งนั้น

“เจ้าเป็นใครกัน? บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเจ้ามาจากที่ไหน!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 13 ถามขึ้น

มี่ไลไม่ได้ตอบอะไรเขาสักคำ นางยังคงสลับใช้วิชาในมือของนางเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ

“ถ้าเจ้ายังไม่บอกเราว่าเจ้ามาจากไหน ข้ารับประกันได้ว่าเจ้าจะต้องเสียใจ!” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 พูดขึ้น “แต่ถ้าเจ้าบอกเรามาว่าวิชาของเจ้ามันคืออะไรกันแน่ พวกข้าจะยอมปล่อยเจ้าออกไป ไม่เช่นนั้นพวกข้าจะทำให้การเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับครั้งนี้ของเจ้ากลายเป็นสูญเปล่าซะ!”

ภายในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ หากไม่รู้จักกันทุกคนจะมองอีกฝ่ายว่าเป็นคู่แข่งกันทั้งหมดและจะเริ่มต่อสู้ทันทีเมื่อพบหน้า

โดยเฉพาะจุดที่พวกเขาสู้กันอยู่ตอนนี้ มันเป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มทั้งสามต้องการมากที่สุดเพราะที่แห่งนี้มีพลังธาตุดินอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาเข้าใจกฎของโลกได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตามหลังจากที่พวกเขาเริ่มโจมตี พวกเขาทั้งสามก็ถูกดึงดูดความสนใจโดยวิชาของมี่ไลและเริ่มถามถึงต้นกำเนิดและวิชาของนาง

มี่ไลทำตามคำพูดของหลิงตู้ฉิงมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นสมบัติใด ๆ ก็ตาม ตราบใดที่มีคนต้องการต่อสู้เพื่อชิงมัน นางก็จะหลีกทางให้ทันที

เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของนางคือการค้นหาหลิงตู้ฉิง

อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนนี้ทั้งสามกำลังรั้งนางไว้แม้ว่านางจะไม่กลัว แต่นางก็ไม่สามารถจากไปได้ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้มันทำให้นางหงุดหงิดมาก

ไม่ว่าวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนจะวิเศษและพิสดารเพียงใด แต่ในเมื่อนางเองก็ไม่เชี่ยวชาญเพียงพอ แถมนางยังไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับวิชาเกล็ดน้ำค้างสารทฤดู ดังนั้นการที่นางสามารถรับมือกับอัจฉริยะทั้งสามได้อย่างสมน้ำสมเนื้อนั้นก็ถือว่าดีมากแล้ว

ขณะนี้มี่ไลเริ่มรู้สึกลังเล การที่นางถูกทั้งสามเข้ามาพัวพันเช่นนี้ นางควรใช้วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งเพื่อหนีไปดีหรือไม่?

แต่นางก็ยังลังเล เนื่องจากนางเองก็ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งให้กับคนเหล่านี้เห็น เพราะมันคงจะเป็นบ่อเกิดของเรื่องยุ่งยากให้กับพวกนางเอง

และที่สำคัญเวลานี้นางเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เป็นตาย ดังนั้นนางจึงอยากลองสู้กับพวกเขาต่อไปอีกจนกว่าจะสิ้นหนทางจริง ๆ

ทางด้านของผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคน ในตอนนี้พวกเขาเองก็รู้สึกหดหู่ใจมากเช่นกัน หลังจากต่อสู้มานาน ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ยอมพูดอะไรเลยออกมาสักคำ พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับภูมิหลังของนางแม้แต่น้อย พวกเขาทำได้แค่เพียงกดดันนางไปเรื่อย ๆ เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พวกเขาทั้งสามกำลังจะโจมตีมี่ไลด้วยกำลังทั้งหมด ทันใดนั้นเงาจำนวนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาผสานรวมเข้ากับเงาของพวกเขา

จากนั้นเกือบจะในเวลาเดียวกัน มือหกข้างก็พุ่งออกมาจากเงาของพวกเขาเอง มือข้างหนึ่งทะลวงเข้าไปในอกและทำลายหัวใจของพวกเขาส่วนอีกข้างหนึ่งทุบหัวของพวกเขาจนแตกเป็นชิ้น ๆ ส่งผลให้พวกเขาเสียชีวิตทันทีโดยที่ไม่มีเวลาแม้แค่จะทำลายอักขระที่อยู่ในห้วงจิตสำนึก!

“หยุนเอ๋อ เจ้ามาแล้ว!” มี่ไลถอนหายใจอย่างโล่งอก

เมื่อนางเห็นการโจมตีเช่นนี้ นางก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นหลิงเทียนหยุนแน่นอนที่มาช่วยนาง

ซึ่งหลังจากที่ทั้งสามตายลง เงาทั้งสามก็ปรากฎออกมาจากศพทั้งสาม แน่นอนว่ารูปร่างของพวกมันนั้นคล้ายกับร่างของหลิงเทียนหยุนเป็นอย่างมาก

“ป้ามี่ เป็นไงบ้างกับร่างเงาของข้า!” หลิงเทียนหยุนหัวเราะ “ป้ามี่ ข้าได้พบป้าเฟ่ยแล้ว ตอนนี้นางกำลังอยู่ในความคุ้มครองของร่างเงาตัวอื่นของข้า ไปกัน ข้าจะพาท่านไปพบกับป้าเฟ่ยก่อน จากนั้นเราค่อยไปตามหาท่านพ่อด้วยกัน”

“อืม!” มี่ไลพยักหน้า

เมื่อหลิงเทียนหยุนพูดจบ เขาก็ส่งร่างเงาของเขาเข้าไปประสานรวมกับเงาของมี่ไล

ซึ่งมี่ไลเองก็สัมผัสได้ว่าตอนนี้ร่างเงาของหลิงเทียนหยุนได้คอยติดตามนางอยู่ด้านหลังเพื่อคอยปกป้องนาง ซึ่งนางเองก็ไม่พูดอะไรมากและรีบวิ่งตามหลิงเทียนหยุนไปหาหลิวเฟ่ยเฟ่ย

ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงก็วิ่งร่อนไปทั่วเพื่อตามหาข่าวคราวเกี่ยวกับมี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ยและหลิงเทียนหยุน

ในขณะที่เขามาถึงทะเลสาบแห่งหนึ่ง เขาก็ได้เห็นหญิงสาวที่กำลังนั่งหลับตาบ่มเพาะอยู่ริมทะเลสาบ และโดยไม่พูดอะไร หลิงตู้ฉิงก็พุ่งไปหานางทันที

“ระดับ 14 ของขอบเขตประสานทะเลปราณ หญิงสาวคนนี้มาจากครอบครัวของใครกัน?” หลิงตู้ฉิงรู้สึกประหลาดใจระหว่างที่เขาพุ่งเข้าไปหานาง และเมื่อถึงระยะเขาก็ใช้วิชาห้วงนิทราแห่งราชันย์ใส่นางทันที

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่นางหลับไปนางก็ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับจ้องไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตกตะลึงและพูดว่า “ห้วงนิทราแห่งราชันย์! ท่านเป็นใครทำไมถึงมีวิชาที่สาบสูญของอารามจินตภาพ?”

หลิงตู้ฉิงพูดด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามาจาก สำนักชีเปลื้องอารมณ์ งั้นเหรอ?”

“ข้าอยู่สำนักไหนมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้า!” ผู้หญิงคนนั้นถาม “แต่เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้า ทำไมเจ้าถึงมีวิชาห้วงนิทราแห่งราชันย์ของเรา!”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “สาวน้อย เจ้าจงตอบคำถามของข้าอย่างตรงไปตรงมาดีกว่า ไม่งั้นข้าจะทำลายความฝันที่เจ้าจะได้ชำระจิตของเจ้าในทะเลสาบแห่งนี้ นอกจากนี้ถ้าเจ้าทำให้ข้าโกรธ ข้าจะจับเจ้าโยนไปที่เขตแดนมลทินสุดขั้ว จนทำให้เจ้าไม่สามารถบ่มเพาะสำนักชีเปลื้องอารมณ์ได้อีกต่อไป”

“เจ้าเป็นใครกันแน่?” หญิงสาวตัวสั่นด้วยความโกรธ

นี่เป็นเพราะนางตั้งความหวังไว้เป็นอย่างมากว่าจะใช้น้ำจากในทะเลสาบแห่งนี้เพื่อชำระจิตของนางให้บริสุทธิ์ แถมนางยังกลัวร่างของนางแปดเปื้อนโดย ‘ฝุ่นสีแดง’ เป็นที่สุด

ส่วนเรื่องการต่อสู้กับหลิงตู้ฉิง นางเองก็อยากจะฆ่าเขาใจจะขาดแต่มันน่าเสียดายที่นางเองก็รู้ตัวว่าสู้เขาไม่ได้ เมื่อครู่ที่นางถูกจู่โจมนางยังไม่ทันได้รู้ตัวอะไรเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นลืมไปได้เลยกับการที่จะเอาชนะหลิงตู้ฉิงได้

และถ้าไม่ใช่เพราะทักษะพิเศษเฉพาะของสำนักชีเปลื้องอารมณ์ นางคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางหลงอยู่ในห้วงนิทราแห่งราชันย์

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “บอกชื่อของเจ้ามาก่อน”

หญิงสาวมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว จากนั้นนางก็พูดว่า “ข้าชื่อ หลิงซิน!”

“ใครเป็นคนดูแล สำนักชีเปลื้องอารมณ์ ในตอนนี้?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น

“เจ้าสำนักฮุยเจีย!” หลิงซินชำเลืองมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตางุนงง คำถามเหล่านี้มันก็ไม่ยากที่จะตอบ?

“แล้วปรมาจารย์เหมี่ยวหยินของพวกเจ้าไปไหน?” หลิงตู้ฉิงถามอีกครั้ง

“ข้าไม่รู้!” หลิงซินส่ายหัวและตอบกลับอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อนางยังเห็นว่าหลิงตู้ฉิงยังคงจ้องเขม็งมาที่นาง นางก็ย้ำกับเขาอีกรอบ “ข้าไม่รู้จริง ๆ! รุ่นของข้ากับปรมาจารย์เหมี่ยวหยินอยู่ห่างกันไม่น้อยกว่า 10 รุ่น ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าคนเมื่อหลายหมื่นปีก่อนไปไหน!? นอกจากนี้แต่ละตระกูลของพวกเราก็ไม่ได้ใช้ภาษาเดียวกันด้วยซ้ำ”

หลิงตู้ฉิงถอนหายใจเล็กน้อยส่ายหัวและพูดว่า “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะถามเจ้าต่อแล้ว มาพูดถึงเรื่องวิชาห้วงนิทราแห่งราชันย์กันก่อนละกัน ข้าไม่ต้องการให้อารามจินตภาพรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วเจ้าก็ดันรู้เข้าซะแล้ว ดังนั้นเจ้าคิดว่าเราควรทำยังไงกันดี?”

หลิงซินตื่นตัวขึ้นทันที นางมองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “ท่านจะทำอะไร?”

หลิงตู้ฉิงพูดว่า “อย่าขัดขืนให้ข้าใช้คาถาซุ่มเสียงแห่งเทพอสูร เพื่อให้เจ้าลืมความทรงจำส่วนนี้ซะ เจ้าควรจะยอมข้าแต่โดยดีไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าต้องออกจากที่นี่โดยที่เจ้าจะไม่มีโอกาสได้ชำระจิตอีกต่อไป ซึ่งเจ้าควรจะรู้ดีว่าถ้าเจ้าออกไปทั้งที่ยังไม่ได้รับการชำระเถ้ามีมลทินให้ออกจากจิตของเจ้า อนาคตของเจ้าจะต้องยากลำบากแน่นอน ถึงแม้ว่าข้าจะเกลียดวิธีการของพวกเจ้า สำนักชีเปลื้องอารมณ์บนโลกภายนอก แต่ข้ายังคงเคารพสิทธิ์ของเจ้า ดังนั้นข้าจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไร ว่าแต่ตอนนี้เจ้าจะเลือกอะไรดี?”

ทำไมหลิงซินจะตัดสินใจไม่ได้ว่านางควรเลือกอะไร? นางรู้ตัวดีว่าในอนาคตนางจะต้องลำบากแน่นอนถ้านางไม่ชำระเถ้ามลทินที่ปนเปื้อนนางอยู่ออกไปจากดวงจิต หรือไม่งั้นนางก็ต้องหยุดการบ่มเพาะ

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อหลิงตู้ฉิงใช้คาถาซุ่มเสียงแห่งเทพอสูรเสร็จ หลิงซินก็มองไปที่ หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาเย็นชาและพูดว่า “ในเมื่อข้าก็ลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เจ้าไปได้แล้วรึยัง?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและหันหลังกลับ แต่เมื่อเขากำลังจะก้าวขาเดินออกไปมันก็ดูเหมือนว่าเขาคิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็หันกลับมาและออกฝ่ามือปล่อยคลื่นพลังวิญญาณเพื่อทำลายเสื้อผ้าของหลิงซินทั้งหมด จนเผยให้เห็นร่างกายที่ล่อนจ้อน

เมื่อถูกกระทำเช่นนี้ หลิงซินโกรธจนหน้าดำหน้าแดงและมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาอาฆาต แต่ในขณะที่นางกำลังจะตัดสินใจสู้ตายกับหลิงตู้ฉิง แต่หลิงตู้ฉิงกลับพูดขึ้นก่อนว่า “นี่ถือซะว่าเป็นดอกเบี้ยที่พวกแม่ชีแก่ของเจ้า สำนักชีเปลื้องอารมณ์ได้เคยกระทำลงไป ส่วนของที่เหลืออีกไม่ช้าก็เร็วในอนาคตข้าจะตามไปเก็บเพิ่มอีกรอบ!”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็จากไปทิ้งให้หลิงซินโกรธจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด

ก่อนหน้านี้นางก็มีเถ้ามลทินอยู่บนตัวนางมากพอแล้ว และตอนนี้หลิงตู้ฉิงกลับมาเพิ่มมันให้มากขึ้นไปอีก คราวนี้ถ้านางไม่ชำระมันออกให้หมด อนาคตของนางจะต้องจบสิ้นลงแน่นอน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงรีบดิ่งลงไปในทะเลสาบทันทีเพื่อล้างจิตใจของนาง

ภายใต้วิชาซุ่มเสียงแห่งเทพอสูร นางเองก็ได้ลืมสิ่งที่หลิงตู้ฉิงเพิ่งพูดไปเมื่อครู่เช่นกัน ถ้าหากนางได้นำคำพูดของหลิงตู้ฉิงกลับไปแจ้งกับสำนักชีเปลื้องอารมณ์แล้ว บรรดาแม่ชีเฒ่าทั้งหลายคงจะต้องนึกอะไรบางอย่างออกได้อย่างแน่นอน

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน
Status: Ongoing
เรื่องย่อ พ่อเลี้ยงยอดเซียน ไม่นึกเลยว่าอารมณ์ทั้งเจ็ดจะมีผลต่อการบ่มเพาะเช่นนี้! ในชาติที่แล้วอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นข้าจะกลายเป็นนิรันดร์กาล! ข้ายอมสละอารมณ์ทั้งเจ็ดเพื่อความเป็นนิรันดร์ แต่ท้ายที่สุดข้ากลับต้องเผชิญกับทางตัน วิถีไร้อารมณ์นั้นบกพร่อง! ในเมื่อวิถีไร้อารมณ์ไม่สามารถพาข้าก้าวข้ามไปถึงขอบเขตนิรันดร์กาล ข้าต้องกลับไปจุติใหม่! ในชีวิตหน้าข้าจะเปลี่ยนวิถี! ในชีวิตหน้าข้าจะฟื้นฟูอารมณ์ทั้งเจ็ดของข้า! ชาติหน้าข้าจะโอบรับพวกมันทั้งหมด ความรัก ความชัง ปรารถนา โศกศัลย์ ยินดี เดือดดาล สุขสันต์ ครั้งนี้ข้าจักต้องไม่พลาด รอบนี้ข้าจักต้องให้ทุกสรรพสิ่งขนานนามข้าว่า ‘ไร้เทียมทาน!’ จักรพรรดิเซียนไร้อารมณ์ ผู้แสวงหาความเป็นนิรันดร์ ตัดสินใจจุติใหม่ แต่แล้วเหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อยามที่เขาลืมตาดูโลกขึ้นอีกครั้ง เขากลับจุติอยู่ในร่างของชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี ที่สำคัญชายผู้ที่เขาลงมาจุติในร่างกลับอุปการะบุตรบุญธรรมไว้แล้วถึงเจ็ดคน! และเด็กทุกคนกลับมีความสามารถท้าทายสวรรค์! ————————————————————- ขั้นพลัง ขอบเขตหลอมรวมลมปราณ ขอบเขตควบแน่นลมปราณ ขอบเขตประสานทะเลลมปราณ ขอบเขตรวมแสงดารา ขอบเขตนภา (ขั้นต่อไปถัดจากขอบเขตรวมแสงดารา) ขอบเขตครึ่งสวรรค์ (ขอบเขตนภาระดับ12-13) ขอบเขตสวรรค์ – สวรรค์สามัญ – หลุดพ้นสามัญ ขอบเขตเหนือสวรรค์ ขอบเขตราชัน ขอบเขตจักรพรรดิ ขอบเขตเร้นลับ ขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ (ระดับการบำเพ็ญเพียรของหลิงตู้ฉิงในชาติก่อน)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset