“แม่หนูจะลำบากมาก ทั้งเรียนทั้งทำงาน แถมยังต้องดูแลเด็กทารกที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย พ่านพ่านจะช่วยแม่แบ่งเบาภาระงานดูแลน้องได้ไหมจ๊ะ? อย่างเช่นเปลี่ยนผ้าอ้อม หนูสำคัญกับแม่มากเลยนะ” นี่ก็เป็นการพูดชักจูงจิตใจเช่นกัน
“จริงเหรอฮะ? ผมทำได้เหรอ?” พ่านพ่านดวงตาเป็นประกาย เสี่ยวเชี่ยนลูบหัวเด็กน้อย
“ขอรับประกันด้วยหน้าสวยๆของอาเลย ที่อาพูดเป็นความจริงทุกอย่าง”
ครั้นแล้วพ่านพ่านก็ถูกสยบด้วยสาวสวยเหนือใครในปฐพี
แม่อวี๋พยักหน้าให้เสี่ยวเชี่ยนหลายที เก่งมาก ทำได้ดีมากจริงๆ
เสี่ยวเชี่ยนใช้วิธีเหมือนสอนหนังสือจัดการกับความกังวลของพ่านพ่าน ก่อนอื่นต้องทำให้เขามีความหวัง รับปากเด็กน้อยว่าหากมีน้องเขาจะได้ของที่อยากได้มานานแล้ว แบบนี้พ่านพ่านก็จะรอคอยการมาของน้อง ระหว่างนั้นก็คอยพูดกรอกหูว่าถึงมีน้องเขาก็จะไม่ถูกละเลย พอมีน้องแล้วก็ทำตามที่รับปากพ่านพ่านไว้ ซึ่งการทำแบบนี้จิตใต้สำนึกของพ่านพ่านจะรู้สึกว่าคำพูดของผู้ใหญ่เชื่อถือได้ บรรลุเป้าหมายได้รับความไว้วางใจจากเด็ก กำจัดความคิดที่เขาอาจคิดต่อต้านการมีน้องได้ทางอ้อม
ขณะเดียวกันก็รับปากว่าพ่อแม่จะให้เวลาเขาได้เหมือนเดิม อีกทั้งยังได้มอบภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้กับเขา ทำให้เด็กรู้ว่าตัวเองมีคุณค่า ช่วยเหลืองานได้ ดังนั้นเสี่ยวเชี่ยนถึงได้พูดว่าพ่านพ่านสำคัญกับต้าอีมาก
แต่ลำพังแค่นี้ยังไม่พอ ถ้าพวกคนปากมากพูดจาไม่ดีกับเด็กอีก คำพูดก็ยังคงส่งผลต่อพ่านพ่านอยู่ดี
เสี่ยวเชี่ยนมองแม่อวี๋ “แม่คะ แม่ไม่ได้ไปค้างที่บ้านพี่รองนานแล้วไม่ใช่เหรอคะ? ไปค้างสักสองสามวันสิคะ ไปดูหน่อยว่าเพื่อนบ้านคนไหนที่ชอบปากมาก”
แม่อวี๋เข้าใจทันที เธอพยักหน้า เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่เธอเอง
บังอาจพูดจาไม่ดีต่อหน้าหลานเธอ มันไม่สมควรให้อภัย
เรื่องที่คนของตระกูลอวี๋เกลียดที่สุดก็คือการยกตนข่มท่าน แต่ถ้ามีคนมาทำร้ายคนในครอบครัวล่ะก็ เรื่องนี้ไม่จบแน่
แม่อวี๋เข้าใจสิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนต้องการสื่อ สถานะเธอระดับไหนก็รู้ๆกันอยู่ ขอแค่เธอเอ่ยปากพูดอะไรออกไป ต่อไปก็จะไม่กล้ามีคนพูดจาไม่คิดต่อหน้าพ่านพ่านอีก
“เรื่องผู้ใหญ่แม่จัดการได้ แต่ก็ยังมีอีกด้านที่ต้องระวัง ปกติพ่านพ่านต้องมีลงไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆ เราต้องระวังพวกเด็กเกเรพูดจาไม่ดีใส่พ่านพ่านด้วย” เสี่ยวเชี่ยนคิดอย่างรอบคอบ
เด็กๆไม่เข้าใจเรื่องที่ซับซ้อนของผู้ใหญ่ แต่พฤติกรรมของเด็กย่อมสะท้อนความคิดของผู้ใหญ่ได้
ผู้ใหญ่หลายคนคิดว่าเด็กยังไม่รู้เรื่อง พูดจานินทาเรื่องคนอื่นให้เด็กได้ยิน เด็กยังแยกแยะเรื่องไหนควรพูดไม่ควรพูดไม่ได้ ก็อาจเผลอไปพูดใส่พ่านพ่าน
“เรื่องนี้ง่ายมาก เดี๋ยวก่อนเรากลับบ้านไปที่บ้านพี่รองกัน เรียกเด็กๆแถวนั้นมารวม ผมจะตบกะโหลกเรียงตัวเลย กล้ารังแกหลานผมมันเท่ากับหาเรื่องเจ็บตัวไม่ใช่เหรอไง?” เรื่องจัดการเด็กแสบเป็นงานถนัดของเสี่ยวเฉียง สมัยก่อนเขาเป็นหัวโจกเลยนะ ไม่ยอมหรอก
เสี่ยวเชี่ยนหันไปมองค้อนใส่ “นายยังมียางอายอยู่ไหม? จัดการเด็กมันน่าภูมิใจมากเหรอ? ไว้ฉันจะซื้อพวกลูกโป่งหรือของเล่นเล็กๆน้อยๆไปแล้วให้พวกคุณครูโทรหาพวกคณะกรรมการที่ดูแลหมู่บ้านรวบรวมเด็กๆมานั่งฟังบรรยายเรื่องสุขภาพจิต ฉันจะไปพูดเอง”
เสี่ยวเชี่ยนดันแว่นตา เสี่ยวเฉียงกลัวขึ้นมาทันที
เมียเขาขนาดบุคคลใหญ่โตอย่างพวกค้าอาวุธสงครามยังจัดการล้างสมองมาแล้ว ครั้งนี้จะล้างสมองเด็กด้วยเหรอ?
เสี่ยวเชี่ยนยิงฟันใส่ “ฉันล่ะเกลียดนักพวกเอะอะก็ใช้กำลัง ไม่มีศิลปะการเจรจาเลยสักนิด พ่านพ่านจ๊ะ หนูสบายใจได้ หนูมีครอบครัวอยู่กับหนู ไม่มีใครกล้ารังแกหนูได้แน่”
พ่านพ่านพยักหน้าใหญ่ รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวขึ้นมาทันที ถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดเมื่อครู่เท่าไร แต่กลับรู้สึกได้ถึงความห่วงใยของทุกคน
“จำไว้นะจ๊ะ คนข้างนอกจะพูดอะไรก็ช่างเขา ยังไงพวกเขาก็เป็นคนนอก พวกเราสิเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าทำร้ายคนในบ้านเพียงเพราะคนนอกเข้าใจไหมจ๊ะ?”
“เขายังเด็กคงไม่เข้าใจหรอกแม่ว่า” แม่อวี๋พูดพลางยิ้มๆ
กลับไม่รู้เลยว่า คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนส่งผลต่อพ่านพ่านไปตลอดชีวิต
จัดการเรื่องพ่านพ่านได้อย่างสบายๆ แม่อวี๋กลับโมโหอีกเรื่อง
“ถ้าพี่รองเอาใจคนเก่งอย่างเจ้าเล็กบ้างก็คงดี”
ช่วงสองวันนี้ที่เธอมาค้างบ้านลูกชาย รู้สึกได้อยู่อย่างเดียวคือลูกเล่นเอาใจเมียสารพัดของเจ้าเล็ก
ตารองสู้เรื่องแบบนี้น้องชายตัวเองไม่ได้เลยสักนิด
“อย่างเขาน่ะเหรอคะ เอาใจไม่ถูกที่ถูกทางมากกว่า” เสี่ยวเชี่ยนแอบแซะเบาๆ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องไข่ทอดความหมายพิสดารเมื่อเช้า
ตาบ้าเนี่ย ถ้าไม่ได้เธอรับเอาไว้ คนอื่นเอาไปมีเหรอจะเอาผู้ชายแบบนี้อยู่?
เสี่ยวเฉียงตกเป็นเป้าแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เสี่ยวเชี่ยนแสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าน้อยใจของเขา
“เรื่องพี่รองแม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เสี่ยวเฉียงรับหน้าที่จัดการพี่รอง ส่วนทางต้าอีหนูจัดการเองค่ะ”
“จึ๊ๆ ทำไมผมต้องไปจัดการพี่รองด้วย ธรรมชาติคัดสรรให้เหลือแต่สิ่งดีๆก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? อย่างพี่รองน่ะควรให้หาเมียไม่ได้ด้วยซ้ำ”
แม่อวี๋ถลึงตาใส่ “นั่นพี่ชายแกนะ คัดสรรบ้าบออะไร”
“ก็ได้ๆ เห็นแก่ที่เป็นสายเลือดเดียวกันหรอกนะ ผมจะอดทนไปทำหน้าที่พูดแนะนำก็ได้ จริงๆเลย นับตั้งแต่ผมออกจากหน่วยเก่าก็ไม่ค่อยได้เปิดคอร์สหาเมีย คอร์สพิชิตใจสาวเท่าไรแล้วนะเนี่ย”
“น้อยๆหน่อย แบบนายเนี่ยนะยังกล้าสอนคนอื่นอีกเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนทนฟังต่อไปไม่ไหว ทำไมความหนาของหน้าตานี่มันสร้างสถิติใหม่ได้ตลอดเวลาเลยนะ?
เสี่ยวเฉียงมีความมั่นใจเรื่องแบบนี้ เขาไม่ยอมรับคำประณามของเสี่ยวเชี่ยนหรอก
“ทำไมผมจะไม่กล้าล่ะ? ผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกนี้แต่งงานกับผมแล้ว ลำพังแค่เรื่องนี้ผมก็มีสิทธิ์เปิดคอร์สสอนคนแล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนเออออไปกับเขาดุจปาฏิหาริย์ ถึงเธอจะรู้สึกว่าความหลงตัวเองของเขานั้นมันน่าหมั่นไส้ แต่คำว่าผู้หญิงที่ดีที่สุดมันช่างโดนใจเหลือเกิน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากขัดจังหวะเขาอีก
“ตาบ้า ทำพูดดี”
เสี่ยวเชี่ยนตักซุปหอยนางรมสไตล์ฝรั่งเศสแล้วป้อนเขาด้วยตัวเอง
เสี่ยวเฉียงกินอย่างมีความสุข ถึงเมียเขาจะร้ายกาจบ้างเป็นบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่อ่อนโยนนะจะบอกให้
หอยนางลมช่วยให้ฟิตปั๋ง อืมๆ เขาจะไม่ทำให้เมียผิดหวังแน่นอน ต้องแสดงฝีมือให้เต็มที่
ครั้นแล้วเขาก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยหลังดื่มซุปขึ้นมาทันที เสี่ยวเชี่ยนไม่เข้าใจว่าทำไมดวงตาของอวี๋หมิงหลางถึงเป็นประกายขนาดนั้น ยังแอบคิดว่าเขาซึ้งใจ
เห้อ ต่อไปคงต้องดีกับเขาให้มากขึ้นหน่อยแล้วจริงๆ ดูซิเนี่ย แค่ดีด้วยนิดหน่อยก็ดีใจขนาดนี้เชียว แอบปวดใจเล็กๆ
พอคิดได้แบบนี้น้ำเสียงของเสี่ยวเชี่ยนก็อ่อนโยนมากขึ้น
“กินเยอะๆนะ” เธอป้อนเขาต่อ
ถ้าเกิดเธอรู้ว่าเวลานี้ในสมองของคนที่นั่งข้างๆกำลังจินตนาการเรื่องลามกอยู่ล่ะก็ เธอคงได้คว่ำชามซุปใส่หัวเขาแน่
แม่อวี๋ไม่รู้ว่าลูกชายกับลูกสะใภ้คิดอะไรกันอยู่ เห็นแต่ทั้งคู่แสดงความรักกันหวานชื่น ในใจก็พลอยอิ่มเอมไปด้วย
พอออกมาจากโรงแรมขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังคิดว่าจะหาทางคุยกับต้าอีตามลำพังยังไงอยู่นั้น ไม่นึกว่าอวี๋หมิงอี้จะพูดขึ้นมาก่อน
“เจ้าเล็ก เดี๋ยวออกไปกับพี่หน่อยสิ”
“อ่อ ผมมีเวลาสองชั่วโมงพอไหม?”
“พอ”
สองพี่น้องขับรถออกไปแล้ว เสี่ยวเชี่ยนคล้องแขนต้าอี “ไปเถอะ ไปเล่นบ้านเธอดีกว่า”