ครั้นหยวนเทียนต่อยหมัดออกไป พยับเมฆบนฟากฟ้าสาดซัด บังเกิดคลื่นวนมหึมาคลื่นหนึ่งโผเข้าหาเยี่ยนตี๋
ในคลื่นวนนั้นคล้ายมีดวงหน้านับไม่ถ้วน ร้องตะโกนอย่างเจ็บปวดรวดร้าวพร้อมกัน
คลื่นวนอันแปรสภาพมาจากพยับเมฆ ประหนึ่งแดนชำระบนดิน กลืนกินสรรพชีวิตทั้งปวงกลืนเข้าไปในนั้น
เยี่ยนตี๋เลิกคิ้วเล็กน้อย ร่างกายสวมเสื้อคลุมนภา กางสองแขนออก ขณะเดียวกันปราณบริสุทธิ์แต่ละสายม้วนเข้าไป มโหฬารดุจท้องนภา
เจตจำนงหมัดของหยวนเทียนที่แปรเปลี่ยนเป็นวัตถุจริงนั่น ถูกเยี่ยนตี๋ขัดขวาง หมดทางคืบหน้าต่อไปทันใด
เขายิ่งคล้ายเกิดความรู้สึกแบบหนึ่ง ชัดแจ้งว่าตนอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนเยี่ยนตี๋ยังคงอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ หากแต่ตอนนี้เยี่ยนตี๋กลับเหมือนว่ายืนอยู่เหนือมวลชน ราวกับท้องนภาอันไพศาล กำลังมองต่ำมายังเขา
หยวนเทียนมุ่นคิ้วเล็กน้อย หมัดเหล็กที่กำเอาไว้ พลันกางนิ้วทั้งห้าออก
เขาเปลี่ยนหมัดเป็นกรงเล็บ ออกแรงฉีกทำลาย
ไอหมอกสีเทาสุดลูกหูลูกตา แปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บน่าหวาดผวาราวกับจอมมารก็ไม่ปาน ในชั่วขณะนี้คล้ายจะฉีกผืนฟ้าออกเป็นชิ้นๆ!
กรงเล็บมารอนิจจัง!
เสื้อคลุมยาวสีขาวที่เยี่ยนตี๋สวมไว้ ยามนี้พื้นผิวปรากฏแสงรุบหรู่
จุดแสงเล็กน้อย ราวกับข้าวโพด
สีสันครึ่งหนึ่งดำครึ่งหนึ่งเหลือง ไม่แวววาว และไม่มืดมัว กลับอยู่สูงไกลสุดลูกหูลูกตา ท่ามกลางท่วงทำนองพลังอันไพศาลประหนึ่งฟากฟ้า แฝงความหนาหนักรูปแบบหนึ่งอันยากจะแบกรับไว้
เยี่ยนตี๋สวมเสื้อคลุมนภา พลังพุ่งสูงขึ้นไม่หยุดยั้ง ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
เขาปะทะกรงเล็บมารอนิจจังของหยวนเทียนไว้ พลางฟาดฝ่ามือหนึ่งออกไป ฝ่ามือทอแสงโชติช่วงจากด้านในสู่ด้านนอก แสงแจ่มแจ้งสุกใส ประดุจเพชรเคลือบสี!
ถึงแม้ระดับความรู้ซึ้งในด้านวรยุทธ์วิชากายเพชรของเยี่ยนตี๋จะไม่สู้สือเถี่ย กระนั้นบัดนี้เขาผนวกด้วยเสื้อคลุมนภา โจมตีฝ่ามือหนึ่งออกไป ก็เหมือนเช่นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แสดงวิชากายเพชร!
ฝ่ามือน่าพรั่นใจอันกระชับราวกับเพชร ปะทะกรงเล็บมารอนิจจังซึ่งๆ หน้า ไม่ปล่อยให้หยวนเทียนยึดกุมแต้มต่อเพียงผู้เดียวแม้แต่น้อย
ฝ่ามือและกรงเล็บกระทบกัน ในดวงตาทั้งคู่ของหยวนเทียนส่องแสงเย็นออกมาฉับพลัน
ในฝ่ามืออันโปร่งแสงใสแจ๋วของเยี่ยนตี๋นั้น พลันมีแสงเพลิงคุโชนสีม่วงแกมแดงลุกไหม้ขึ้น ทะลุออกมานอกฝ่ามือ!
เพลิงดุสิตน่าหวาดหวั่นราวกับสามารถหลอมและเผาไหม้สรรพสิ่งเป็นจุณ พวยพุ่งออกมาจากกลางฝ่ามือเยี่ยนตี๋ฉับพลัน ก่อเกิดแรงปะทุอันใหญ่หลวงยากจะจินตนาการ
ที่ทำให้หยวนเทียนต้องเบนสายตามองก็คือ ในชั่วขณะกระบวนท่าหนึ่งของเยี่ยนตี๋ เวลาเดียวกันนั้นแสดงสุดยอดวิชาของเขากว่างเฉิงสองวิชา อันได้แก่วิชากายเพชรและฝ่ามือดุสิต ทั้งสองผสมกลมกลืนอย่างหาที่เปรียบได้ไม่
พลังเพลิงของเพลิงดุสิตสีม่วงระเบิดปะทุ ท่วงทำนองพลังอันแกร่งนิรันดร์ของกายเพชรไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่นิด ยังคงไม่ดับไม่สิ้น
ซึ่งท่วงทำนองพลังของวิชากายเพชร ก็ไม่ได้ขัดขวางพลังฝ่ามือของฝ่ามือดุสิตเช่นกัน
สองสุดยอดวิชาประสานเสริมกันได้เด่นชัด มอบพลังอันน่าตื่นตะลึงออกมาพร้อมกัน
กรงเล็บมารอนิจจังน่าพรึงเพริดที่บดบังท้องฟ้าอาทิตย์ ราวกับสามารถเด็ดดาวคว้าเดือนได้นั่น ล้วนสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด
หมอกเมฆสีเทาเป็นเส้นสาย กระจายออกจากกรงเล็บมหึมาไปทั้งสี่ทิศตลอดเวลา กรงเล็บมารคล้ายจะพินาศย่อยยับ
หยวนเทียนผงกศีรษะสงบเงียบ “เจ้าถูกยกย่องเป็นที่หนึ่งในรุ่นเดียวกัน ความสามารถสมคำร่ำลือ”
เขาต้องการเปลี่ยนแปลงท่ากรงเล็บของตน แต่กลับถูกฝ่ามือเยี่ยนตี๋ดูดติดไว้ ยากเคลื่อนย้ายอย่างไม่คาดคิด
ครั้นเพ่งมองไปก็เห็นว่าบนฝ่ามือเยี่ยนตี๋ เกิดธารแสงสีทองอ่อนจำนวนมาก ในระหว่างที่แสงโชติช่วงพรั่งพรู ประหนึ่งเชือกใหญ่สีทองหลากเส้น
เชือกทองแต่ละเส้น พันรัดกรงเล็บมารอนิจจังไว้ ส่งผลให้มันยากจะแปรเปลี่ยน ยากจะหลุดพ้น ทำได้เพียงโจมตีวิชาลับทั้งสองกายเพชรและฝ่ามือดุสิตซึ่งหน้าดังสนั่น!
นอกจากวิชากายเพชรและวิชาฝ่ามือดุสิตแล้ว ในระหว่างกระบวนท่านี้ ชัดแจ้งว่าเยี่ยนตี๋ยังผสมผสานหนึ่งในยอดวิชาแปดพิภพของเขากว่างเฉิงเข้าไปด้วย
ฝ่ามือม่านทอง!
ศึกษาสามวิชาลับจนทะลุปรุโปร่ง หลอมรวมเป็นหนึ่ง พลังฝ่ามือเยี่ยนตี๋ระเบิดดังกึกก้อง เพลิงดุสิตม่วงอันบ้าระห่ำระเบิดกระจาย ชั่วเสี้ยววินาทีเผามือยักษ์บดบังฟ้าอันแปรสภาพมาจากพยับเมฆ จนกลายเป็นทะเลเพลิงทั่วบริเวณ!
หยวนเทียนมองภาพฉากนี้อย่างเยือกเย็น “เสื้อคลุมนภา อาวุธศักดิ์สิทธิ์ ช่างเป็นของดีจริงๆ”
แม้จะเห็นกรงเล็บมารอนิจจังของตนถูกทำลาย สีหน้าหยวนเทียนกลับไม่พบความเปลี่ยนแปลงใดๆ
“น่าเสียดาย ท้ายที่สุดแล้วเจ้าก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์”
ขณะกล่าว ฝ่ามือหยวนเทียนที่เหยียดยื่นไปข้างหน้า ก็กำมือฉับพลัน
พยับเมฆที่ถูกเพลิงดุสิตม่วงแผดเผาสูญสิ้นเหล่านั้น พลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันลอยละล่อง ไร้ขอบเขต ไร้ที่สิ้นสุด
คล้ายว่าทั้งหมดก่อนหน้า ล้วนเป็นเพียงภาพลวงตาไม่แท้จริง
เพลิงม่วงเชี่ยวกระหน่ำม้วนขึ้นอีกหน เผาไหม้พยับเมฆ หากแต่ทะเลเมฆดำมืดกลับยังคงอยู่
กระจ่างแจ้งว่าเป็นพยับเมฆเต็มฟ้าที่บดบังนภาอาทิตย์ มหาศาลไร้ขอบเขต ทว่าบัดนี้กลับเหมือนว่าตั้งอยู่ที่เขตแดนอันยากสัมผัส และยากแตะต้อง
ไม่ว่าเพลิงดุสิตม่วงจะบ้าคลั่งเท่าใด ไม่ว่าเชือกทองอันกลายสภาพมาจากพลังฝ่ามือม่านทองจะมัดลมเมฆตะวันจันทราอย่างไร แม้ว่ากายเพชรจะกล้าหาญไม่ศิโรราบก็ตามแต่
สุดท้ายพยับเมฆก็อยู่ตรงนั้น ไม่ดับไม่สลาย รวมตัวหรือแยกจากไม่เที่ยงแท้
เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่บนพื้นมองดูภาพนี้กับตา เขาแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย “มีร่องรอยของพุทธอนิจจังอยู่หลายส่วนแล้ว”
เยี่ยนตี๋ที่เผชิญหน้าประมือกับหยวนเทียน ยิ่งมองเห็นได้มากกว่า
ส่วนลึกในพยับเมฆเหล่านั้นคล้ายมีกงล้อ กำลังหมุนอยู่ตลอดเวลา
ทุกคราที่การรุกโจมตีของเยี่ยนตี๋ตกไปบนพยับเมฆ กงล้อนั้นยิ่งหมุนเร็วขึ้นเป็นเท่าทวี
ตรงนั้นถึงจะเป็นบริเวณศูนย์กลางเจตจำนงหมัดของหยวนเทียนที่แท้จริง บัดนี้ม้วนพยับเมฆไร้ขอบเขตค่อยๆ โอบล้อมเยี่ยนตี๋เอาไว้!
“สวมเสื้อคลุมนภาไว้ ข้าก็ไม่ได้ต่างจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เท่าใดแล้ว…” เยี่ยนตี๋เอ่ยเย็นชา ฝ่ามือละปรากฏการณ์เพชรฉับพลัน พลังฝ่ามือม่านทองและพลังฝ่ามือดุสิตก็ล้วนมลายหายเช่นกัน
นิ้วทั้งห้าของเขาตั้งขึ้นประดุจดาบ ชูขึ้นสูง “ซึ่งถ้าระดับชั้นของเจ้ากับข้าไม่ได้ต่างกันนักล่ะก็…”
ขณะเอ่ยไปพลาง มือขวาเยี่ยนตี๋ที่ชูขึ้นสูงก็ผ่าลงมา!
เจตจำนงดาบเย็นเยียบ ม้วนออกไปทั้งสี่ทิศ
ระหว่างฟ้าดิน คล้ายกับแยกจากกันฉับพลัน
ปรากฏรอยแยกมหึมาเส้นหนึ่งกลางท้องฟ้า ดำมืดทั่วบริเวณ
มิติถูกฉีกออกอย่างแท้จริงในชั่วขณะนี้!
เยี่ยนตี๋ฟันดาบหนึ่งลง พลังไร้ที่สิ้นสุดที่ไม่อาจวัดระดับ และไม่อาจชั่งน้ำหนักได้ เสริมหนุนอยู่บนคมดาบ
บัดนี้หยวนเทียนมีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือฟากฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลเหนือศีรษะ ราวกับกลายสภาพเป็นคมดาบของเยี่ยนตี๋ ผ่าลงมาทางตน!
หนึ่งในสามสุดยอดวิชากว่างเฉิง ดาบนภาไร้จำกัด!
วิถีดาบอันสืบทอดตั้งแต่จ่านตงเก๋อ ผู้สะเทือนสวรรค์ไร้พ่ายในแปดมหาอำนาจแต่กาลก่อน ดาบแห่งท้องฟ้า หาที่สิ้นสุดไม่ได้!
ขณะนี้เยี่ยนตี๋สวมเสื้อคลุมนภาไว้ อานุภาพของดาบยิ่งล้ำเหนือยามถังตะวันออกสู้รบสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อักโข!
เมื่อก่อนตอนที่ศึกษาไม่แตกฉาน หยวนเทียนเคยเห็นผู้สะเทือนสวรรค์จ่านตงเก๋อออกดาบกับตา
บัดนี้เผชิญหน้าเยี่ยนตี๋ เขารู้สึกเพียงว่าในขณะใจลอย การดำรงอยู่ของผู้ไร้เทียมทานเหนือโลกแปดพิภพในอดีต คล้ายกับปรากฏยังโลกมนุษย์อีกครั้งอย่างไม่คาดคิด!
พยับเมฆถูกแหวกออก กงล้อใจกลางพยับเมฆนั่น ก็ถูกดาบฟันออกเป็นสองท่อนเช่นกัน!
ขณะเจตจำนงที่ฟันทำลายท้องฟ้ากำลังสาดพรม เยี่ยนตี๋เอื้อนเอ่ยสงบนิ่ง “…ถ้าหากระดับขั้นของข้ากับเจ้าไม่ได้ต่างกันนัก ข้าชนะ เจ้าแพ้”
ฟ้าดินเงียบสงัดไร้เสียง ราวกับกำลังสั่นสะเทือนเนื่องด้วยพลังฝึกปรือมหาปรมาจารย์ของเยี่ยนตี๋ ประกาศกร้าวต้องชนะต่อจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ท่านหนึ่ง
หยวนเทียนมองเยี่ยนตี๋ พลางเอ่ยเฉยชา “เยี่ยนตี๋…เยี่ยนผู้ไร้เทียมทาน…เหอะ เยี่ยนไร้เทียมทานผู้ประเสริฐ!”
เขาเหยียดมือตรงออกไปทั้งสองฟาก แล้วค่อยประกบเข้าหาตรงกลางเชื่องช้า
คลื่นลมเมฆพัดกระพือฮือโหมทั่วฟ้าดิน ทะเลเมฆสีเทาไร้ขอบเขตบดบังฟากฟ้าอีกครา
“ข้ายอมรับเจ้าที่มีเสื้อคลุมนภาเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อคนหนึ่ง เฉกเช่นพวกหวงกวงเลี่ย” สีหน้าอารมณ์หยวนเทียนเฉยชา สามารถเดนมาถึงความสูงในตอนนี้ ความตั้งใจของเขาแน่วแน่อย่างยิ่ง “แต่ท้ายที่สุดผู้ใดชนะผู้ใดพ่าย เพียงลมปากไม่อาจพิสูจน์ กระบวนท่าสองกระบวนท่าก็ไม่นับเช่นกัน มีเพียงตอนที่สิ้นลมแน่นิ่งเท่านั้น ถึงจะตัดสินชี้ขาดได้”
หยวนเทียนเอ่ยเยือกเย็น “กลับไม่รู้ได้ว่าเจ้ากับข้าประมือที่นี่ ทางเขากว่างเฉิงนั่นหลบเคราะห์ได้อย่างไร?”
“ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร การที่เจ้ากับเสื้อคลุมนภาออกจากสำนัก เขากว่างเฉิงล้วนหัวเดียวกระเทียมลีบ แม้หวงกวงเลี่ยไม่ได้ออกฌาน ขอเพียงสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีมาตรสุริยันวัดสวรรค์ อย่างไรก็ต้องมา”
—————————