หยูเฉิงฮุยพยายามเสแสร้งอย่างสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด
ภายในรถม้า หลิงว่านถิงที่เห็นภาพนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เมื่อเห็นหยูเฉิงฮุยร้องไห้และร้องขอความเมตตา
“เฮ้ พี่สอง ท่านไม่เห็นเหรอว่าเขาตั้งใจทำ” หลิงฟ่างหัวร้องเสียงดัง “เขากำลังโกหกท่านอยู่ ท่านอย่าได้ใจอ่อนปล่อยให้เขาหลอกได้อีกเชียวนะ! ท่านห้ามลืมสิ่งที่เขาเคยทำกับท่านนะพี่สอง! โธ่เอ้ย ท่านนี่มันน่าโมโหจริง ๆ ท่านอยู่เฉย ๆ ตรงนี้แหละ ข้าจะไปฆ่าเขาแล้วปัญหาทุกอย่างมันจะได้จบลงซะที!”
หลิงว่านถิงรีบดึงหลิงฟ่างหัวไว้และพูดว่า “พ่อบอกว่าจะให้พี่เป็นคนตัดสินความเป็นความตายของเขา พี่ขอไปดูเขาก่อน เจ้าอย่าเพิ่งทำอะไรทั้งนั้น!”
หลังจากพูดจบ หลิงว่านถิงก็เดินออกจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา นางเหลือบมองไปที่หยูเฉิงฮุย และมาที่ด้านข้างของหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ข้าขอร้องให้ท่านช่วยทำให้ข้าเห็นความจริงที!”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ นางคงปล่อยหยูเฉิงฮุยไปแล้ว แต่หลังจากที่นางได้ชำระล้างจิตวิญญาณของนางให้สะอาดแล้วถึงสองครั้ง ความรักในใจของนางที่มีต่อเขาจึงไม่มากเท่าเดิม ดังนั้นการแสดงของหยูเฉิงฮุย จึงไม่สามารถเปลี่ยนใจนางได้อีกต่อไป ปัจจุบันนางเพียงต้องการค้นหาความจริงของเรื่องราวทั้งหมดเท่านั้น
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าช้า ๆ และสะบัดนิ้วของเขาเพื่อหยุดหยูเฉิงฮุยที่กำลังร้องไห้ จากนั้นเขาใช้มือคว้าเข้าที่คอของหยูเฉิงฮุย ส่วนมือข้างขวาเขาจับมือของหลิงว่านถิง จากนั้นเขาก็พาลูกสาวของเขาเข้าสู่ห้วงความฝันของหยูเฉิงฮุย
หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาที่ปิดสนิทของหลิงว่านถิงก็เริ่มมีน้ำตาหลั่งออกมาพร้อมกับที่นางก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
เมื่อมองไปที่หยูเฉิงฮุยที่ยังคงหลับตาอยู่ หลิงว่านถิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา นางยิ้มและพูดว่า “ท่านพ่อข้าเข้าใจแล้ว สำหรับคนผู้นี้ข้าจะปล่อยให้ท่านจัดการตามที่ท่านเห็นสมควร!”
เมื่อพูดจบ หลิงว่านถิงก็เดินกลับไปที่รถม้า
ตอนนี้นางได้เห็นความจริงทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่ที่พวกเขาอยู่ด้วยกันรวมถึงความคิดใด ๆ นับตั้งแต่พวกเขาแยกทางกัน ซึ่งเมื่อตอนนี้นางรู้ทุกอย่างแล้วนางก็ปลงใจว่านางจะไม่คิดถึงมันอีกซ้ำสอง
หลิงฟ่างหัวที่รอมานาน นางรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของหลิงตู้ฉิงทันทีเมื่อนางได้ยินคำพูดของหลิงว่านถิง ดวงตาของนางสว่างขึ้นและนางก็ตะโกนว่า “ท่านพ่อได้ยินแล้วใช่ไหม? ให้ข้าฆ่าเขา! ข้าต้องการแยกร่างมันออกเป็นสิบส่วน! หนึ่งเพื่อส่งมันเข้าไปในประมิติของข้า อีกหนึ่งเพื่อส่งไปยังปากของเกาหยู อีกส่วนหนึ่งข้าโยนมันลงไปในบ่อมูลสัตว์…”
ก่อนที่นางจะพูดจบ หลิงตู้ฉิงโบกมือขึ้นปราม จากนั้นเขาจับคอหยูเฉิงฮุยขึ้นมาและโยนมันไปที่หยูไท่ฉวน
“ท่านพ่อ!” หลิงฟ่างหัวตะลึง
หลิงตู้ฉิงยิ้มอย่างเย็นชา และส่งเสียทางโทรจิตไปหาหลิงฟ่างหัวว่า “พ่อได้ใช้คำสาปกับมันไปแล้ว สี่ข้อ เริ่มตั้งแต่คืนนี้มันจะต้องเฝ้าดูตัวเองที่เน่าเปื่อยทีละน้อยทีละน้อยไปเรื่อย ๆ จนกลายร่างเป็นผีดิบ จากนั้นคำสาปที่สองจะปะทุขึ้น เมื่อร่างของมันกลายเป็นผีดิบเมื่อไหร่มันจะกลายเป็นเน่าสลายเหลือแต่โครงกระดูก จากนั้นคำสาปที่สามจะตามมาเมื่อร่างมันเหลือแต่โครงกระดูก มันจะยังไม่ตายแต่กระดูกมันจะค่อย ๆ สลายไปจนเหลือแต่วิญญาณ ซึ่งจากนั้นจะมาถึงคำสาปสุดท้าย เมื่อมันเหลือแต่วิญญาณ วิญญาณของมันจะค่อย ๆ สูญสลายไปทีละน้อย ๆ จนดับลงหายไปจนหมด”
“ดังนั้นการตายของมันจะเจ็บปวดอย่างไม่สามารถจินตนาการได้ นอกจากนี้ในระหว่างที่มันยังอยู่ในภาวะคำสาป ไม่ว่าใครหากต้องการที่จะฆ่ามัน มันจะไม่มีใครที่สามารถฆ่ามันได้ ซึ่งตัวมันเองทำได้เพียงแค่อดทนต่อคำสาปและความตาย”
อันที่จริง หลิงตู้ฉิงยังสามารถสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวของหลิงว่านถิง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ฆ่าหยูเฉิงฮุยต่อหน้านาง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะไม่ฆ่าหยูเฉิงฮุยในตอนนี้ แต่วิธีการที่เขาใช้ในการระบายความโกรธแค้นในใจนั้นมันโหดเหี้ยมมากกว่าที่เขาจะสังหารหยูเฉิงฮุยให้ตายลงทันทีเป็นหมื่นเท่า
เมื่อได้ยินวิธีการเช่นนี้ หลิงฟ่างหัวก็พอใจในทันที นางดึงหลิงตู้ฉิงเข้ามาหาและกระซิบว่า “ท่านพ่อ วิธีของท่านนี่ช่างยอดเยี่ยมที่สุดจริง ๆ ต่อไปท่านต้องสอนคำสาปนี้ให้กับข้าด้วย ข้าจะได้ใช้มันเพื่อฆ่าคนที่สมควรตายโดยเฉพาะ!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ตกลง ไว้ในอนาคตเมื่อเจ้าพร้อมเมื่อไหร่พ่อจะสอนเจ้าก็แล้วกัน เอาล่ะตอนนี้พวกเราควรไปกันได้แล้ว!”
อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกคนคิดว่าเรื่องนี้กำลังจะจบลงแล้ว จู่ ๆ ก็มีคนสองคนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือผู้เชี่ยวชาญระดับราชัน!
หลังจากจัดการเรื่องของหยูเฉิงฮุยและอาณาจักรมังกรทะยานแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พร้อมที่จะนำคนของเขากลับไปที่ทะเลชางหมาง
เหตุผลสำคัญที่เขามาที่อาณาจักรมังกรทะยานในครั้งนี้นั้นก็เพื่อตามหาตัวหยูเฉิงฮุย เพื่อปลดพันธนาการหลิงว่านถิงต่อบททดสอบทัณฑ์แห่งโลกมนุษย์ของนาง
สำหรับการสังหารหยูเฉิงฮุยนั้นเป็นงานง่าย ๆ
เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้วก็ถึงเวลากลับสู่ทะเลชางหมาง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าจะมีคนสองคนปรากฏตัวขึ้น
เมื่อสัมผัสได้ว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันกำลังใกล้เข้ามา หลิงตู้ฉิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จากนั้นเขาจึงพุ่งตัวกลับไปที่ค่ายกลกระบี่เหินเมฆา
เนื่องจากระดับการบ่มเพาะของเขาที่ต่ำกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันนับไม่ถ้วน ดังนั้นเขาจึงรู้ตัวดีว่าถ้าหากปะทะกันตรง ๆ เขาในตอนนี้มันไม่มีวันที่จะชนะได้แน่นอน
แต่สถานการณ์มันจะกลายเป็นอีกแบบหนึ่งทันทีหากเขากลับไปอยู่ในค่ายกลกระบี่เหินเมฆา เพราะหากเขาอยู่ในค่ายกลกระบี่แล้วเขาจะมีวิธีการอื่น ๆ มากมายในการรับมือกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน
เมื่อกลับเข้าไปด้านในค่ายกลกระบี่เหินเมฆา หลิงตู้ฉิงก็เพ่งมองไปที่คนทั้งสองที่กำลังพุ่งเข้ามายังทิศทางที่เขาอยู่ แต่แล้วเมื่อเขาเห็นร่างของซือโถวเหวินหยวน คือหนึ่งในผู้ที่กำลังจะเข้ามาหา หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกผ่อนคลายในทันที
เพราะเขารู้ได้ทันทีว่าคนที่มานั้นคือคนของสำนักเต๋าสวรรค์
“นายท่าน…!” ซือโถวเหวินหยวนตะโกน “ข้าพาบรรพบุรุษของข้ามาแล้ว โปรดท่านออกมาพบกับบรรพบุรุษของข้าที บรรพบุรุษของข้าต้องการพบกับท่านและนายเหนือหัวของเรา”
หลิงตู้ฉิงเปิดค่ายกลกระบี่ของเขา และตะโกนไปหาซือโถวเหวินหยวนและชายชราที่อยู่ข้าง ๆ เขา “พวกเจ้าจงเข้ามา!”
ชายชราทำราวกับว่าเขาไม่เห็นความอันตรายของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา เขาก้าวเข้ามาในค่ายกลทันทีด้วยความตื่นเต้น พลางถามหลิงตู้ฉิง “ไหน ๆ นางอยู่ที่ไหน อยู่ที่ไหน?”
ขณะที่ถาม ชายชราก็พยายามมองไปรอบ ๆ
หลิงตู้ฉิงรู้ในทันทีว่าชายชราผู้นี้กำลังมองหาอะไร เขาหันกลับไปหาหลิงว่านถิง และพูดว่า “ว่านถิง มาตรงนี้มา”
หลิงว่านถิงเดินเข้ามาหา และถามว่า “ท่านพ่อ มีอะไรงั้นเหรอ?”
แม้ว่านางจะไม่อยู่ในอารมณ์ที่ดี แต่นางก็ไม่ได้อารมณ์ไม่ดีเช่นกัน
แม้ว่านางจะถูกใครบางคนหลอก แต่พ่อของนางก็ทำให้นางได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพ่อของนางไม่ได้ฆ่าคนใจร้ายคนนั้น ซึ่งมันทำให้ในท้ายที่สุดอารมณ์ด้านลบอันหนักอึ้งที่อยู่ในใจของนางก่อนหน้านี้ก็เหมือนกับถูกยกออกไปจนหมด
“เขามาจากสำนักเต๋าสวรรค์” หลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงว่านถิง ก่อนจะหันไปหาชายชรา “นี่คือลูกสาวคนที่สองของข้า หลิงว่านถิง!”
ซือโถวเหวินหยวนหัวเราะ “บรรพบุรุษ นี่คือนายเหนือหัวของพวกเราที่ข้าเคยพูดถึง!”
ในเวลาเดียวกัน ชายชราที่กำลังจ้องมองไปที่หลิงว่านถิง จู่ ๆ ดวงตาของเขาก็ลุกโชนด้วยความตื่นเต้น
“ยอดเยี่ยม! วิเศษ! วิเศษวิเศษจริง ๆ!” ชายชราปรบมืออย่างตื่นเต้นและพูดว่า “สวรรค์ประทานพรให้สำนักเต๋าสวรรค์ของเราแล้ว!”