ตอนที่ 457
วันรวมญาติ
“หลี่เย่ เจ้าร่ำเรียนวิชาแพทย์มาจากไหนงั้นหรือ”ไป๋หลินถามขณะนั่งอยู่บนหลังของไป๋ไป่
“ทะ ที่โรงเรียนการแพทย์ที่สองเจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบด้วยท่าทีลุกลนไม่น้อย นางเป็นเด็กสาวที่พึ่งเกิดมาได้ 19 ปี ไม่แปลกที่นางจะไม่รู้จักเจ้าหญิงไป๋หลิน เพราะตอนที่นางเกิดผู้ครองอาณาจักรไป๋ก็คือจักรพรรดินีหลิวเมิ่งไปแล้ว แม้จะมีตำนานของจักรพรรดิไป๋พระองค์ก่อนให้ได้ฟังบ้าง แต่เรื่องของไป๋หลินกลับมีไม้มาก แถมแต่ละเรื่องยังมีแต่เรื่องความงามเสียมากกว่า หลี่เย่เลยไม่ได้สนใจและตั้งใจศึกษาวิชาแพทย์ของตนเท่านั้น ทำให้นางไม่ทราบวว่าพี่สาวตรงหน้านางนั้นคือใครกันแน่ นางรู้แต่ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีอำนาจไม่น้อยเลย แถมยังมีพลังสูงมากจนน่ากลัวเลยทีเดียว
“ที่สองงั้นหรือ…..”ไป๋หลินขมวดคิ้ว ตอนนายยังอยู่ที่อาณาจักรไป๋ก็เริ่มมีการสร้างโรงเรียนแล้ว แต่ตอนนี้นางไม่ทราบเหมือนกันว่ามีโรงเรียนทางด้านการแพทย์กี่โรงเรียนและโรงเรียนไหนดีหรือไม่ดี
“ข้าขอดูตำราของเจ้าได้หรือไม่”ไป๋หลินถามพลางมองไปทางหลี่เย่ แน่นอนว่านางไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างไร ตอนนี้สำหรับหลี่เย่แล้วไป๋หลินนอกจากจะมีฝีมือยอดเยี่ยมแล้วยังน่านับถืออย่างมากอีกด้วย
“นี่เจ้าค่ะ”หลี่เย่นำตำราที่สร้างจากกระดาษสีขาวที่ดูดีกว่ากระดาษสมัยเก่าหลายเท่า แถมตัวหนังสือยังชัดเจนอีกต่างหาก แต่เทคโนโลยีการพิมพ์หนังสือนั้นแพร่ไปจนทั่วแล้วไป๋หลินเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่
พรึบ….พรึบ.ๆๆๆ เพียงครู่เดียวราวกับไป๋หลินนั่งเปิดหน้ากระดาษเล่นนางก็จดจำเนื้อหาภายในตำราที่หลี่เย่ท่องทั้งวันทั้งคืนได้จนหมด ก่อนจะหลับตาลงช้าๆเปรียบเทียบเนื้อหาในตำรากับความรู้ของตน
“ยาสูตรนี้ทำไมถึงเปลี่ยนวัตถุดิบกัน”ไป๋หลินถามพลางชี้ไปที่หน้ากระดาษหน้าหนึ่ง
“อ๋อ เพราะช่วง 20 ปีมานี้ดอกกระดิ่งม่วงหาได้ยาก อาจารย์ท่านหนึ่งก็เลยทดลองหาตัวยาอื่นมาทดแทนเจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำทำให้ไป๋หลินพอใจไม่น้อย
“อืมเรื่องนี้ไม่เป็นไร ถึงจะเปลี่ยนวัตถุดิบแต่ก็ได้ผลไม่ต่างกันมาก แต่ตรงนี้นี่สิ”ไป๋หลินว่าพลางชี้ไปยังตำราส่วนหลังที่เป็นตำราการรักษาชั้นสูง ตำราที่ท่านพ่อของนางทิ้งเอาไว้ให้มีสูตรยาพิสดารนับร้อยชนิด แม้จะไม่ทั้งหมด แต่ก็มีมากกว่าในตำราที่หลี่เย่เอาออกมาแน่ๆ
“ทำไมหรือเจ้าคะ”หลี่เย่ถามพลางมองในหน้าตำราของตน พวกยาชั้นสูงที่ใช้สมุนไพรล้ำค่าทำนั้นมีเพียง 12 สูตรเท่านั้น
“ข้าจำได้ว่าตอนเปิดโรงเรียนใหม่ๆท่านพ่อทิ้งสูตรเอาไว้ทั้งสิ้น 132 ชนิด ทำไมถึงเหลือแค่นี้”ไป๋หลินถามพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบออกมาตามตรง เรื่องที่สูตรยามีมากกว่านี้นางก็พึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
“อืม…ท่าทางก่อนกลับข้าคงต้องไปจัดการเสียหน่อย”ไป๋หลินถอนหายใจออกมาพลางลองเปรียบเทียบตำราที่พ่อของนางทำขึ้นกับตำราในยุคใหม่ ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่สูตรยาชั้นสูง แต่ยาระดับกลางและระดับต่ำก็โดนเอาสูตรต่างๆออกไปหลายรายการทีเดียว ไม่ทราบเพราะหาวัตถุดิบไม่ได้หรือมีใครจงใจเก็บความรู้เอาไว้กันแน่
“งั้นระหว่างเดินทางเจ้าเอานี่ไปอ่านก็แล้วกัน”ไป๋หลินว่าพลางนำตำราแพทย์ที่ตนเก็บไว้ออกมา เล่มนี้เป็นเล่มต้นฉบับที่นางขอมาจากท่านพ่อ เรียกได้ว่าเป็นเล่มที่เขียนขึ้นด้วยลายมือของไป๋จูเหวินเลยทีเดียว หากหลี่เย่ทราบว่าไป๋จูเหวินคือองค์จักรพรรดิไป๋ละก็นางต้องไม่กล้าแม้แต่จะแตะตำราเล่มนี้อย่างแน่นอน
“ขะ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”หลี่เย่กะพริบตาปริบๆพลางเปิดตำราออกอ่านช้าๆ ดูเหมือนเรื่องที่ไป๋หลินพูดจะเป็นเรื่องจริงเสียด้วย ในตำราเล่มนี้มีวิชารักษาและสูตรยาที่หายไปจากตำราเล่มปัจจุบันด้วย ทำให้นางได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย
“………….หญ้าดาว…….ต้นกาบขาว……..”ทันทีที่เริ่มอ่านตำรา เหมือนกับว่าหลี่เย่จะเข้าไปอยู่ในห้วงของตนเองไม่มีผิด ยิ่งอ่านนางก็ยิ่งเหมือนจมอยู่กับตำรา เพราะความรู้เหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ แถมมันยังน่าสนใจและน่าตกใจมากอีกด้วย น่าเสียดายที่นางไม่มีความสามารถเหมือนคนตระกูลไป๋ ทำให้นางต้องท่องอยู่นานสองนานทีเดียวกว่าจะจำสูตรยาใหม่ๆได้สักสูตร
“หลี่เย่”ไป๋หลินเรียกไปทางหลี่เย่เมื่อเห็นว่าพวกตนใกล้ถึงเขตอสูรผาไร้ก้นแล้ว
“………”ไร้เสียงตอบรับ ยามนี้หลี่เย่จมกับตำราตรงหน้าจนแว่นตาของนางแทบจะติดหน้ากระดาษอยู่แล้ว
“หลี่เย่”
“จะ เจ้าคะ”เมื่อไป๋หลินเพิ่มเสียงขึ้นหลี่เย่ก็เหมือนพึ่งจะได้สติ ไม่นึกเลยว่าเอาตำราให้นางดูเช่นนี้จะทำให้นางจดจ่อจนลืมไปว่าตนเองกำลังจะเดินทางไปยังเขตอสูรผาไร้ก้นที่นางต้องการอยู่รอมร่อ
“เราจะถึงเขตอสูรผาไร้ก้นแล้ว พอเจ้าไปถึงที่นั่นห้ามออกห่างพวกเรานะ”ไป๋หลินพูดพลางจ้องมองไปที่หลี่เย่อย่างจริงจัง ตัวไป๋หลินและไป๋ไป่รวมถึงชิงชิวเองเคยเข้าออกเขตอสูรผาไร้ก้นกันเป็นว่าเล่น ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนจูล่งมันมีความสามารถดึงดูดเหล่าอสูรอยู่แล้ว และถึงจะมีอสูรที่ไหนหน้ามืดตามัวไปโจมตีมันเข้าละก็ ไป๋หลินก็เชื่อเหลือเกินว่าน้องชายผู้นี้รับมือได้ แต่หากเป็นหลี่เย่ละก็ นางอาจจะโดนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้บุกรุกก็ได้ แม้พลังของนางจะสูงพอสมควร แต่ก็ไม่ได้มากพอจะรับมือเหล่าอสูรในเขตอสูรผาไร้ก้นหรอก
“จะ เจ้าค่ะ”หลี่เย่พยักหน้าช้าๆด้วยท่าทีเกร็งๆ สำหรับนางแล้วเขตอสูรผาไร้ก้นเป็นสถานที่ต้องห้าม นางไม่อาจนึกได้เลยว่าจะเป็นสถานที่ที่โหดร้ายขนาดไหน
วูบ….ร่างของไป๋ไป่ทะยานลงไปจากหน้าผาของผาไร้ก้นอย่างรวดเร็ว นางบินทะลุผ่านป่าเมฆาอัสนีไปอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งไปยังเมืองจำลองที่อยู่ใจกลางเขตอสูรผาไร้ก้น
เปรี้ยง!!! อยู่ๆสายฟ้าสองสายก็พุ่งวาบเข้ามาด้านหน้าของไป๋ไป่เข้าอย่างจังทำเอาหลี่เย่สะดุ้งวาบ
คลืน… สายฟ้าทั้งสองสายยังไม่ทันเข้ามากระแทกร่างของไป๋ไป่ก็พลันเปลี่ยนรูปเป็นพยัคฆ์เมฆาอัสนีสองตนยืนอยู่ตรงหน้าไป๋ไป่พอดี สำหรับหลี่เย่ที่ไม่สามารถสัมผัสพลังอสูรได้นั้นนางได้แต่ตกตะลึงกับภาพพยัคฆ์สองตนที่ลอยอยู่เบื้องหน้าเสียจนตัวสั่น เสือตัวใหญ่เช่นนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนักแถมดูจากสายฟ้ารอบตัวแล้วพวกมันคงแข็งแกร่งมากแน่ๆ
เปรี้ยง!!! พยัคฆ์อัสนีเมฆาทั้งสองตนพุ่งฟาดลงมาบนหลังของไป๋ไป่ ทำเอาหลี่เย่หลับตาปี๋ด้วยความตกใจ
“พี่หลิน พี่มาจริงๆด้วย”เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆกับหลี่เย่มาก ทำเอานางได้แต่ลืมตาขึ้นมาช้าๆ
“พี่หลิน ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน”เสียงชายหนุ่มอีกเสียงดังขึ้นเช่นกัน ก่อนที่หลี่เย่จะลืมตาขึ้นมามองว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพที่เห็นตรงหน้านั่นคือหญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่งกำลังแย่งแขนขวาแขนซ้ายของไป๋หลินไปกอดคนละข้าง แถมยังถูหน้าบนแขนของนางอีกต่างหาก
“เหลยหู่ อวิ๋นหู่ พวกเจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าจะกลับมา”ไป๋หลินถามพลางมองพยัคฆ์เมฆาอัสนีทั้งสองตน
“ก็ท่านพ่อบอก”อวิ๋นหู่ในร่างหญิงสาวตอบ
“ท่านพ่อของเจ้า….อย่าบอกนะว่า”ไป๋หลินรีบเปลี่ยนดวงตาตนเองเป็นสีม่วงทันที ทำให้นางมองเห็นได้จากระยะไกลว่าที่เมืองจำลองนั้นไม่ได้มีแค่พลังอสูรของพวกท่านราชินีมังกร แต่กลับมีพลังอสูรของพวกท่านน้าอยู่ด้วย
“ท่านพ่อบอกว่าพี่ต้องแวะมาแน่ๆก็เลยอยู่รอแนะ”เหลยหู๋ในร่างชายหนุ่มตอบพลางยิ้มกว้าง
“จะว่าไปพวกท่านน้าก็บอกว่าจะมานี่นา แต่ก็ไม่คิดว่าจะยกกันมาหมดแบบนี้”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา พอใช้ดวงตาสีม่วงแล้วก็มองเห็นว่าไม่ใช่แค่พวกท่านน้า แม้แต่ท่านพ่อและท่านแม่เองก็มาด้วยเช่นกัน
.
.
“ลูกมาช้านะ มีเรื่องอะไรงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามทันทีที่ไป๋หลินลงมาจากหลังของไป๋ไป่ ความเร็วของท่านน้าไก่ฟ้ากับไป๋ไป่ห่างกันไม่มาก แต่ไป๋หลินกลับมาถึงช้ากว่าไป๋จูเหวิน 4 วันแบบนี้หากไม่เกิดเรื่องกลางทางก็คง…..
“ขะ ข้าพาจูล่งไปเที่ยวเล่นมานิดหน่อย”ไป๋หลินยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางหลบสายตาผู้เป็นพ่อช้าๆ
“พี่สาวพาเจ้าไปเที่ยวสนุกหรือเปล่า”เหม่ยหลินถามพลางเดินเข้าไปหาบุตรชาย
“สนุกขอรับ ข้าเจอเรื่องแปลกๆเยอะแยะเลย”จูล่งตอบพลางยิ้มกว้างด้วยท่าทีดีใจ
“……”แม้คนอื่นๆจะดูปกติกันมาก แต่หลี่เย่ที่ยืนอยู่ข้างหลังกลับไม่ทราบจะทำเช่นไรดี นางหรือคิดว่าเขตอสูรผาไร้กันจะเป็นเขตอสูรที่เต็มไปด้วยอสูรดุร้ายที่ไม่สามารถพูดคุยกันได้เสียอีก แต่นี่อะไร พอเข้ามาแล้วราวกับเป็นวันรวมญาติไม่มีผิด ไม่ไช่แค่พ่อแม่ของพี่สาวไป๋หลิน ดูเหมือนอสูรที่เป็นพ่อแม่ของไป๋ไป่ที่ตนขี่หลังมาก็อยู่ที่นี่ รวมทั้งอสูรเป็นครอบครัวรอบๆอีกหลายสิบตน บรรยากาศมันดูอบอุ่นจนต่างจากเขตอสูรที่นางคิดเอาไว้คนละโลกเลย
“……”เพราะบรรยากาศตรงหน้ามันเหมือนวันรวมญาติเสียเหลือเกิน หลี่เย่ก็เลยเข้าไปแทรกไม่ได้เลย ทำให้นางถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อหาอะไรทำ
กึก…หลี่เย่ชะงักเท้าไปทันทีเมื่อมองไปเห็นสมุนไพรหายากที่ขึ้นอยู่ข้างทาง สมุนไพรตัวนี้หายากมาก ทำไมถึงไม่มีใครเก็บกันทั้งๆที่ขึ้นอยู่ข้างทางตรงจุดที่เห็นได้ชัดเจนเช่นนี้
“….”เมื่อมองดีๆแล้วหลี่เย่ก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ ตามข้างทางนั้นมีสมุนไพรหายากหลากหลายชนิดเติบโตกันอย่างกับล้อกันเล่น ไม่ใช่ว่านางไม่เคยเข้าเขตอสูรมาก่อน แต่เขตอสูรที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้นางไม่เคยเห็นเลย สมแล้วที่เป็นเขตอสูรผาไร้ก้นที่ห้ามคนนอกเข้า
“นั่นมัน…”หลี่เย่เดินตามสมุนไพรมาช้าๆ ก่อนจะพบเข้ากับสมุนไพรหายากชนิดหนึ่ง นางยื่นมือไปหมายจับเด็ด แต่เหมือนจะพึ่งนึกออกว่าตนต้องขออนุญาตไป๋หลินเสียก่อนก็เลยหันหลังจะกลับไปถามไป๋หลินว่าขอเก็บสมุนไพรบางอย่างไปได้หรือไม่ เพียงแต่
“……..เอ”หลี่เย่มองไปรอบๆช้าๆ ทางนี้คือทางที่นางพึ่งเดินมาไม่ใช่หรือ? ทำไมเหมือนมันจะมึดๆกว่าเดิมนะ?
“เอ๋………”หลี่เย่กะพริบตาปริบๆมองต้นไม่รอบๆ จะว่าไปพันธุ์ไม้รอบๆก็ไม่เหมือนเดิมนี่นา
“นี่ข้า..”หลี่เย่ไม่ทราบจะร้องไห้หรือหัวเราะดี นี่นางกำลังหลงทางงั้นหรือ เป็นไปไม่ได้น่า……..