ตอนที่ 1754 การตายของจิ่นอวี้ (2)
แต่ว่า…เพราะนางใช้พลังฌานเพื่อปลดผนึกมัน ดังนั้นกระทิงสวรรค์ลงทัณฑ์โลหิตจะเชื่อฟังคำสั่งของนาง
เหตุผลที่นางไม่ใช่เครื่องรางนี้ตอนอยู่ที่ภูผาสุสานเทพก็เพราะนางซ่อนเครื่องรางเอาไว้และไม่ได้พกติดตัวมาด้วย ไม่อย่างนั้นวันนั้นคนพวกนี้ก็คงไม่สามารถออกมาจากภูผาสุสานเทพได้
“โฮก!” กระทิงโลหิตคำรามอย่างโกรธเคืองและเริ่มพุ่งเข้าหาอวิ๋นเซียวกับอวิ๋นลั่วเฟิง
“กระทิงโลหิต สังหารนังชั่วอวิ๋นลั่วเฟิงก่อน!” เมื่อนางเห็นกระทิงโลหิตพุ่งเข้าหาอวิ๋นเซียวก่อน ฉินลั่วก็รีบตะโกน “ส่วนจักรพรรดิปีศาจ เจ้าห้ามทำลายใบหน้าของเขา ข้ายังต้องกลับไปที่ภูผาสุสานเทพอีก ข้าไม่สามารถทนความโดดเดี่ยวที่นั่นได้”
พูดอีกอย่างก็คือ นางต้องการจะพาอวิ๋นเซียวกลับไปด้วยเพื่อไว้ใช้คลายเหงา
อย่างที่คิด กระทิงโลหิตเชื่อฟังคำสั่งของฉินลั่วและพุ่งเข้าหาอวิ๋นลั่วเฟิงแทน เขาทั้งสองของมันมีสีแดงเหมือนเปลวเพลิงและแหลมคมมาก
“ระวังด้วย” อวิ๋นเซียวยกแขนขึ้นและดึงอวิ๋นลั่วเฟิงเข้ามาในอ้อมกอด เขาขยับร่างไปด้านข้างและหลบการโจมตีของกระทิงโลหิต เขาขมวดคิ้วขณะที่จ้องกระทิงที่พุ่งเข้ามาอย่างดุร้าย
เมื่อเห็นว่ามนุษย์คนนี้สามารถหลบการโจมตีของมันได้ กระทิงโลหิตก็ยิ่งเดือดดาล มันตะกุยกีบเท้าบนพื้นสองสามครั้งก่อนจะหันหลังแล้วพุ่งไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง
“โจมตี! สังหารกระทิงตัวนี้ซะ!” จวินหลิงเทียนโกรธจัดและยกกระบี่ขึ้นมาก่อนจะพุ่งเข้าไปหากระทิง ทุกคนเอาก็ยกอาวุธของตัวเองขึ้นมาแล้วเริ่มโจมตีกระทิง
พวกเขาไม่ได้เมินเฉยสิ่งที่ฉินลั่วพูดก่อนหน้านี้ นางพูดว่าให้สังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่
“มอ!” นัยน์ตาของกระทิงเปลี่ยนเป็นแดงก่ำและพุ่งเข้าหาใครก็ตามที่ที่กล้าขวางทางมันราวกับว่ามันเป็นโรควัวบ้า
“บ้าเอ๊ย ข้าต้องจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่อย่างนั้นถ้าตระกูลฉินรู้เรื่องเครื่องรางที่ข้ามีละก็…” ดวงตาของฉินลั่วฉายแวววิตกกังวล
ใช่แล้ว นางขโมยเครื่องรางนี้มา!
นางอาจจะเป็นแค่คนตระกูลสาขาของตระกูลจวินแต่ว่าพรสวรรค์ของนางโดดเด่นมาก ดังนั้นครั้งหนึ่งนางจึงถูกคุณหนูของตระกูลหลักเลือกให้ไปเป็นเพื่อนศึกษาวิชา นางใช้โอกาสนั้นขโมยเครื่องรางของคุณหนูมา
โชคดีที่คุณหนูเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนและนางก็ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นคนขโมยเครื่องราง คุณหนูก็เลยไว้ชีวิตและผนึกพลังของนางเอาไว้ก่อนจะนำนางมาขังไว้ที่สถานที่ห่างไกล
นางเสี่ยงใช้เครื่องรางนี่ดังนั้นนางจึงต้องจบการต่อสู้ครั้งนี้ให้ได้ก่อนที่ตระกูลจวินจะรู้เรื่องนี้
ยิ่งไปกว่านั้น สาเหตุที่นางออกมาจากภูผาสุสานเทพได้ก็เพราะนางใช้วิชาร่างแปลงแล้วตัวนางจริงๆ ก็ยังซ่อนอยู่ในหุบเขา แน่นอนว่านางต้องเสียพลังไปมากเพื่อใช้วิชาร่างแปลง นั่นจึงทำให้นางไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วๆ นี้แน่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ดวงตาของฉินลั่วก็เป็นประกายและสายตาเย็นชาของนางก็ย้ายไปยังอวิ๋นลั่วเฟิงที่อวิ๋นเซียวปกป้องอยู่เมื่อครู่ด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ
“สังหารเจ้าคนเดียวก็พอ ข้าจะจัดการคนอื่นทีหลัง…”
ฟุบ!
ขณะที่ทุกคนกำลังเผชิญหน้ากับกระทิงโลหิต ร่างของฉินลั่วก็กลายเป็นกระบี่คมและพุ่งเข้าใส่อวิ๋นลั่วเฟิงอย่างรวดเร็ว
อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้าก็เห็นฉินลั่วพุ่งเข้ามา แล้วมุมปากของนางก็ยกขึ้นป็นรอยยิ้ม
ถ้านางยังไม่ได้ผ่านด่านเลื่อนระดับไม่แน่นางอาจจะต่อกรกับฉินลั่วไม่ได้แต่ตอนนี้นางมั่นใจเต็มร้อยว่านางเอาชนะฉินลั่วได้
แต่ว่าขณะที่นางกำลังรอการโจมตีอย่างใจเย็น ก็มีร่างร่างหนึ่งมาปรากฏตัวตรงหน้านางด้วยความเร็วดุจสายฟ้าและป้องกันการโจมตีที่หนักถึงตายเอาไว้
…………………………
ตอนที่ 1755 การตายของจิ่นอวี้ (3)
ฉึก!
มือของฉินลั่วไม่ต่างจากกระบี่คมและแทงทะลุหน้าอกของคนที่อยู่ตรงหน้านาง เลือดสาดกระจายออกมาจากหน้าอกของคนคนนั้นราวกับเป็นเหมยกุ้ยที่งดงามจนย้อมชุดคลุมของนางให้เป็นสีแดง
ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงฉายแววตะลึงขณะที่นางมองสตรีที่ป้องกันการโจมตี อาจจะเป็นเพราะนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงเข้ามาปกป้องตัวเองในเวลาแบบนี้
ปัง!
จิ่นอวี้ร่วงลงไปที่พื้นอย่างแรงจนทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปในอากาศ เลือดไหลทะลักออกมาจากปากของนางไม่หยุดและใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยเลือด
“แม่นางอวิ๋น เจ้าเป็นคนที่นายท่านอยากปกป้องดังนั้น ข้า ในฐานะที่เป็นข้ารับใช้ของนายท่านก็มีหน้าที่ต้องปกป้องคนที่เขาอยากปกป้องด้วยเหมือนกัน” เสียงของจิ่นอวี้อ่อนแรงมากแต่นัยน์ตาของนางกำลังมุ่งมั่นอย่างน่าประหลาด “หลายปีมานี้ที่นายท่านสร้างปัญหาให้เจ้าและทำแม้กระทั่งอยากได้ตัวเจ้า…แต่เขาไม่เคยทำร้ายเจ้า คนเดียวที่เขาทำร้ายก็คืออวิ๋นเซียว”
“คนที่เขาเกลียด ข้าก็อยากสังหารพวกเขาโดยไม่เสียดายชีวิตของตัวเอง ส่วนคนที่เขาอยากปกป้อง ข้าก็ต้องปกป้องพวกเขาด้วยทุกอย่างที่ข้ามี สิ่งนี้…คือหน้าที่ในชีวิตนี้ของข้า”
ดูเหมือนว่านางต้องใช้แรงทั้งหมดที่นางมีเพื่อพูดคำเหล่านี้ เปลือกตาของนางสั่นและค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ ทันทีที่นางหลับตา ภาพในอดีตก็ปรากฏขึ้นในความคิดของนาง…
นางนั่งคุกเข่าอย่างอ่อนแรงอยู่ข้างศพของบิดามารดาและซากปรักหักพังหลังสงคราม จากนั้นก็มีมือเรียวงามมือหนึ่งยื่นมาตรงหน้า
น้ำเสียงมีเสน่ห์และเย้ายวนของเด็กหนุ่มดังขึ้นที่ข้างหูนาง ราวกับเป็นเรื่องที่พึ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง “มาติดตามข้าและข้าจะช่วยเหลือเจ้าในอนาคต ส่วนเจ้า…เจ้าก็แค่ต้องมอบชีวิตตัวเองให้ข้า”
“ชีวิตของข้าถูกยกให้นายท่านแล้วเจ้าค่ะ และตอนนี้…ข้าก็จะคืนมันให้นายท่าน…”
คำพูดสุดท้ายของจิ่นอวี้มุ่งตรงไปยังไป๋ซู่ แต่ว่าทันทีที่นางพูดคำสุดท้ายจบ ดวงตาของนางปิดสนิทและแขนของนางก็ร่วงลงที่พื้น เลือดเจิ่งนองไปทั่วแผ่นดินใต้ร่างของนาง
“นังสารเลวนี่กล้าหยุดข้าไม่ให้สังหารนังอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างนั้นหรือ! ข้าทำให้เจ้ากลายเป็นเถ้าถ่าน!” ใบหน้าของฉินลั่วแสดงความมุ่งร้ายขณะที่นางยกมือขึ้นแล้วปล่อยเปลวไฟออกไป
เปลวเพลิงเกือบจะถึงตัวจิ่นอวี้แต่มือของนางก็ถูกกำไว้แน่นด้วยแรงมหาศาลทำให้เปลวเพลิงในมือนางเบี่ยงออกไปโดนความว่างเปล่า
“เจ้าอยากจะสังหารข้างั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มแต่เสียงของนางยังคงเฉยชาและดุร้าย “ข้าเกรงว่าต่อให้เป็นร่างที่แท้จริงของเจ้าก็ไม่แข็งแกร่งพอจะทำอย่างนั้น อย่าว่าแต่ร่างแปลงเลย”
ความตื่นตระหนกเข้าสู่ดวงตาของฉินลั่ว สตรีผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้นางเป็นแค่ร่างแปลง
ตูม!
กลิ่นอายสังหารถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของอวิ๋นลั่วเฟิง เส้นผมของนางปลิวไปในอากาศและชุดแต่งงานสีแดงของนางก็ร่ายรำไปตามสายลม ร่างของนางดูงดงามจนไร้ผู้ใดเทียบเทียม …..
ไกลออกไป ไป๋ซู่ก็เห็นร่างของจิ่นอวี้นอนจมกองเลือดอยู่ รูม่านตาของเขาก็หดตัวลง ไป๋ซู่กำหมัดแน่น ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก
“อวิ๋นลั่วเฟิง…” ไป๋ซู่เงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิงเงียบๆ “เจ้าและจักรพรรดิปีศาจเป็นศัตรูที่สร้างปัญหามากที่สุดที่ในชีวิตนี้ข้าเคยต่อกรมา ข้าอยากครอบครองเจ้าด้วยทุกอย่างที่เป็นไปได้แต่ไม่ใช่เพราะเจ้าสามารถช่วยข้าได้แต่เป็นเพราะ…เจ้าเป็นสตรีที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเจอมากกว่า”
ก็เหมือนกับที่สตรีชื่นชอบวีรบุรุษ บุรุษเองก็ชื่อชอบสตรีที่แข็งแกร่งเหมือนกัน แต่ก็แค่ชื่นชอบนั่นแหละ
“ถ้าชาติหน้ามีจริง…ข้าอยากจะเป็นเพื่อนกับเจ้าหรือแม้แต่ศัตรูที่นับถือซึ่งกันและกันก็ยังดี” ไป๋ซู่ยิ้ม “ฉินลั่วทำร้ายข้ามากเกินไป นางหลอกลวงข้าและยังสังหารจิ่นอวี้…ดังนั้น ศัตรูของนางควรเป็นข้า ข้ารู้นี่เป็นแค่ร่างแปลงของนางแต่ถ้าร่างแปลงของนางถูกทำลาย นางก็จะได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงมากเหมือนกัน!”