หลังจากที่สร้างดาบขึ้นมาด้วยบรรพกาลหลายร้อยอัน มันก็ถูกยัดเข้าไปในตันเถียน ทะเลบรรพกาลได้มีดาบก่อตัวขึ้นมา ในเวลาเดียวกันพลังจิตก็ไหลไปบนดาบ ทำให้มันแข็งตัวขึ้น ดาบนั้นได้แผ่พลังจิตออกมา มองโดยผิวเผินแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แต่อันที่จริงแล้วมันมีพลังที่น่ากลัวอย่างมาก
“ พระเจ้า !” จางหยูรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของดาบบรรพกาลที่เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ประเมินได้ว่าคงใช้เวลาไม่นานมันก็จะเหนือกว่าดาบและเกราะที่เขาได้สร้างขึ้นมา
ประสิทธิภาพในการสร้างและหล่อเลี้ยงดาบโกลาหลของพลังจิตนั้น เหนือกว่าพลังโกลาหลที่บริสุทธ์ก่อนหน้านี้เป็นสิบเท่า ราวกับว่ามีช่างฝีมือที่เก่งที่สุดได้ทำการขัดเกลาดาบอยู่ตลอดเวลา
ในอนาคตดาบบรรพกาลจะต้องกลายเป็นอาวุธที่น่ากลัวอย่างมาก แม้แต่สมบัติโกลาหลในตำนานก็อาจจะเทียบกับมันไม่ได้
จางหยูดึงการรับรู้กลับมา เมื่อเห็นตัวอย่างชิ้นแรกสำเร็จ จางหยูก็ได้ใช้วิธีเดิม เขาดึงบรรพกาลจำลองหลายร้อยอันออกมาเพื่อสร้างเกราะ จากนั้นก็เก็บเกราะเข้าไปในตันเถียนและใช้พลังจิตหล่อเลี้ยงมัน
แม้ว่าวิธีนี้จะทำให้พลังจิตที่หล่อเลี้ยงดาบลดลง เพราะแบ่งออกไปหล่อเลี้ยงเกราะ แต่จางหยูก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่แย่แต่อย่างใด หากเทียบกับดาบบรรพกาลแล้วเขาให้ค่าเกราะบรรพกาลมากกว่า เพราะมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตของเขา
สำหรับจางหยูแล้วเกราะนั้นสำคัญยิ่งกว่าดาบเสียอีก
“ดาบและเกราะที่สร้างขึ้นมาโดยบรรพกาล มันจะพัฒนาไปถึงระดับไหนกัน !”
ที่แน่นอนก็คือ ขีดจำกัดของพวกมันจะต้องเหนือกว่าสมบัติโกลาหลทั่วไป หรือแม้กระทั่งเหนือกว่าสมบัติโกลาหลระดับสมบูรณ์
ตราบใดที่มีเวลามากพอ ในไม่ช้าวันนั้นก็จะมาถึง จางหยูไม่สงสัยในเรื่องนี้
หลังจากเก็บดาบและเกราะเข้าไปในตันเถียน จางหยูก็ได้มองกลับไปที่ทะเลบรรพกาล
แม้ว่าเขาจะเป็นจ้าวสูงสุดของทะเลบรรพกาล แต่เอาจริงๆแล้วเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทะเลบรรพกาลเลย เพราะทะเลบรรพกาลกำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แม้แต่บรรพกาลหลายแห่งก็กำเนิดขึ้นเอง เขาแค่คอยเล่าเรื่องและบังเอิญสร้างโลกขึ้นมามากมาย เขาได้เปิดโลกตันเถียนขึ้นและพัฒนามันขึ้นมา ผลลัพธ์นี้คือการเติบโตของโลกตันเถียนเอง
ในอดีตจางหยูไม่เคยฉุดคิดว่าโลกตันเถียนกำเนิดขึ้นมาได้ยังไง เขาไม่เคยคิดเรื่องบรรพกาล, ทะเลบรรพกาลรึเรื่องอื่นๆ แต่ครั้งนี้พลังของตันเถียนได้เปลี่ยนเป็นพลังจิต การเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ทำให้จางหยูเริ่มคิดถึงต้นกำเนิดของมัน นี่เป็นคำถามที่เขาไม่เคยสนใจมาก่อน
โลกตันเถียนกำเนิดขึ้นมาได้ยังไง ?
จางหยูจำได้ว่าการกำเนิดโลกตันเถียนนั้นมาจากทักษะหลอกลวงและเรื่องบังสวรรค์ที่เขาได้เล่า
จากนั้นมามันก็มีโลกบังสวรรค์กำเนิดขึ้น ยิ่งผู้คนเชื่อในเรื่องบังสวรรค์มากเท่าไหร่ ภาพฉายของโลกบังสวรรค์ก็ยิ่งชัดเจนมากเท่านั้น
สุดท้ายเมื่อจำนวนคนที่เชื่อเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่ง มันก็ทำให้โลกกำเนิดขึ้นมาจริงๆ !
จางหยูไม่คิดว่าโลกตันเถียนจะสร้างขึ้นได้ด้วยการโกหก หากโลกตันเถียนสร้างขึ้นมาได้ง่ายๆเช่นนี้ งั้นหยวนฉิงที่สร้างทักษะหลอกลวงขึ้นมา ก็ควรจะสร้างโลกตันเถียนขึ้นมาได้ตั้งนานแล้ว
ชัดแล้วว่าหยวนฉิงไม่อาจจะทำแบบนั้นได้
บางทีมันอาจจะเพราะหยวนฉิงยังไม่ได้ลอง แต่โอกาสนั้นมีน้อยอย่างมาก
จางหยูเชื่อว่าทักษะหลอกลวงไม่ใช่องค์ประกอบหลักที่ทำให้เกิดโลกตันเถียน ขนาดหยวนฉิงที่เป็นเจ้าของทักษะนี้ ก็ยังไม่รู้วิธีสร้างโลกตันเถียนขึ้นมาเลย หยวนฉิงมีความสามารถพอ หากหยวนฉิงสร้างมันขึ้นมาได้ เขาอาจจะแกร่งกว่าจักรพรรดิทั้งเก้าก็ได้ !
เมื่อทักษะหลอกลวงไม่ใช่องค์ประกอบหลัก งั้นก็เพราะเรื่องบังสวรรค์งั้นเหรอ ?
จางหยูคิดอยู่นานและตัดความเป็นไปได้นี้ทิ้ง
เรื่องบังสวรรค์นั้นเป็นเรื่องทั่วไปที่ปลุกอารมณ์ของผู้คนได้ แต่เรื่องแบบนี้ หากมองทั้งโกลาหลแล้วมันมีอยู่นับไม่ถ้วน ใครที่เคยมีประสบการณ์ก็สามารถเขียนมันขึ้นมาได้ เขากลัวว่าคงมีเรื่องที่ไม่ด้อยกว่านี้อยู่อีก
ดังนั้นแม้ว่าทักษะหลอกลวงและเรื่องบังสวรรค์จะให้กำเนิดโลกตันเถียนขึ้นมาแต่สองอย่างนี้ก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก
หากไม่ใช่เพราะการกำเนิดทะเลบรรพกาล หากไม่ใช่เพราะพลังดั้งเดิมได้เปลี่ยนเป็นพลังจิต งั้นจางหยูคงไม่มีทางหาคำตอบของปัญหานี้ เมื่อพลังดั้งเดิมเปลี่ยนเป็นพลังจิต จางหยูก็พอเดาคำตอบได้ว่าการให้กำเนิดโลกตันเถียนจริงๆแล้ว…อาจจะเป็นเพราะพลังจิต !
พลังจิต….อาจจะเรียกได้ว่าพลังความคิด !
ตอนนี้ทะเลบรรพกาลอาจจะเป็นแก่นของจิตขนาดใหญ่ !
บรรพกาลหลายล้านแห่งและโลกหลายล้านใบอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของจิต !
ทำไมจางหยูถึงมีจิตที่ไร้เทียมทานในโลกตันเถียน ?
ชัดแล้วว่าในจิตของตัวเองแล้วไม่มีใครเทียบกับเขาได้ ตราบใดที่คิด แม้ว่าจะเป็นจักรพรรดิที่มายังที่แห่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากมด
โลกตันเถียนกำเนิดขึ้นมาได้อาจจะเป็นเพราะจิตที่ได้รับการยอมรับ !
มันคือตัวตนที่เหนือกว่ามิติไหนๆ !
พลังโกลาหลสามารถเปลี่ยนเป็นพลังจิตได้ มันพิสูจน์แล้วว่าพลังจิตน่ากลัวแค่ไหน มันคือตัวตนที่เหนือกว่าพลังโกลาหล ! หากจิตไม่ดับสูญถึงร่างกายจะพังทลายไปและวิญญาณโดนทำลายแต่ตัวตนของพวกเขาก็ยังคงอยู่ !
มีแค่จิตที่ยกตัวเหนือมิติและทำลายกฎจนสร้างปาฏิหาริย์แบบนี้ขึ้นมาได้ !
ทักษะหลอกลวงเปลี่ยนความคิดของผู้คนได้ในระดับหนึ่ง มันคือการแตะต้องจิตในทางอ้อม เรื่องบังสวรรค์คือสิ่งที่ปลุกเร้าอารมณ์ผู้คนทำให้พวกนั้นถวิลหาโลกนั้น การรรวมกันของทั้งสองนั้นกับจิตจำนวนมากของผู้คนทำให้สร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้ขึ้นมาได้
ตอนที่โลกตันเถียนกำเนิดขึ้นมา จางหยูเชื่อว่ามันเพราะการควบคุมจิต
“ สิ่งที่เรียกว่าจิตไร้เทียมทาน…อาจจะเป็นจิตของข้าเอง ” จางหยูรับรู้ได้ถึงพลังจิตในตันเถียน พลังจิตนี้และจิตไร้เทียมทานในโลกตันเถียนนั้นคล้ายกันอย่างมาก แต่ความเข้มข้นขิงมันต่างกัน มันเหมือนกับจิตของสิ่งมีชีวิตที่มารวมตัวกันนับไม่ถ้วนจนเกิดพลังเป็นพลังจิตขึ้นมา “ พลังจิตคือแก่นของจิตไร้เทียมทาน”
จางหยูพยายามควบคุมพลังจิตในตันเถียน ความรู้สึกมันเหมือนกับการควบคุมจิตไร้เทียมทานในโลกตันเถียนแต่พลังจิตนี้อ่อนแอกว่า มันเป็นแค่เส้นพลังที่เบาบางไม่ได้ทำให้ จางหยู รู้สึกว่าตัวเองไร้เทียมทาน
ถึงอย่างนั้นเศษเสี้ยวพลังจิตที่มีนี้ก็มีพลังที่น่ากลัวอย่างมาก
เมื่อพลังมันปะทุออกมา มันคงทำลายโกลาหลได้ !
เมื่อคิดแบบนั้นจางหยูก็อดไม่ได้ที่จะอึ้ง “ พลังจิตนี่น่ากลัวจริงๆ !”
จิตเหนือกว่ามิติสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้ มันเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ มันสามารถสร้างหายนะให้กับผู้คนได้ มันคือพลังที่ไร้เทียมทาน
“ ไม่แปลกเลยที่จิตของซุนกวนจะโดนกำจัด ซึ่งทำให้โกลาหลเริ่มโดนทำลาย…” หลังจากที่เข้าใจความน่ากลัวของจิต จางหยูก็คิดถึงปัญหาอื่นๆ “ จิตของเขาแบกรับโกลาหลหินเอาไว้ เมื่อจิตของเขาดับสูญลง โกลาหลหินก็ไม่มีสิ่งค้ำจุน….เป็นธรรมดาที่มันจะเริ่มทำลายตัวเอง นอกซะจากว่าจะมีคนสนับสนุนโกลาหลด้วยจิตของตน”
ปรากฏว่าต้นไม้โกลาหลคือคนคนนั้น !
“ พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกไม่ใช่ความแข็งแกร่งในตัว มันไม่ใช่พลังวิญญาณ แต่เป็น…พลังความคิด พลังของจิต ! ความแข็งแกร่งของร่างกายและวิญญาณนั้นเกิดขึ้นเพราะพลังจิต มันเพราะพลังจิตที่แข็งแกร่ง !” จางหยูเริ่มเข้าใจถึงพลังจิตมากขึ้นเรื่อยๆ “ มีแค่การเพิ่มความแข็งแกร่งให้พลังจิตที่จะสนับสนุนร่างกาย, วิญญาณและความคิดได้ !”
จางหยูพอใจอย่างมาก แม้ว่าจางหยูจะไม่ไปถึงระดับนั้นแต่การเข้าใจความจริงนี้ก็ยังทำให้เขายินดีอย่างมากเช่นกัน ยังไงซะนี่อาจจจะเป็นความจริงของทะเลโกลาหลก็ได้
“ แต่เมื่อทะเลโกลาหลเป็นจิตขนาดใหญ่ งั้นทะเลโกลาหลก็เป็นจิตเช่นเดียวกัน มันคือจิตที่แกร่งกว่าทะลบรรพกาลรึ ?” จางหยูคิดถึงปัญหานี้ขึ้นมา “ เราทุกคนแม้แต่จักรพรรดิทั้งเก้าต่างก็อยู่ในจิตของคนคนหนึ่งรึ ?”
แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว
“ พระเจ้า !” จางหยูรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของดาบบรรพกาลที่เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ประเมินได้ว่าคงใช้เวลาไม่นานมันก็จะเหนือกว่าดาบและเกราะที่เขาได้สร้างขึ้นมา
ประสิทธิภาพในการสร้างและหล่อเลี้ยงดาบโกลาหลของพลังจิตนั้น เหนือกว่าพลังโกลาหลที่บริสุทธ์ก่อนหน้านี้เป็นสิบเท่า ราวกับว่ามีช่างฝีมือที่เก่งที่สุดได้ทำการขัดเกลาดาบอยู่ตลอดเวลา
ในอนาคตดาบบรรพกาลจะต้องกลายเป็นอาวุธที่น่ากลัวอย่างมาก แม้แต่สมบัติโกลาหลในตำนานก็อาจจะเทียบกับมันไม่ได้
จางหยูดึงการรับรู้กลับมา เมื่อเห็นตัวอย่างชิ้นแรกสำเร็จ จางหยูก็ได้ใช้วิธีเดิม เขาดึงบรรพกาลจำลองหลายร้อยอันออกมาเพื่อสร้างเกราะ จากนั้นก็เก็บเกราะเข้าไปในตันเถียนและใช้พลังจิตหล่อเลี้ยงมัน
แม้ว่าวิธีนี้จะทำให้พลังจิตที่หล่อเลี้ยงดาบลดลง เพราะแบ่งออกไปหล่อเลี้ยงเกราะ แต่จางหยูก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่แย่แต่อย่างใด หากเทียบกับดาบบรรพกาลแล้วเขาให้ค่าเกราะบรรพกาลมากกว่า เพราะมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตของเขา
สำหรับจางหยูแล้วเกราะนั้นสำคัญยิ่งกว่าดาบเสียอีก
“ดาบและเกราะที่สร้างขึ้นมาโดยบรรพกาล มันจะพัฒนาไปถึงระดับไหนกัน !”
ที่แน่นอนก็คือ ขีดจำกัดของพวกมันจะต้องเหนือกว่าสมบัติโกลาหลทั่วไป หรือแม้กระทั่งเหนือกว่าสมบัติโกลาหลระดับสมบูรณ์
ตราบใดที่มีเวลามากพอ ในไม่ช้าวันนั้นก็จะมาถึง จางหยูไม่สงสัยในเรื่องนี้
หลังจากเก็บดาบและเกราะเข้าไปในตันเถียน จางหยูก็ได้มองกลับไปที่ทะเลบรรพกาล
แม้ว่าเขาจะเป็นจ้าวสูงสุดของทะเลบรรพกาล แต่เอาจริงๆแล้วเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทะเลบรรพกาลเลย เพราะทะเลบรรพกาลกำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แม้แต่บรรพกาลหลายแห่งก็กำเนิดขึ้นเอง เขาแค่คอยเล่าเรื่องและบังเอิญสร้างโลกขึ้นมามากมาย เขาได้เปิดโลกตันเถียนขึ้นและพัฒนามันขึ้นมา ผลลัพธ์นี้คือการเติบโตของโลกตันเถียนเอง
ในอดีตจางหยูไม่เคยฉุดคิดว่าโลกตันเถียนกำเนิดขึ้นมาได้ยังไง เขาไม่เคยคิดเรื่องบรรพกาล, ทะเลบรรพกาลรึเรื่องอื่นๆ แต่ครั้งนี้พลังของตันเถียนได้เปลี่ยนเป็นพลังจิต การเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ทำให้จางหยูเริ่มคิดถึงต้นกำเนิดของมัน นี่เป็นคำถามที่เขาไม่เคยสนใจมาก่อน
โลกตันเถียนกำเนิดขึ้นมาได้ยังไง ?
จางหยูจำได้ว่าการกำเนิดโลกตันเถียนนั้นมาจากทักษะหลอกลวงและเรื่องบังสวรรค์ที่เขาได้เล่า
จากนั้นมามันก็มีโลกบังสวรรค์กำเนิดขึ้น ยิ่งผู้คนเชื่อในเรื่องบังสวรรค์มากเท่าไหร่ ภาพฉายของโลกบังสวรรค์ก็ยิ่งชัดเจนมากเท่านั้น
สุดท้ายเมื่อจำนวนคนที่เชื่อเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่ง มันก็ทำให้โลกกำเนิดขึ้นมาจริงๆ !
จางหยูไม่คิดว่าโลกตันเถียนจะสร้างขึ้นได้ด้วยการโกหก หากโลกตันเถียนสร้างขึ้นมาได้ง่ายๆเช่นนี้ งั้นหยวนฉิงที่สร้างทักษะหลอกลวงขึ้นมา ก็ควรจะสร้างโลกตันเถียนขึ้นมาได้ตั้งนานแล้ว
ชัดแล้วว่าหยวนฉิงไม่อาจจะทำแบบนั้นได้
บางทีมันอาจจะเพราะหยวนฉิงยังไม่ได้ลอง แต่โอกาสนั้นมีน้อยอย่างมาก
จางหยูเชื่อว่าทักษะหลอกลวงไม่ใช่องค์ประกอบหลักที่ทำให้เกิดโลกตันเถียน ขนาดหยวนฉิงที่เป็นเจ้าของทักษะนี้ ก็ยังไม่รู้วิธีสร้างโลกตันเถียนขึ้นมาเลย หยวนฉิงมีความสามารถพอ หากหยวนฉิงสร้างมันขึ้นมาได้ เขาอาจจะแกร่งกว่าจักรพรรดิทั้งเก้าก็ได้ !
เมื่อทักษะหลอกลวงไม่ใช่องค์ประกอบหลัก งั้นก็เพราะเรื่องบังสวรรค์งั้นเหรอ ?
จางหยูคิดอยู่นานและตัดความเป็นไปได้นี้ทิ้ง
เรื่องบังสวรรค์นั้นเป็นเรื่องทั่วไปที่ปลุกอารมณ์ของผู้คนได้ แต่เรื่องแบบนี้ หากมองทั้งโกลาหลแล้วมันมีอยู่นับไม่ถ้วน ใครที่เคยมีประสบการณ์ก็สามารถเขียนมันขึ้นมาได้ เขากลัวว่าคงมีเรื่องที่ไม่ด้อยกว่านี้อยู่อีก
ดังนั้นแม้ว่าทักษะหลอกลวงและเรื่องบังสวรรค์จะให้กำเนิดโลกตันเถียนขึ้นมาแต่สองอย่างนี้ก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก
หากไม่ใช่เพราะการกำเนิดทะเลบรรพกาล หากไม่ใช่เพราะพลังดั้งเดิมได้เปลี่ยนเป็นพลังจิต งั้นจางหยูคงไม่มีทางหาคำตอบของปัญหานี้ เมื่อพลังดั้งเดิมเปลี่ยนเป็นพลังจิต จางหยูก็พอเดาคำตอบได้ว่าการให้กำเนิดโลกตันเถียนจริงๆแล้ว…อาจจะเป็นเพราะพลังจิต !
พลังจิต….อาจจะเรียกได้ว่าพลังความคิด !
ตอนนี้ทะเลบรรพกาลอาจจะเป็นแก่นของจิตขนาดใหญ่ !
บรรพกาลหลายล้านแห่งและโลกหลายล้านใบอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของจิต !
ทำไมจางหยูถึงมีจิตที่ไร้เทียมทานในโลกตันเถียน ?
ชัดแล้วว่าในจิตของตัวเองแล้วไม่มีใครเทียบกับเขาได้ ตราบใดที่คิด แม้ว่าจะเป็นจักรพรรดิที่มายังที่แห่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากมด
โลกตันเถียนกำเนิดขึ้นมาได้อาจจะเป็นเพราะจิตที่ได้รับการยอมรับ !
มันคือตัวตนที่เหนือกว่ามิติไหนๆ !
พลังโกลาหลสามารถเปลี่ยนเป็นพลังจิตได้ มันพิสูจน์แล้วว่าพลังจิตน่ากลัวแค่ไหน มันคือตัวตนที่เหนือกว่าพลังโกลาหล ! หากจิตไม่ดับสูญถึงร่างกายจะพังทลายไปและวิญญาณโดนทำลายแต่ตัวตนของพวกเขาก็ยังคงอยู่ !
มีแค่จิตที่ยกตัวเหนือมิติและทำลายกฎจนสร้างปาฏิหาริย์แบบนี้ขึ้นมาได้ !
ทักษะหลอกลวงเปลี่ยนความคิดของผู้คนได้ในระดับหนึ่ง มันคือการแตะต้องจิตในทางอ้อม เรื่องบังสวรรค์คือสิ่งที่ปลุกเร้าอารมณ์ผู้คนทำให้พวกนั้นถวิลหาโลกนั้น การรรวมกันของทั้งสองนั้นกับจิตจำนวนมากของผู้คนทำให้สร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้ขึ้นมาได้
ตอนที่โลกตันเถียนกำเนิดขึ้นมา จางหยูเชื่อว่ามันเพราะการควบคุมจิต
“ สิ่งที่เรียกว่าจิตไร้เทียมทาน…อาจจะเป็นจิตของข้าเอง ” จางหยูรับรู้ได้ถึงพลังจิตในตันเถียน พลังจิตนี้และจิตไร้เทียมทานในโลกตันเถียนนั้นคล้ายกันอย่างมาก แต่ความเข้มข้นขิงมันต่างกัน มันเหมือนกับจิตของสิ่งมีชีวิตที่มารวมตัวกันนับไม่ถ้วนจนเกิดพลังเป็นพลังจิตขึ้นมา “ พลังจิตคือแก่นของจิตไร้เทียมทาน”
จางหยูพยายามควบคุมพลังจิตในตันเถียน ความรู้สึกมันเหมือนกับการควบคุมจิตไร้เทียมทานในโลกตันเถียนแต่พลังจิตนี้อ่อนแอกว่า มันเป็นแค่เส้นพลังที่เบาบางไม่ได้ทำให้ จางหยู รู้สึกว่าตัวเองไร้เทียมทาน
ถึงอย่างนั้นเศษเสี้ยวพลังจิตที่มีนี้ก็มีพลังที่น่ากลัวอย่างมาก
เมื่อพลังมันปะทุออกมา มันคงทำลายโกลาหลได้ !
เมื่อคิดแบบนั้นจางหยูก็อดไม่ได้ที่จะอึ้ง “ พลังจิตนี่น่ากลัวจริงๆ !”
จิตเหนือกว่ามิติสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้ มันเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ มันสามารถสร้างหายนะให้กับผู้คนได้ มันคือพลังที่ไร้เทียมทาน
“ ไม่แปลกเลยที่จิตของซุนกวนจะโดนกำจัด ซึ่งทำให้โกลาหลเริ่มโดนทำลาย…” หลังจากที่เข้าใจความน่ากลัวของจิต จางหยูก็คิดถึงปัญหาอื่นๆ “ จิตของเขาแบกรับโกลาหลหินเอาไว้ เมื่อจิตของเขาดับสูญลง โกลาหลหินก็ไม่มีสิ่งค้ำจุน….เป็นธรรมดาที่มันจะเริ่มทำลายตัวเอง นอกซะจากว่าจะมีคนสนับสนุนโกลาหลด้วยจิตของตน”
ปรากฏว่าต้นไม้โกลาหลคือคนคนนั้น !
“ พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกไม่ใช่ความแข็งแกร่งในตัว มันไม่ใช่พลังวิญญาณ แต่เป็น…พลังความคิด พลังของจิต ! ความแข็งแกร่งของร่างกายและวิญญาณนั้นเกิดขึ้นเพราะพลังจิต มันเพราะพลังจิตที่แข็งแกร่ง !” จางหยูเริ่มเข้าใจถึงพลังจิตมากขึ้นเรื่อยๆ “ มีแค่การเพิ่มความแข็งแกร่งให้พลังจิตที่จะสนับสนุนร่างกาย, วิญญาณและความคิดได้ !”
จางหยูพอใจอย่างมาก แม้ว่าจางหยูจะไม่ไปถึงระดับนั้นแต่การเข้าใจความจริงนี้ก็ยังทำให้เขายินดีอย่างมากเช่นกัน ยังไงซะนี่อาจจจะเป็นความจริงของทะเลโกลาหลก็ได้
“ แต่เมื่อทะเลโกลาหลเป็นจิตขนาดใหญ่ งั้นทะเลโกลาหลก็เป็นจิตเช่นเดียวกัน มันคือจิตที่แกร่งกว่าทะลบรรพกาลรึ ?” จางหยูคิดถึงปัญหานี้ขึ้นมา “ เราทุกคนแม้แต่จักรพรรดิทั้งเก้าต่างก็อยู่ในจิตของคนคนหนึ่งรึ ?”
แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว