ทะเลโกลาหลนั้นเต็มไปด้วยโกลาหลนับไม่ถ้วน
ทะเลโกลาหลไม่ได้อยู่ในห้วงมิติเวลาแต่เป็นตัวตนพิเศษ และมีสถานะที่เหนือกว่าโกลาหล
ในห้วงมิติเวลาแห่งนี้ไม่มีหลักการเรื่องมิติและเวลา
หากมองโกลาหลจากทะเลโกลาหล ก็เหมือนมองภาพสามมิติจากในสี่มิติ นับว่าเป็นสถานการณ์ที่พิเศษมาก
เมื่อเข้ามาในทะเลโกลาหล จางหยูและคนอื่นๆก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกาย, พลัง, จิตและอื่นๆต่างก็โดนจำกัดเอาไว้
ในบรรพกาลหรือแม้แต่ในโกลาหล พวกเขาแทบจะไร้เทียมทาน แต่เมื่อเข้าสู่ทะเลโกลาหล ความสามารถอื่นๆแทบไม่อาจจะใช้งานได้
นี่คือการยับยั้งของมิติ !
พูดตามตรงพวกเขาคือสิ่งมีชีวิตของโกลาหล มันไม่ได้น่าแปลกใจเมื่อเข้ามาในทะเลโกลาหลแล้วจะถูกจำกัดพลังไว้
ในทะเลโกลาหลมีจุดแสงนับไม่ถ้วนซ้อนทับกัน จุดแสงแต่ละจุดนั้นหมายถึงโกลาหลหรือโกลาหลจำลอง เพราะไม่มีหลักการเรื่องมิติ จุดแสงเหล่านี้จึงเห็นว่าอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน มีเพียงห้วงมิติเวลาพิเศษในทะเลโกลาหลเท่านั้น ถึงจะแยกแยะมันออก
มันจริงที่ว่าทะเลโกลาหลนั้นดูคล้ายกับทะเลบรรพกาล
เพราะทุกคนต่างก็คาดหวังกับทะเลโกลาหลไว้นานแล้ว เมื่อได้เข้ามาที่นี่พวกเขาต่างก็รู้สึกว่านี่คือความฝัน
สิ่งที่พวกเขาถวิลหาไม่ใช่ทะเลโกลาหล แต่เป็นยอดฝีมือคนอื่นๆ !
พวกเขาอยากจะสู้กับคนที่แข็งแกร่ง พวกเขาอยากรู้ว่าโลกของผู้ที่แข็งแกร่งในทะเลโกลาหลเป็นยังไง !
หลังจากเข้ามาในทะเลโกลาหล พวกเขาก็ใจเย็นลง พวกเขาค่อยๆรับรู้ถึงพลังที่กวนพูดถึง กวนเคยบอกว่าเมื่อเข้าในทะเลโกลาหลนี้พวกเขาจะรับรู้ถึงพลังเรียกหา เมื่อตามพลังนั้นไปก็จะเข้าไปยังโกลาหลซื่อเซียวได้
เวลานี้พวกเขารับรู้ได้ถึงพลังที่กวนพูดถึงแล้ว
“ เดินหน้าตามพลังนี้ไปยังโกลาหลซื่อเซียว” จางหยูพูดขึ้น
ทุกคนพากันพยักหน้าและเดินทางไปตามพลังนั้นทันที
ต่อมาทุกคนรวมถึงต้นไม้โกลาหลก็หายตัวไปในพริบตา
เขตซื่อเซียวเป็นโลกที่มีสถานะที่พิเศษระหว่างทะเลโกลาหลกับโกลาหล ที่นั่นมีลักษณะบางอย่างของทะเลโกลาหล แต่ก็มีบางอย่างที่คล้ายกับโกลาหลเช่นกัน เขตซื่อเซียวนั้นมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาล และมีคุณลักษณะของห้วงมิติและห้วงเวลา อย่างไรก็ตามจ้าวโกลาหลก็โดนจำกัดด้วยพลังที่มองไม่เห็น ดังนั้นจึงไม่อาจจะแผ่การรับรู้ออกไปได้ไกลนัก
โกลาหลซื่อเซียวนั้นเชื่อมต่อกับโกลาหลนับไม่ถ้วน โกลาหลแต่ละแห่งนั้นแทนถึงจ้าวโกลาหล 1 คน
เนื่องจากจักรพรรดิซื่อเซียวคือ 1 ใน 9 จักรพรรดิของทะเลโกลาหล ดังนั้นจึงมียอดฝีมือจำนวนมากเดินทางอยู่ในโกลาหลซื่อเซียว แม้แต่หมู่บ้านเล็กๆก็ยังมีจ้าวโกลาหลอยู่หลายหมื่นคน
หมู่บ้านเสี่ยวอันคือหนึ่งในหมู่บ้านที่อยู่ภายใต้เขตปกครองของเมืองไป่ซิง หนึ่งในสิบเมืองใหญ่ของเขตซื่อเซียว
นอกเมืองไป่ซิงนั้นมีหมู่บ้านที่คล้ายกับหมู่บ้านเสี่ยวอันมากกว่าหนึ่งร้อยล้านแห่ง ดังนั้นหมู่บ้านเสี่ยวอันเป็นเพียงหนึ่งในหมู่บ้านธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรพิเศษ
ในวันนั้นหมู่บ้านแห่งนี้ได้มีแขกกลุ่มหนึ่งเดินทางเข้ามา พวกนี้แต่งตัวเหมือนกับคนทั่วไป ไม่ได้แผ่คลื่นพลังอะไรออกมายกเว้นแค่คนเดียวที่แผ่พลังของจ้าวโกลาหลออกมา ส่วนคนอื่นๆนั้นไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ทั่วไปเลย
…
ณ.เส้นทางการบินแห่งหนึ่ง
“ ผ่านมาหลายร้อยยุคแล้ว ไม่มีหน้าใหม่โผล่มาสักคน น่าเบื่อจริงๆ !” ชายในชุดสีฟ้าบ่นออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
เขามองไปยังชายหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิพลางส่ายหน้า ก่อนจะพูดขึ้น “ หลินเหวิน เจ้าบ่มเพาะหนักพอแล้ว …”
ชายวัยกลางคนที่อยู่อีกด้านก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดว่า “ พวกคนหนุ่มสาวนี่ดีจังนะ ! ตอนที่ข้ามายังเขตซื่อเซียวครั้งแรก ตอนนั้นข้าน่ะหลงตัวเองมาก ข้าไม่คิดว่าตัวเองจะด้อยกว่าใครอื่น ตราบใดที่พยายามมากพอก็จะขึ้นไประดับสูงได้…”
เมื่อพูดไปแล้วชายวัยกลางคนก็ส่ายหน้าด้วยท่าทีหดหู่ “ พยายามบ่มเพาะมาหลายหมื่นปี ผ่านสถานการณ์เป็นตายมานับไม่ถ้วน แต่ข้าก็พบว่าต่อให้พยายามมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังอยู่ระดับต่ำสุดอยู่ดี…”
เมื่อได้ยินแบบนั้นผู้คนรอบๆก็พากันสลดไปตาม
คนที่เป็นจ้าวโกลาหลได้มีใครบ้างที่ไม่มีพรสวรรค์ ? ใครบ้างที่ไม่หยิ่งทะนง ?
แต่เมื่อมายังโกลาหลซื่อเซียวแห่งนี้ พวกเขาก็เจอคนที่เหนือกว่าและแกร่งกว่า มันไม่ต่างอะไรจากการตบหน้าตัวเอง หลังจากที่รับรู้ความจริง ความเย่อหยิ่งที่เคยมีก็ต้องหายไป
“ เมื่อลองคิดดูดีๆแล้ว ชีวิตของพวกเราก็ไม่เลวเลยนะ ได้งานทำที่มั่นคง และยังถือว่าเป็นสมาชิกของกองทัพเทียนลั่วกรายๆ กล่าวได้ว่าสามารถมาถึงจุดนี้ได้ ในบรรดาจ้าวโกลาหลนั้นพวกเราถือว่าทำได้ดีมาก“ จ้าวโกลาหลคนหนึ่งปลอบใจทุกคน “ พวกเจ้าก็รู้ว่าจ้าวโกลาหลส่วนมากนั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เข้าร่วมเหมือนพวกเรา”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พอมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นมาบ้าง “ ใช่ คนที่เหนือกว่าเราน่ะมีนับไม่ถ้วน แต่ที่ด้อยกว่าเราน่ะมีมากกว่า…”
ตอนนั้นพวกเขาเหมือนจะเริ่มภูมิใจในตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง
“ แต่…หลินเหวินน่ะขยันกว่าใครทั้งหมด ” ชายสวมชุดสีฟ้าเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิอยู่ “ ตอนนั้นพวกเราเป็นคนพาหลินเหวินไปจ่ายลูกปัด หลังจากนั้นเขาก็ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองขึ้นมา จนตอนนี้ได้เข้าร่วมกับกองกำลังพิทักษ์หมู่บ้านเสี่ยวอัน ความแข็งแกร่งของเขาพอๆกับพวกเรา พรสวรรค์แบบนี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
ทุกคนต่างชื่นชม “ อนาคตของหลินเหวินน่ะไม่มีขีดจำกัด !”
“ บางทีทหารยามในหมู่บ้านเสี่ยวอันของพวกเราคงมีคนได้กลายเป็นสมาชิกของกองทัพเทียนลั่วได้จริงๆ“ ชายวัยกลางคนตาเป็นประกายขึ้นมา “ หากเกิดเรื่องนั้นขึ้นมาจริงๆ เราก็จะได้หน้าไปด้วย !”
สำหรับทหารยามอย่างพวกเขาแล้ว การเป็นสมาชิกของกองทัพเทียนลั่วนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่
โชคร้ายที่พวกเขาไม่ได้มีพรสวรรค์แบบหลินเหวิน นี่ไม่ต้องพูดถึงการบ่มเพาะที่บ้าคลั่งของหลินเหวินเลย ในชีวิตนี้พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมกองทัพเทียนลั่ว แม้ว่าจะมีโอกาสในอนาคต แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่ยุค พวกเขาอาจจะอยู่ไม่ถึงตอนนั้นก็ได้
ยังไงซะมันก็มีการแข่งขันกันในโกลาหลซื่อเซียว และทะเลโกลาหลก็ไม่ได้สงบ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นพวกเขาก็คงถูกลากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว มันยากที่จะต้านทานได้ !
ตอนที่ทุกคนพากันบ่นออกมานั้น พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังที่แข็งแกร่งที่ผ่านเข้ามา พวกเขาพากันเงยหน้าขึ้นมองและพบว่านี่คือจ้าวโกลาหลและยังมีจำนวนมากอีกด้วย
“ หน้าใหม่ !” ชายชุดฟ้าแสดงสีหน้าเหลือเชื่ออกมา “ มีจำนวนมากอีกด้วย !”
2 พันคน !
ชายชุดฟ้าเป็นยามของหมู่บ้าน เขาคอยดูแลเส้นทางการบินนี้มาหลายยุคแล้ว แต่ไม่เคยเห็นคนมาใหม่จำนวนมากแบบนี้มาก่อน ถึงจะนับรวมคนใหม่ที่เขาเจอมาทั้งหมดก็ยังไม่มากเท่านี้…
“ หัวหน้า สถานการณ์นี้…มันอะไรกัน ? ” ชายในชุดฟ้ามองไปที่ชายวัยกลางคนแล้วถามขึ้นมา
ชายวัยกลางคนคิ้วขมวด สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่ได้สนใจคำถาม กลับมุ่งหน้าไปหาคนแปลกหน้าและมองไปที่คนกลุ่มนั้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีตราซื่อเซียวที่ไหล่ สุดท้ายเขาก็ได้ข้อสรุปแล้วว่าพวกนี้คือหน้าใหม่
ไม่รู้ว่าพวกนี้เพิ่งขึ้นมาเป็นจ้าวโกลาหลรึไม่ แต่เขามั่นใจว่าพวกนี้เพิ่งเข้ามาในโกลาหลซื่อเซียวเป็นครั้งแรก
เพราะตราบใดที่เคยเข้ามาที่นี่ก็จะได้ตราซื่อเซียวเพื่อยืนยันตัวตน
“ หือ…” ชายวัยกลางคนมองไปที่ซุนเหยียน และถามออกมาด้วยท่าทีไม่มั่นใจ “ เจ้าคือ…ซุนกวนรึ?”
เขาไม่มั่นใจเพราะเท่าที่เขาจำได้นั้นซุนกวนได้ตายไปนานแล้ว แต่ซุนเหยียนและซุนกวนนั้นดูหน้าตาเหมือนกัน แม้แต่คลื่นพลังก็ยังคล้ายกัน ดังนั้นเขาจึงสับสน
“ เจ้ารู้จักร่างหลักของข้าด้วยรึ ?” ซุนเหยียนแปลกใจ เขาเพิ่งเข้ามาที่นี่แต่กลับโดนคนอื่นจำได้ ซุนกวนนั้นโด่งดังรึ?
“ เจ้าเป็นร่างแยกของซุนกวน?” ชายวัยกลางคนแปลกใจ “ สมกับเป็นสมาชิกสำรองของกองทัพเทียนลั่ว แม้แต่ร่างแยกก็ยังเป็นจ้าวโกลาหลด้วย !”
คนของสำนักคังเฉียงพากันมองไปที่ซุนเหยียนด้วยความแปลกใจ ซุนกวนเป็นสมาชิกสำรองของกองทัพเทียนลั่วรึ ?
ซุนเหยียนกระแอมออกมาและพูดขึ้น “ อย่ามองข้าแบบนั้น เรื่องนี้ข้าไม่รู้…”
ทะเลโกลาหลไม่ได้อยู่ในห้วงมิติเวลาแต่เป็นตัวตนพิเศษ และมีสถานะที่เหนือกว่าโกลาหล
ในห้วงมิติเวลาแห่งนี้ไม่มีหลักการเรื่องมิติและเวลา
หากมองโกลาหลจากทะเลโกลาหล ก็เหมือนมองภาพสามมิติจากในสี่มิติ นับว่าเป็นสถานการณ์ที่พิเศษมาก
เมื่อเข้ามาในทะเลโกลาหล จางหยูและคนอื่นๆก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกาย, พลัง, จิตและอื่นๆต่างก็โดนจำกัดเอาไว้
ในบรรพกาลหรือแม้แต่ในโกลาหล พวกเขาแทบจะไร้เทียมทาน แต่เมื่อเข้าสู่ทะเลโกลาหล ความสามารถอื่นๆแทบไม่อาจจะใช้งานได้
นี่คือการยับยั้งของมิติ !
พูดตามตรงพวกเขาคือสิ่งมีชีวิตของโกลาหล มันไม่ได้น่าแปลกใจเมื่อเข้ามาในทะเลโกลาหลแล้วจะถูกจำกัดพลังไว้
ในทะเลโกลาหลมีจุดแสงนับไม่ถ้วนซ้อนทับกัน จุดแสงแต่ละจุดนั้นหมายถึงโกลาหลหรือโกลาหลจำลอง เพราะไม่มีหลักการเรื่องมิติ จุดแสงเหล่านี้จึงเห็นว่าอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน มีเพียงห้วงมิติเวลาพิเศษในทะเลโกลาหลเท่านั้น ถึงจะแยกแยะมันออก
มันจริงที่ว่าทะเลโกลาหลนั้นดูคล้ายกับทะเลบรรพกาล
เพราะทุกคนต่างก็คาดหวังกับทะเลโกลาหลไว้นานแล้ว เมื่อได้เข้ามาที่นี่พวกเขาต่างก็รู้สึกว่านี่คือความฝัน
สิ่งที่พวกเขาถวิลหาไม่ใช่ทะเลโกลาหล แต่เป็นยอดฝีมือคนอื่นๆ !
พวกเขาอยากจะสู้กับคนที่แข็งแกร่ง พวกเขาอยากรู้ว่าโลกของผู้ที่แข็งแกร่งในทะเลโกลาหลเป็นยังไง !
หลังจากเข้ามาในทะเลโกลาหล พวกเขาก็ใจเย็นลง พวกเขาค่อยๆรับรู้ถึงพลังที่กวนพูดถึง กวนเคยบอกว่าเมื่อเข้าในทะเลโกลาหลนี้พวกเขาจะรับรู้ถึงพลังเรียกหา เมื่อตามพลังนั้นไปก็จะเข้าไปยังโกลาหลซื่อเซียวได้
เวลานี้พวกเขารับรู้ได้ถึงพลังที่กวนพูดถึงแล้ว
“ เดินหน้าตามพลังนี้ไปยังโกลาหลซื่อเซียว” จางหยูพูดขึ้น
ทุกคนพากันพยักหน้าและเดินทางไปตามพลังนั้นทันที
ต่อมาทุกคนรวมถึงต้นไม้โกลาหลก็หายตัวไปในพริบตา
เขตซื่อเซียวเป็นโลกที่มีสถานะที่พิเศษระหว่างทะเลโกลาหลกับโกลาหล ที่นั่นมีลักษณะบางอย่างของทะเลโกลาหล แต่ก็มีบางอย่างที่คล้ายกับโกลาหลเช่นกัน เขตซื่อเซียวนั้นมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาล และมีคุณลักษณะของห้วงมิติและห้วงเวลา อย่างไรก็ตามจ้าวโกลาหลก็โดนจำกัดด้วยพลังที่มองไม่เห็น ดังนั้นจึงไม่อาจจะแผ่การรับรู้ออกไปได้ไกลนัก
โกลาหลซื่อเซียวนั้นเชื่อมต่อกับโกลาหลนับไม่ถ้วน โกลาหลแต่ละแห่งนั้นแทนถึงจ้าวโกลาหล 1 คน
เนื่องจากจักรพรรดิซื่อเซียวคือ 1 ใน 9 จักรพรรดิของทะเลโกลาหล ดังนั้นจึงมียอดฝีมือจำนวนมากเดินทางอยู่ในโกลาหลซื่อเซียว แม้แต่หมู่บ้านเล็กๆก็ยังมีจ้าวโกลาหลอยู่หลายหมื่นคน
หมู่บ้านเสี่ยวอันคือหนึ่งในหมู่บ้านที่อยู่ภายใต้เขตปกครองของเมืองไป่ซิง หนึ่งในสิบเมืองใหญ่ของเขตซื่อเซียว
นอกเมืองไป่ซิงนั้นมีหมู่บ้านที่คล้ายกับหมู่บ้านเสี่ยวอันมากกว่าหนึ่งร้อยล้านแห่ง ดังนั้นหมู่บ้านเสี่ยวอันเป็นเพียงหนึ่งในหมู่บ้านธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรพิเศษ
ในวันนั้นหมู่บ้านแห่งนี้ได้มีแขกกลุ่มหนึ่งเดินทางเข้ามา พวกนี้แต่งตัวเหมือนกับคนทั่วไป ไม่ได้แผ่คลื่นพลังอะไรออกมายกเว้นแค่คนเดียวที่แผ่พลังของจ้าวโกลาหลออกมา ส่วนคนอื่นๆนั้นไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ทั่วไปเลย
…
ณ.เส้นทางการบินแห่งหนึ่ง
“ ผ่านมาหลายร้อยยุคแล้ว ไม่มีหน้าใหม่โผล่มาสักคน น่าเบื่อจริงๆ !” ชายในชุดสีฟ้าบ่นออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
เขามองไปยังชายหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิพลางส่ายหน้า ก่อนจะพูดขึ้น “ หลินเหวิน เจ้าบ่มเพาะหนักพอแล้ว …”
ชายวัยกลางคนที่อยู่อีกด้านก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดว่า “ พวกคนหนุ่มสาวนี่ดีจังนะ ! ตอนที่ข้ามายังเขตซื่อเซียวครั้งแรก ตอนนั้นข้าน่ะหลงตัวเองมาก ข้าไม่คิดว่าตัวเองจะด้อยกว่าใครอื่น ตราบใดที่พยายามมากพอก็จะขึ้นไประดับสูงได้…”
เมื่อพูดไปแล้วชายวัยกลางคนก็ส่ายหน้าด้วยท่าทีหดหู่ “ พยายามบ่มเพาะมาหลายหมื่นปี ผ่านสถานการณ์เป็นตายมานับไม่ถ้วน แต่ข้าก็พบว่าต่อให้พยายามมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังอยู่ระดับต่ำสุดอยู่ดี…”
เมื่อได้ยินแบบนั้นผู้คนรอบๆก็พากันสลดไปตาม
คนที่เป็นจ้าวโกลาหลได้มีใครบ้างที่ไม่มีพรสวรรค์ ? ใครบ้างที่ไม่หยิ่งทะนง ?
แต่เมื่อมายังโกลาหลซื่อเซียวแห่งนี้ พวกเขาก็เจอคนที่เหนือกว่าและแกร่งกว่า มันไม่ต่างอะไรจากการตบหน้าตัวเอง หลังจากที่รับรู้ความจริง ความเย่อหยิ่งที่เคยมีก็ต้องหายไป
“ เมื่อลองคิดดูดีๆแล้ว ชีวิตของพวกเราก็ไม่เลวเลยนะ ได้งานทำที่มั่นคง และยังถือว่าเป็นสมาชิกของกองทัพเทียนลั่วกรายๆ กล่าวได้ว่าสามารถมาถึงจุดนี้ได้ ในบรรดาจ้าวโกลาหลนั้นพวกเราถือว่าทำได้ดีมาก“ จ้าวโกลาหลคนหนึ่งปลอบใจทุกคน “ พวกเจ้าก็รู้ว่าจ้าวโกลาหลส่วนมากนั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เข้าร่วมเหมือนพวกเรา”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พอมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นมาบ้าง “ ใช่ คนที่เหนือกว่าเราน่ะมีนับไม่ถ้วน แต่ที่ด้อยกว่าเราน่ะมีมากกว่า…”
ตอนนั้นพวกเขาเหมือนจะเริ่มภูมิใจในตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง
“ แต่…หลินเหวินน่ะขยันกว่าใครทั้งหมด ” ชายสวมชุดสีฟ้าเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิอยู่ “ ตอนนั้นพวกเราเป็นคนพาหลินเหวินไปจ่ายลูกปัด หลังจากนั้นเขาก็ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองขึ้นมา จนตอนนี้ได้เข้าร่วมกับกองกำลังพิทักษ์หมู่บ้านเสี่ยวอัน ความแข็งแกร่งของเขาพอๆกับพวกเรา พรสวรรค์แบบนี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
ทุกคนต่างชื่นชม “ อนาคตของหลินเหวินน่ะไม่มีขีดจำกัด !”
“ บางทีทหารยามในหมู่บ้านเสี่ยวอันของพวกเราคงมีคนได้กลายเป็นสมาชิกของกองทัพเทียนลั่วได้จริงๆ“ ชายวัยกลางคนตาเป็นประกายขึ้นมา “ หากเกิดเรื่องนั้นขึ้นมาจริงๆ เราก็จะได้หน้าไปด้วย !”
สำหรับทหารยามอย่างพวกเขาแล้ว การเป็นสมาชิกของกองทัพเทียนลั่วนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่
โชคร้ายที่พวกเขาไม่ได้มีพรสวรรค์แบบหลินเหวิน นี่ไม่ต้องพูดถึงการบ่มเพาะที่บ้าคลั่งของหลินเหวินเลย ในชีวิตนี้พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมกองทัพเทียนลั่ว แม้ว่าจะมีโอกาสในอนาคต แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่ยุค พวกเขาอาจจะอยู่ไม่ถึงตอนนั้นก็ได้
ยังไงซะมันก็มีการแข่งขันกันในโกลาหลซื่อเซียว และทะเลโกลาหลก็ไม่ได้สงบ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นพวกเขาก็คงถูกลากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว มันยากที่จะต้านทานได้ !
ตอนที่ทุกคนพากันบ่นออกมานั้น พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังที่แข็งแกร่งที่ผ่านเข้ามา พวกเขาพากันเงยหน้าขึ้นมองและพบว่านี่คือจ้าวโกลาหลและยังมีจำนวนมากอีกด้วย
“ หน้าใหม่ !” ชายชุดฟ้าแสดงสีหน้าเหลือเชื่ออกมา “ มีจำนวนมากอีกด้วย !”
2 พันคน !
ชายชุดฟ้าเป็นยามของหมู่บ้าน เขาคอยดูแลเส้นทางการบินนี้มาหลายยุคแล้ว แต่ไม่เคยเห็นคนมาใหม่จำนวนมากแบบนี้มาก่อน ถึงจะนับรวมคนใหม่ที่เขาเจอมาทั้งหมดก็ยังไม่มากเท่านี้…
“ หัวหน้า สถานการณ์นี้…มันอะไรกัน ? ” ชายในชุดฟ้ามองไปที่ชายวัยกลางคนแล้วถามขึ้นมา
ชายวัยกลางคนคิ้วขมวด สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่ได้สนใจคำถาม กลับมุ่งหน้าไปหาคนแปลกหน้าและมองไปที่คนกลุ่มนั้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีตราซื่อเซียวที่ไหล่ สุดท้ายเขาก็ได้ข้อสรุปแล้วว่าพวกนี้คือหน้าใหม่
ไม่รู้ว่าพวกนี้เพิ่งขึ้นมาเป็นจ้าวโกลาหลรึไม่ แต่เขามั่นใจว่าพวกนี้เพิ่งเข้ามาในโกลาหลซื่อเซียวเป็นครั้งแรก
เพราะตราบใดที่เคยเข้ามาที่นี่ก็จะได้ตราซื่อเซียวเพื่อยืนยันตัวตน
“ หือ…” ชายวัยกลางคนมองไปที่ซุนเหยียน และถามออกมาด้วยท่าทีไม่มั่นใจ “ เจ้าคือ…ซุนกวนรึ?”
เขาไม่มั่นใจเพราะเท่าที่เขาจำได้นั้นซุนกวนได้ตายไปนานแล้ว แต่ซุนเหยียนและซุนกวนนั้นดูหน้าตาเหมือนกัน แม้แต่คลื่นพลังก็ยังคล้ายกัน ดังนั้นเขาจึงสับสน
“ เจ้ารู้จักร่างหลักของข้าด้วยรึ ?” ซุนเหยียนแปลกใจ เขาเพิ่งเข้ามาที่นี่แต่กลับโดนคนอื่นจำได้ ซุนกวนนั้นโด่งดังรึ?
“ เจ้าเป็นร่างแยกของซุนกวน?” ชายวัยกลางคนแปลกใจ “ สมกับเป็นสมาชิกสำรองของกองทัพเทียนลั่ว แม้แต่ร่างแยกก็ยังเป็นจ้าวโกลาหลด้วย !”
คนของสำนักคังเฉียงพากันมองไปที่ซุนเหยียนด้วยความแปลกใจ ซุนกวนเป็นสมาชิกสำรองของกองทัพเทียนลั่วรึ ?
ซุนเหยียนกระแอมออกมาและพูดขึ้น “ อย่ามองข้าแบบนั้น เรื่องนี้ข้าไม่รู้…”