ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 957 วางสายลับ

กล่าวกันตามตรง สำหรับความคิดของหลี่ว์ซู่แล้ว ยังไม่มีประโยชน์ใดคุ้มค่าพอที่จะให้เขาขายตัวเองไปเป็นทาสได้ แม้กระทั่งระดับปรมาจารย์ก็ตาม  

 

 

ซุนจ้งหยางโบกมือแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ฉันไม่ชอบคนขายตัวเองเพื่อผลประโยชน์แบบนี้ที่สุด ยังมีทาสคนอื่นอีกไหม?”  

 

 

ผู้จัดการเฒ่าหัวเราะอย่างโอ่อวดขณะกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น กระผมจะพาทาสอีกสองสามคนมา แต่ท่านต้องเข้าใจนะว่านี่เป็นทาสที่ดีที่สุด พวกเขามักจะมาที่ตลาดด้วยเหตุผลของพวกเขาเอง และคนทั่วไปก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาที่นี่”  

 

 

“หมายความว่า มีทาสอย่างอื่นด้วยงั้นหรือ…” ซุนจ้งหยางลังเล “เช่นนั้นมีทาสหน้าตาดีมีคุณภาพเยี่ยมไหม? แล้วจะเป็นการดีที่สุดหากมีการศึกษาดีทั้งดีดพิณ เดินหมาก เขียนอักษรได้ และจะดียิ่งขึ้นหากเข้าใจบทกวีแห่งราชัน”   

 

 

เมื่อซุนจ้งหยางกล่าวเช่นนี้ ผู้จัดการเฒ่าก็เข้าใจได้ในทันที  

 

 

ทันใดนั้น หลี่ว์ซู่ก็พูดไม่ออก ปรากฏว่าในเมืองหลวงทาสประเภทนี้… ไม่มีความแตกต่างอะไรกับเหล่านางสนมในสมัยโบราณบนโลกนั้น?  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าทาสเหล่านี้ไม่มีอะไรน่าสนใจ… เดี๋ยวก่อน แล้วทำไมถึงพาทาสชายมาที่นี่ด้วย…  

 

 

เมื่อมองไปก็พบว่า คราวนี้ผู้จัดการเฒ่าพาทาสมามากกว่าสิบคนและครึ่งหนึ่งเป็นชาย ทว่าทันใดนั้น หลี่ว์ซู่ก็พบว่า อัจฉริยะแห่งเมืองหลวงที่อยู่ข้างๆ ซุนจ้งหยางพลันมีทีท่าตื่นเต้นอย่างมาก.. .  

 

 

เขาไม่เข้าใจโลกนี้จริงๆ   

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เหลือบมองไปที่หลี่ว์ซู่แล้วถามว่า “พวกเขาเป็นยังไง?”  

 

 

หลี่ว์ซู่กล่าวด้วยความรู้สึกชอบธรรมว่า “ฉันไม่ชอบเห็นคนขายตัวเองเพื่อผลประโยชน์”  

 

 

ผู้จัดการเฒ่าชำเลืองมองเขาและกล่าวกับซุนจ้งหยางว่า “พวกเขาล้วนมีความสามารถในการอ่านบทกวีแห่งราชัน ท่านอยากให้พวกเขาแสดงให้ชมหรือไม่ขอรับ?”   

 

 

ซุนจ้งหยางกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ให้ฉันได้ฟังบทกวีแห่งราชันสักสองบทเถอะ”  

 

 

หลี่ว์ซู่คิดกับตัวเองว่า นี่นายเป็นเด็กที่สนใจวรรณกรรมและศิลปะจริงๆ หรือ? ดูไม่เหมือนเลย!  

 

 

อย่างไรก็ตาม ชั่วขณะนั้นก็มีทาสสาวแสนสวยสวมชุดยาวสีเขียวกล่าวอย่างยโสว่า “ฉันได้ยินว่า ท่านเพิ่งกล่าวว่าไม่ชอบคนที่ขายร่างกายเพื่อผลประโยชน์มากที่สุด แต่ท่านอาจเข้าใจผิดไปเอง ในลานนี้ ไม่เพียงแต่นายจะเลือกทาส แต่ทาสยังเลือกนายของตนด้วย เป็นเรื่องง่ายสำหรับท่านที่จะทำให้เราท่องบทกวีแห่งราชัน แต่ผู้ใดจะรู้ว่าที่เรายอมจำนนต่อท่านนั้นมันผิดหรือไม่?”  

 

 

หลี่ว์ซู่ตกตะลึงเป็นเวลานาน พวกทาสที่นี่กล้าพูดแบบนี้เหรอ? ยังมีอีกหลายสิ่งในโลกนี้ที่เขายังไม่รู้อีกหรือ?   

 

 

หรือจางเว่ยอวี่จะพูดถูก? อย่างที่ได้พูดก่อนหน้านี้ว่าทาสที่มีความรู้และสามารถเป็นอาจารย์ได้ จะไม่เพียงแต่ไม่ถูกเจ้าของทาสทำทารุณกรรม แต่ยังจะได้รับความเคารพจากเจ้าของทาสอีกด้วย นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหม?  

 

 

หลี่ว์ซู่ตระหนักว่า ซุนจ้งหยางและพวกของเขาไม่ได้รี่ไปตบหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวด้วยความโกรธเกรี้ยวแต่อย่างใด แต่กลับดูเหมือนว่าจะมองอย่างครุ่นคิด  

 

 

แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กล่าวอย่างเย็นชาด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “มันเป็นเพียงแค่กลยุทธ์ทางการตลาดเท่านั้นแหละน่า”  

 

 

ทันใดนั้น ซุนจ้งหยางก็หัวเราะเสียงดังและกล่าวชัดเจนว่า “เอาอย่างนี้เป็นไง พวกเรามาเล่นกัน! เราจะต่อบทกวีแห่งราชันกันคนละประโยค ด้วยวิธีนี้ ทุกคนก็จะรู้ได้อย่างชัดเจนว่าแต่ละคนรู้กันมากแค่ไหน! ฉันจะเริ่มก่อน ข้าอยู่ต้นน้ำแยงซี!”  

 

 

จากนั้นคนข้างๆ เขาก็ยิ้มและกล่าวต่อบทว่า “ข้าอยู่ท้ายน้ำแยงซี”  

 

 

“คิดถึงท่านทุกวันไม่เห็นหน้า ได้แต่คนึงหาทวีคูณ” ใครบางคนกล่าวรับ  

 

 

และเป็นผลให้หลี่ว์ซู่ตื่นตกใจที่พบว่าถึงคราต่อบทของเขาแล้ว ทว่าแล้วประโยคต่อไปคืออะไรล่ะ?  

 

 

ทุกคนล้วนมองไปที่หลี่ว์ซู่ หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดเป็นเวลาราวสองวินาที “งั้นพวกเราไปสร้างหมู่บ้านใหม่ด้วยกันดีไหม?”   

 

 

“ได้รับแต้มอารมณ์จากซุนจ้งหยาง +666!”  

 

 

“ได้รับแต้มอารมณ์จากโม่เสี่ยวหยา +666!”  

 

 

“จาก…”   

 

 

พวกของซุนจ้งหยางทั้งหมดต่างก็รู้สึกพะอืดพะอมทันที พวกเขาดื่มน้ำจากแม่น้ำแยงซีร่วมกัน แต่นายกลับจะสร้างหมู่บ้านใหม่ด้วยกันหรือ? ไม่นะ มันเป็นแบบนั้นได้ยังไงนี่?!  

 

 

แล้วบรรยากาศสูงส่งสง่างามแต่เดิมนั้นก็ได้ถูกทำลายลงฉับพลัน  

 

 

หลี่ว์ซู่ยังสังเกตเห็นว่าทุกคนล้วนมีสีหน้ามืดมน เขาจึงกระแอมไอสองครั้งแล้วกล่าวว่า “อะแฮ่ม ฉันขอกลับไปที่กองคาราวานก่อน ขอให้ทุกคนสนุกนะ”  

 

 

ตลาดค้าทาสนี้ช่างไร้ความหมายจริงๆ ดังนั้นหลี่ว์ซู่จึงตัดสินใจไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาไม่สามารถเล่นอะไรก็ตามที่พวกผู้มีการศึกษาอย่างชนชั้นสูงเหล่านี้ชื่นชอบกัน  

 

 

แต่ในขณะนั้น สตรีสาวในชุดเขียวก็กล่าวขึ้นมาว่า “หากท่านยินดี ฉันก็ยินดีที่จะเป็นทาสของท่าน”  

 

 

หลี่ว์ซู่ชี้มาที่ตัวเองแล้วถามย้ำ “ฉันเหรอ?”  

 

 

สตรีสาวในชุดเขียวแย้มยิ้มและพยักหน้าพลางกล่าวตอบว่า “ใช่แล้ว”   

 

 

หลี่ว์ซู่ตกตะลึงไปชั่วขณะแล้วถามว่า “เธอคงกินอาหารกลางวันมากเกินไปแล้ว…”  

 

 

“ได้รับแต้มอารมณ์จากสวีมู่จวิน +199!”  

 

 

ซุนจ้งหยางและพวกของเขาต่างตกตะลึงเช่นกัน เพียงก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอเพิ่งมองหลี่ว์ซู่อย่างดูถูกราวกับว่าเขาว่าเป็นแค่เจ้าคนบ้านนอกหลังเขา แต่เวลานี้หญิงสาวกลับถามเขาว่าเขายินดีที่จะรับเธอเป็นทาสหรือไม่? จริงจังใช่ไหมนั่น? แล้วทำไมเธอถึงยอมขายตัวให้เป็นทาสเจ้าคนหลังเขานั่นล่ะ? ในสายตาของคนอย่างซุนจ้งหยางและพวกของเขานั้น แค่ประโยคของหลี่ว์ซู่ที่ว่า “สร้างหมู่บ้านใหม่ด้วยกัน” มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำที่จะเรียกเขาว่าคนบ้านนอก…  

 

 

ซุนจ้งหยางไม่เข้าใจจึงถามว่า “สาวน้อย บรรดาหนุ่มๆ ที่นี่ล้วนมีความสามารถทุกรูปแบบ บางคนร่ำรวย บางคนแข็งแกร่ง บางคนทรงพลังอำนาจ… ”   

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวจบ เด็กสาวนามสวีมู่จวินก็กล่าวออกมาทันทีว่า “ฉันเลือกคนที่หล่อเหลาที่สุดเท่านั้น”  

 

 

“ได้รับแต้มอารมณ์จากซุนจ้งหยาง …”   

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ครุ่นคิดลึกซึ้งทันที โลกนี้แปลกมาก บนโลกนั้น แม้หลี่ว์ซู่จะมีท่าทางดูดี แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดจะเรียกได้ว่าหล่อเหลาอะไรมากนัก มีเพียงคนโง่เท่านั้นแหละที่จะเรียกหลี่ว์ซู่แบบนั้นได้  

 

 

ดังนั้นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จึงคิดว่ามีอะไรผิดปกติกับสุนทรียศาสตร์ในการชื่นชมความงามในโลกใบนี้หรือไม่? หรือจะมีอะไรผิดปกติกับตัวตนของหลี่ว์ซู่? ถึงทำให้ทุกคนต้องคิดว่าหลี่ว์ซู่หล่อเหลา?  

 

 

หากมีบางอย่างผิดปกติกับตัวตนของหลี่ว์ซู่จริงๆ แล้วฉันจะไปหาคำตอบสำหรับคำถามนี้ได้ที่ไหนล่ะ?  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จึงถามหลี่ว์ซู่ด้วยเสียงต่ำว่า “เธอคิดว่าเรื่องนี้แปลกไหม?”  

 

 

หลี่ว์ซู่ถามด้วยความสงสัย “แปลกอะไรล่ะ?”  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ทำไมทุกคนที่นี่ถึงคิดว่าเธอหล่อ?”  

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดเป็นเวลาสองวินาทีแล้วตอบว่า “เพราะฉันหล่อจริงๆ ไม่ใช่เหรอ?”  

 

 

“ได้รับแต้มอารมณ์จากหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ +666!”  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองหลี่ว์ซู่อย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “เธอมันขี้โอ่จริงๆ ทำให้ความคิดของฉันวุ่นวายเสียสมาธิไปหมดแล้ว”   

 

 

ในเวลานี้ หลี่ว์ซู่มองไปที่สวีมู่จวินแล้วกล่าวอย่างจริงใจว่า “สาวน้อย ฉันไม่มีเงินที่จะซื้อเธอหรอก ฉันต้องเอาเงินไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น”  

 

 

ไม่มีเงินหรือ?   

 

 

ซุนจ้งหยางและพวกของเขาต่างพากันมองดูหลี่ว์ซู่ แม้แต่หญิงสาวอย่างโม่เสี่ยวหยาก็ยังแปลกใจ ผู้ซื้อทุกคนที่พวกเขาเคยเห็นจะชอบโอ้อวดเพื่อจะได้รับความสนใจจากสาวๆ แต่ชายหนุ่มคนนี้ได้สารภาพสถานะทางการเงินของเขาว่าไม่มีเงินเลย แล้วเขายังทำให้คนอื่นรู้สึกสบายกายสบายใจมาก โดยเฉพาะความรู้สึกว่าเชื่อถือได้เป็นพิเศษ  

 

 

สวีมู่จวินกล่าวอย่างสงบว่า “ฉันมีเงินอยู่บ้าง หากท่านยินดี เงินของฉันก็จะเป็นเงินของท่าน”  

 

 

และชั่วขณะนั้น… หัวใจของหลู่ซู่ก็พลันหวั่นไหว…   

 

 

ส่วนซุนจ้งหยางและพวกของเขาก็ตกใจ นี่คือเธอจะขายตัวเองเป็นทาสหรือเธอจะซื้อเจ้านายกันแน่? พวกเขาไม่เข้าใจสถานการณ์เช่นนี้!  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ผงะไปเช่นกัน เดิมทีเธอคิดว่าท่าทางเย่อหยิ่งของสวีมู่จวินนั้นเป็นเพียงแค่กลยุทธ์ทางการตลาด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น เธอจึงกล่าวกับหลี่ว์ซู่ว่า “เธอต้องมีแผนบางอย่างแน่!”  

 

 

ใบหน้าของหลี่ว์ซู่นิ่งสงบ “ใช่ ฉันเห็นด้วย เธอกำลังวางแผนล่อคนหล่ออย่างฉัน”  

 

 

ในขณะนั้น เหวินไจ้เฝ่ยก็กำลังสบถด่าอยู่ในราชสำนักว่า “ย่ามันเถอะ” ทำไมมันถึงยากนักที่จะวางใครสักคนให้เป็นสายลับอยู่ข้างๆ เขา?! เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset