บทที่ 537 ตามหาร่องรอยของเทพีแห่งคลื่น
ในขณะนี้ศิษย์ของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ จุนซี ได้เตรียมพร้อมที่จะลงมือสั่งสอนหลิงตู้ฉิงเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าหลิงตู้ฉิงจะเข้าใจกฎแห่งสวรรค์และโลกมากสักแค่ไหน แต่เขาก็ต้องลองเพราะเขาได้รับคำสั่งมา
เมื่อจุนซีพูดจบ เขาโคจรพลังธาตุวารีไปที่มือทั้งสองและปล่อยหอกน้ำสองเล่มเข้าใส่หลิงตู้ฉิงทันที
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ตอบโต้ด้วยการชี้นิ้วไปยังหอกน้ำทั้งสองเล่มที่พุ่งเข้ามาหา ส่งผลให้หอกน้ำทั้งสองถูกสลายจนกลายไปเป็นเพียงมวลน้ำธรรมดาและหล่นลงไปที่พื้น เขาใช้กฎของธาตุน้ำในการสู้กับจุนซี
“เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพกับข้ามากนัก จงโจมตีข้าด้วยพลังทั้งหมดที่เจ้ามีมาได้เลย” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
“ก็ได้! ถ้างั้นข้าก็ไม่เกรงใจล่ะนะ!” จุนซีตะโกน “จงรับไปซะ มังกรวารีเริงระบำ!”
จุนซีประกบมือ จากนั้นมังกรที่ถูกสร้างขึ้นจากน้ำนับสิบตัวก็โผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบด้านหลังและพุ่งเข้ามาหาหลิงตู้ฉิง!
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็แสร้งทำท่าทีว่าเขาสู้ไม่ได้ เขากระโดดถอยหลังไปกว่า 30 เมตร ซึ่งเป็นจุดแรกที่เขาสงสัยว่าจะเป็นจุดที่เทพีหลิงเปาเคยนั่งบ่มเพาะ
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็วาดนิ้วของตนเองในอากาศ ซึ่งมันก็มีมวลน้ำปรากฎขึ้นตามนิ้วของเขาที่ลากจนสุดท้ายแล้วรอบกายของเขาก็มีสายน้ำสายหนึ่งวนเป็นวงแหวนอยู่รอบกาย
ในขณะเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงสร้างวงแหวนน้ำขึ้นมาล้อมรอบร่างของเขาเสร็จ มังกรน้ำที่ถูกสร้างขึ้นโดยจุนซีสิบกว่าตัวก็พุ่งเข้ามาถึงหลิงตู้ฉิงพอดีเช่นกัน แต่เมื่อมังกรน้ำปะทะเข้ากับวงแหวนน้ำ เหล่ามังกรกลับถูกกลืนกินโดยวงแหวนน้ำไปจนหมดทุกตัวราวกับว่าพวกมันได้ถูกหลอมรวมกลายเป็นส่วนหนึ่งของวงแหวนน้ำ
บรรดาศิษย์ของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ที่เห็นภาพเช่นนี้ต่างก็พากันตกตะลึง “พวกผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์นี่มันช่างเป็นกลุ่มคนที่ดูถูกไม่ได้จริง ๆ สามารถทำลายการโจมตีของศิษย์พี่จุนได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น เห็นทีว่าข้าเองคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเช่นกันซะแล้ว”
บางคนในพวกเขาเอ่ยขึ้นแทรก “ไม่เป็นไรหรอก พวกเรามีจำนวนมากกว่า ตราบใดที่พวกเราเข้าไปสู้กับเขาเรื่อย ๆ พวกเราก็จะสามารถเห็นจุดอ่อนของเขาได้เอง และจากนั้นก็ให้เป็นหน้าที่คนถัดไปในการจัดการเขา”
ในตอนนี้ฉีจินเปาที่กำลังสังเกตการณ์อยู่จากระยะไกลกับซูชางหมิง ได้เอ่ยขึ้นว่า “ไอ้หนุ่มคนนั้นมันเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ด้วยงั้นเหรอ?”
ซูชางหมิงพยักหน้า “นายน้อยได้สืบทราบมาก่อนหน้านี้แล้วจากตระกูลหาน คนผู้นี้เป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์และผู้เชี่ยวชาญค่ายกล ซึ่งทั้งสองอย่างที่เขาเชี่ยวชาญนั้นล้วนล้ำลึกทั้งหมด และยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นี้ยังมีวิธีการที่พิสดารอย่างอื่นอีกที่ไม่สามารถอธิบายได้ ดังนั้นนายน้อยจึงยังไม่อยากให้คนผู้นี้ไปถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เร็วนัก”
“นอกจากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์และผู้เชี่ยวชาญค่ายกล เขายังมีความสามารถอื่นอีกงั้นเหรอ?” ฉีจินเปาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้นข้าเกรงว่าศิษย์ของข้าคงทำอะไรเขาไม่ได้แน่ ๆ แล้วล่ะ”
แน่นอนว่าผู้ที่สามารถเชี่ยวชาญเต๋าได้ถึงสองแขนงย่อมไม่ใช่ตัวตนที่ศิษย์ของสำนักที่เขาส่งไปจะสามารถต่อกรได้
ซูชางหมิงยิ้ม “พี่ฉี ต่อให้เขาจะแข็งแกร่งกว่าก็จริงแต่ศิษย์ที่ท่านส่งไปก็มีข้อได้เปรียบตรงจำนวน หากเขาต้องรับมือกับการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับสูงกว่าอยู่เรื่อย ๆ ไม่นานเขาจะต้องหมดแรงไปเอง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นคนของท่านก็จะเอาชนะได้ในที่สุด”
ฉีจินเปาที่ได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า “ถ้างั้นมันก็ขึ้นอยู่กับบรรดาศิษย์สำนักข้าแล้วล่ะว่าพวกเขาจะฉลาดพอรึเปล่า”
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในตอนนี้เขาได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้คนที่ 3 แล้ว
คู่ต่อสู้คนที่3 ผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตนภาระดับ 3
เมื่อเริ่มการต่อสู้ ศิษย์สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ก็สร้างคลื่นน้ำในทะเลสาบให้ทะลักขึ้นมาบนฝั่งท่วมไปยังหลิงตู้ฉิง
และแน่นอนว่าก็เหมือนเช่นเคย หลิงตู้ฉิงกระโดดถอยทันที เขากระโดดไปยังจุดที่ 4 ที่เขาสงสัยว่าจะเป็นจุดที่เทพีหลิงเปาเคยบ่มเพาะ จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้น “แช่แข็ง!”
หลังจากสิ้นเสียงของหลิงตู้ฉิง คลื่นที่ถาโถมเข้ามาหาก็กลายเป็นน้ำแข็งและหยุดลงทันที
ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นวิชาแบบไหนที่เด็กเหล่านี้ใช้กับหลิงตู้ฉิง เขาก็มีวิธีแก้มันได้ทั้งหมดอยู่แล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การแสร้งทำ ความตั้งใจของเขาจริง ๆ คือเขาจะเอาตัวไปอยู่ในจุดที่เขาสงสัย จากนั้นเขาถึงจะปล่อยการโจมตีสวนออกไป ซึ่งในขณะเดียวกันเขาก็ลอบใช้พลังกฎแห่งสวรรค์และโลกตรวจสอบจุดที่เขายืนอยู่
หลังจากความพยายามครั้งที่สี่ หลิงตู้ฉิงก็ยังคงไม่พบจุดที่เทพีหลิงเปาเคยบ่มเพาะ
ในเวลาเดียวกัน ศิษย์สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์คนที่สามที่เห็นว่าการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเองล้มเหลว เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะถอยกลับไปยืนกับพวกของตนเองพลางส่ายหัว
เขามองไปยังพวกของเขาและพูดว่า “ต่อไปมันขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ยังเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 13 การที่เขาใช้พลังของตัวเองออกมาต้านพวกเราเรื่อย ๆ แบบนี้ไม่นานเขาจะต้องหมดแรงไปเอง ซึ่งในท้ายที่สุดพวกเราจะได้รับชัยชนะแน่นอน!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเพื่อร่วมสำนักเช่นนี้ ศิษย์สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์อีกคนหนึ่งที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตรวมแสงดาราระดับ12ก็ก้าวออกมาและพูดขึ้นด้วยสีหน้าองอาจว่า “งั้นข้าจะเป็นคนต่อไปเพื่อไปทำให้พลังวิญญาณของเขาลดลงไปอีก หลังจากนั้นข้าขอฝากพวกเจ้าที่เหลือด้วย!”
จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ หลิงตู้ฉิงก็ได้ประลองกับศิษย์สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วถึง 13 คน ซึ่งในเวลานี้เขาก็ได้กระโดดย้ายตำแหน่งจนทั่วเกาะจนทั้งเกาะมีแต่ร่องรอยความเสียหายไปทั่ว
ในที่สุดตอนนี้ หลิงตู้ฉิงก็ได้มาถึงจุดที่เป็นแท่นหินด้านหลังเกาะ ซึ่งมันดูเหมือนว่าแท่นหินนี้จะถูกผู้คนมากมายมานั่งตกปลาอยู่บนมันบ่อยมากซะจนด้านบนแท่นหินนี้เรียบจนไม่มีรอยขรุขระ
หลิงตู้ฉิงได้ยืนรออยู่บนแท่นเรียบร้อย
ในตอนนี้คู่ประลองของเขาคือศิษย์สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตนภาระดับ 9
ศิษย์สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้คือคนที่มีระดับการบ่มเพาะสูงที่สุดในกลุ่มทั้ง 17 คนที่มาก่อกวน
ศิษย์สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์มองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาประเมินว่า หลิงตู้ฉิงน่าจะใช้พลังวิญญาณไปจนเกือบหมดแล้ว เขาก้าวมาข้างหน้าและตะโกนขึ้น “ข้ามีนามว่า กานหยู ระดับการบ่มเพาะของข้าคือขอบเขตนภาระดับ 9 ข้าขอแนะนำให้เจ้าระวังตัวด้วย!”
ในครั้งนี้หลิงตู้ฉิงถูกโจมตีด้วยพลังกฎแห่งสวรรค์และโลกที่รุนแรงกว่าครั้งก่อน ๆ แต่การโจมตีของศิษย์สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ก็ยังเป็นวิชาเดิมกับที่จุนซีใช้ก็คือ วิชามังกรวารีเริงระบำ ซึ่งเป็นวิชาที่รุนแรงที่สุดในบรรดากระบวนท่าโจมตีทั้งหลายของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ ความรุนแรงของวิชานี้มันขึ้นอยู่กับพลังอำนาจของผู้ใช้โดยตรง
ด้วยระดับการบ่มเพาะของกานหยูที่อยู่เหนือกว่าจุนซีหลายระดับ ดังนั้นวิชามังกรวารีเริงระบำที่เขาใช้ออกมาจึงมีความรุนแรงกว่าเป็นอย่างมาก
หลังจากที่กานหยูใช้มัน มันจึงมีมังกรน้ำจำนวนกว่าร้อยตัวพุ่งเข้าหาหลิงตู้ฉิงจากทุกทิศทุกทาง
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเผชิญกับการโจมตีนี้เขาก็แอบกระทืบเท้าลงไปที่แท่นหินที่เขายืนอยู่ ซึ่งในรอบนี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงร่องรอยพลังธาตุน้ำอันบริสุทธิ์ที่ไหลอยู่ใต้แท่นหินนี้ที่อยู่ใต้เท้าของเขา
“หึหึ ในที่สุดข้าก็เจอเจ้าแล้ว!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ามีความสุข!