ตอนที่ 479
เริ่มงาน
ระยะเวลา 1 เดือนนั้นเป็นเวลาที่มากพอจะเตรียมการงานแต่งสำหรับหญิงสาวสักคนได้อย่างเหลือเฟือแล้ว แต่สำหรับงานแต่งของไป๋หลินนั้นผู้จัดงานกลับพากันรู้สึกว่าช่างเป็นเวลาที่น้อยเหลือเกิน ทั้งนี้เพราะงานแต่งของไป๋หลินคราวนี้มีแขกมาจากต่างแดนมากมาย อย่างน้อยๆก็ต้องมีราชวงศ์ชิน ราชวงศ์อู๋ รวมทั้งอดีตราชวงศ์ไป๋และราชวงศ์หลิวมาร่วมงาน แน่นอนว่าราชวงศ์ต่างๆอย่างราชวงศ์ชูที่อยู่โดยรอบไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน ยิ่งเป็นการกลับมาอีกครั้งของจักรพรรดิไป๋อีกต่างหาก ด้วยทั้งหมดที่ว่ามานี้ทำให้เมืองทั้งเมืองกลายเป็นสถานที่จัดงานอย่างที่ชิงจื่อบอกเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย
“ท่านชิงจื่อ พวกเราติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ”ลูกน้องของชิงจื่อว่าพลางนำอุปกรณ์ลักษณะเป็นแผ่นสีดำขนาดใหญ่ขึ้นไปติดรอบเมือง ตอนแรกนึกว่าจะติดตั้งไม่ทันเสียแล้ว โชคดีจริงๆที่ท่านรูบี้มาช่วยงานพอดี ทำให้การประดิษฐ์เร็วขึ้นตั้งหลายเท่า
“เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยนะชิงจื่อ เอาไว้ข้าจะขอเอาไปใช้ที่ไชน์บ้าง”รูบี้ยิ้มพลางมองไปรอบๆเมืองด้วยท่าทีภูมิใจ หลังจากไป๋จูเหวินไปรับนางที่อาณาจักรไชน์ นางก็แวะไปหาหลิวเซียน ชิงจื่อ และ จินจื่อทันทีแน่นอนว่านางได้ทราบโครงการของชิงจื่อที่จะใช้กับงานแต่งของพี่ชายมันและตัดสินใจเข้าช่วยทันทีเลยก็ว่าได้
“ต้องขอบคุณท่านรูบี้มากขอรับที่ช่วยทำให้มันบางลงได้ขนาดนี้ ส่วนเรื่องจะเอาไปใช้ก็ทำได้ตามสบายเลยขอรับ”ชิงจื่อว่าพลางมองแผ่นสีดำที่ติดเอาไว้รอบเมือง ก่อนหน้านี้ที่ชิงจื่อคิดเอาไว้มันหนากว่านี้เกือบ 4 เท่า ทำให้มันกังวลว่าจะสามารถติดเอาไว้บนตัวอาคารได้หรือไม่ แต่พอมันบางแบบนี้นอกจากจะทำให้ติดตั้งง่ายแล้วยังประหยัดทรัพยากรมากขึ้นอีกต่างหาก
“เอาล่ะ แล้วอีกงานที่เจ้ารับผิดชอบล่ะ”รูบี้ถามพลางมองไปทางชิงจื่อ
“เรื่องนั้นจินจื่อเป็นคนจัดการขอรับ ตอนนี้น่าจะกำลังแต่งหน้าให้นางอยู่”ชิงจื่อตอบพลางยิ้มออกมา ตอนแรกมันหาตัวนักร้องมาเพื่อทดสอบสิ่งประดิษฐ์เท่านั้น ไม่คิดว่าจะได้ตัวนักร้องฝีมือยอดเยี่ยมมาคนหนึ่ง พวกมันประทับใจเสียงของชางซีมากถึงขั้นเสนอให้นางขึ้นแสดงในงานเลี้ยงตอนค่ำเลยทีเดียว
“ท่านชิงจื่อขอรับ ส่วนนี้ติดตั้งเสร็จหรือยังขอรับ”ทหารที่ทำหน้าที่ดูแลความสงบเดินเข้ามาถามชิงจื่อด้วยท่าทีกังวล ตอนนี้คนมาร่วมงานเยอะมากจนจะล้นออกไปนอกเมืองอยู่แล้ว แต่ต้องกั้นเขตเอาไว้เพื่อให้ชิงจื่อติดตั้งอุปกรณ์เสียก่อน ทำให้พวกทหารดูจะอยากให้ชิงจื่อรีบติดตั้งอุปกรณ์ให้เสร็จไวๆ
“เสร็จแล้ว เปิดทางได้เลย”ชิงจื่อว่าพลางสั่งให้ลูกน้องของมันเก็บของให้เรียบร้อยและทำการออกจากพื้นที่โดยเร็ว แม้เมืองร้อยแปดอสูรจะใหญ่แทบไม่ต่างจากเมืองหลวงแต่จำนวนคนมันก็มากเกินไปจริงๆ ถึงขั้นมีกฎห้ามอสูรคืนร่างในงานเลยทีเดียว
“ท่านพ่อ แบบนี้เราคงไปไม่ถึงในงานแน่ๆเลย”เด็กชายคนหนึ่งพูดขณะเดินเบียดเสียดกับผู้คนอยู่ภายนอก ตอนนี้พวกมันเข้ามาได้เพียงส่วนของเมืองชั้นนอกเท่านั้นไม่อาจเบียดเข้าไปยังเมืองชั้นในได้เลย
“ไม่เป็นไร พิธีแต่งงานขององค์หญิงไป๋หลินทั้งทีขอแค่ได้มาร่วมงานอยู่ห่างๆพ่อก็ดีใจแล้ว”พ่อของเด็กชายตอบพลางกุมมือลูกชายเอาไว้แน่น เด็กคนนี้พึ่งเกิดได้ไม่นานเลยยังไม่ทราบว่าที่ผ่านมาจักรพรรดิไป๋ทำอะไรไว้บ้าง ต่างกับผู้เป็นพ่อที่อยู่ในช่วงที่ไป๋จูเหวินยังเป็นจักรพรรดิอยู่ ทุกคนที่มางานในวันนี้ต่างหวังเพียงได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานเท่านั้น
พรึบ!!! ขณะที่ทุกคนกำลังเบียดเสียดกันอยู่ในเมือง อยู่ๆแผ่นสีดำที่ชิงจื่อติดตั้งเอาไว้รอบเมืองก็ปรากฏแสงจ้าออกมาทำเอาเหล่าผู้เข้าร่วมงานต่างหันไปมองเป็นตาเดียว
“สวัสดีประชาชนทุกท่าน วันนี้เราได้คำนวณเอาไว้แล้วว่าจำนวนคนต้องมากมายมหาศาลเป็นแน่ ท่านชิงจื่อจึงได้เตรียมสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้เอาไว้เพื่อตอบรับแขกทุกท่านที่มางานในวันนี้”อยู่ๆภาพของจักรพรรดิอู๋ อู๋เทียนหมิงก็ปรากฏขึ้นภายในแผ่นสีดำทำเอาคนรอบๆตื่นตกใจเป็นอย่างมาก มันเหมือนภาพถ่ายที่กำลังเคลื่อนไหวได้ไม่มีผิด
“สิ่งที่พวกท่านเห็นอยู่คือภาพสดๆจากภายในงาน ไม่ว่าตอนนี้พวกท่านจะอยู่มุมไหนในเมืองก็สามารถมองเห็นพิธีได้อย่างชัดเจนแน่นอน”อู๋เทียนหมิงพูดจบภาพก็ตัดไปที่ขบวนขันหมากที่กำลังแห่เข้าไปในวังมังกร ด้วยการฉายภาพผ่านทางจอทำให้คนที่พยายามเบียดเข้าไปชมงานเริ่มพากันหยุดและมองไปที่หน้าจอแทน
“ยอดเลยนะคะอาจารย์”หลี่เย่พูดพลางมองภาพการถ่ายทอดสดตรงหน้า นอกจากเทคโนโลยีใหม่ที่พึ่งเปิดเผยต่อสายตาประชาชนแล้ว ภาพงานแต่งของไป๋หลินที่กำลังถ่ายทอดสู่สายตาประชาชนก็ดูยิ่งใหญ่อลังการมากทีเดียว
“ห้องทดลองของอาณาจักรไป๋สร้างความตื่นเต้นได้ไม่หยุดจริงๆ”เหล่าเซียงถอนหายใจด้วยท่าทียอมรับ ตั้งแต่รูบี้เริ่มก่อตั้งห้องทดลองขึ้นมา วิทยาการณ์ก็ก้าวกระโดดอย่างมาก นางที่เคยอาศัยอยู่ในโลกเมื่อร้อยกว่าปีก่อนไม่เคยคิดเลยว่าจะมีภาพแบบนี้ให้นางได้เห็น
“นั่น พี่หลี่เย่นี่ขอรับ”ขณะที่หลี่เย่กำลังชื่นชมจอภาพกับอาจารย์อยู่นั้น อยู่ๆเสียงของไป๋จูล่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของพวกนางเสียก่อน ทำเอาหลี่เย่สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
“น้องจูล่ง เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”หลี่เย่ถอยหลังไปหลายก้าวทันทีเมื่อเห็นจูล่ง แม้นางจะไปขอร้องไป๋จูเหวินเรื่องการรักษาก่อนหน้านี้มาแล้ว แต่นางก็ยังไม่ได้คุยอะไรกับไป๋จูล่งเลยเพราะนางยังไม่ทราบว่าบทลงโทษที่จิ้งจอกเหมันต์สั่งเอาไว้ยังมีผลหรือไม่
“พี่ชิงจื่อบอกว่าติดตั้งสิ่งประดิษฐ์ใหม่เอาไว้ทั่วเมืองเลย ข้าก็เลยมาดู”จูล่งยิ้มด้วยท่าทีใสซื่อเช่นเดิม ทำเอาหลี่เย่ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ
“เจ้าเป็นน้องชายของท่านไป๋หลินนะ เจ้าต้องไปอยู่ในงานสิ”หลี่เย่เตือน เพราะอย่างไรไป๋จูล่งก็เป็นพี่น้องของฝ่ายหญิงสมควรเข้าร่วมงานไม่ใช่หรือ
“ทางนี้น่าสนใจกว่านี่นา”จูล่งว่าพลางทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย ตัวมันอยากเห็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ของชิงจื่อมากกว่าอยู่รอในงานเสียอีก แถมเรื่องเปิดตัวจูล่งยังต้องรอช่วงงานเลี้ยงตอนเย็นที่ไม่มีการถ่ายทอดสดแล้วอีกต่างหาก
“ไม่ได้ เจ้าต้องเข้าไปอยู่กับพี่สาวเจ้านะ”หลี่เย่ส่ายหน้าช้าๆ หากวันหนึ่งนางได้แต่งงานก็อยากให้มีคนสำคัญมาอยู่ด้วยเป็นธรรมดา
“ก็ได้ขอรับ…”จูล่งตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย ถึงอย่างไรมันก็ได้ดูสิ่งประดิษฐ์ของชิงจื่อแล้วนี่นะ
“จริงสิ พี่หลี่เย่พี่มากับข้าสิ”จูล่งว่าพลางยื่นมือมาทางหลี่เย่ราวกับจะบอกให้นางไปกับตนเอง
“คนเยอะจริงๆ ข้าขอกลับก่อนแล้วกัน วันนี้เจ้าจะไปกับเจ้าหนูนี่สักหน่อยก็แล้วแต่เจ้านะ”เหล่าเซียงพูดพลางผลักร่างของหลี่เย่ให้เดินเข้าไปหาจูล่งพอดี
“อาจารย์ ข้า….”หลี่เย่อึ้งไปทันทีเมื่อเห็นอาจารย์ทำเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าพวกนางไม่ได้จะหลอกจูล่งอีกแล้วงั้นหรือ ทำไมยังจะยัดเยียดให้นางไปกับจูล่งอีก
“เจ้ามีเรื่องที่ยังไม่ได้บอกมันไม่ใช่หรือ”เหล่าเซียงถอนหายใจออกมาก่อนจะโบกมือไล่หลี่เย่ให้ตามจูล่งไปเสีย
“ไปกันเถอะขอรับ”จูล่งว่าพลางจับมือหลี่เย่เอาไว้ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังคาอย่างรวดเร็ว ความจริงในงานนี้ห้ามไม่ให้คนใช้วิชาตัวเบาขึ้นไปยืนบนสิ่งก่อสร้าง แต่ไป๋จูล่งอยู่ในชุดทางการซึ่งเหมือนเป็นป้ายบอกอยู่แล้วว่าจูล่งเป็นแขกที่มีสิทธิ์เข้าไปในวังมังกร ทำให้ไม่มีใครเข้ามาห้ามมันไม่ให้เดินบนหลังคาแทนพื้นถนนแม้แต่คนเดียว
“น้องจูล่ง…”หลี่เย่พูดพลางมองไปที่จูล่งด้วยท่าทีลำบากใจ ครั้งสุดท้ายที่นางได้คุยกับจูล่งคือตอนที่นางยอมรับว่ากำลังหลอกจูล่งอยู่ แต่ตอนนั้นนางพยายามรับผิดแทนอาจารย์เท่านั้น แต่ตอนนี้ท่านจิ้งจอกเหมันต์รู้เรื่องหมดแล้ว ทำให้นางอยากจะแก้ไขความเข้าใจผิดกับจูล่งมาตลอด
“วันนั้นข้า…ไม่ได้อยากจะหลอกเจ้าจริงๆนะ”หลี่เย่พูดพลางชะลอความเร็วลง
“เรื่องนั้นข้ารู้อยู่แล้วขอรับ”จูล่งตอบพลางยิ้มกว้างออกมา ตัวมันไม่เชื่อเรื่องที่หลี่เย่บอกว่าตั้งใจจะมาหลอกตนเองอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะมองอนาคตสักกี่รอบหลี่เย่ก็ไม่ได้ทำอะไรตนเองเลย ไม่ว่าวันนั้นท่านน้าจิ้งจอกจะปรากฏตัวขึ้นมาหรือไม่ หลี่เย่ก็ไม่ได้เอาอะไรจากมันไปเลยแม้แต่อย่างเดียว
“แถมท่านน้าจิ้งจอกก็เล่าเรื่องอาจารย์ของพี่ให้ข้าฟังแล้วขอรับ พี่ไม่ได้อยากจะหลอกข้าสินะขอรับ”จูล่งตอบด้วยรอยยิ้ม มันไม่เชื่ออยู่แล้วยิ่งได้คำตอบจากน้าจิ้งจอกว่าจริงๆแล้วหลี่เย่โดนอาจารย์ของนางสั่งให้ทำเช่นนั้นไป๋จูล่งก็ไม่คิดจะถือสาแต่อย่างไร ไม่อย่างนั้นวันนี้มันคงไม่มาทักนางเพราะบังเอิญเจอกันในเมืองหรอก
“จริงสิ ท่านน้าจิ้งจอกยังบอกด้วยว่าถ้าข้าจะมาหาท่านอีกก็ได้นะขอรับ”จูล่งเล่าพลางพาหลี่เย่เข้าไปในวังมังกรโดยไม่มีใครออกมาห้ามแม้แต่คนเดียว
“งั้นหรือ”หลี่เย่ถอนหายใจอย่างโล่งอก งั้นก็แสดงว่านางยังสามารถพบเจอกับจูล่งได้สินะ
“น้องจูล่ง?” ขณะกำลังเดินผ่านห้องต่างๆภายในวังมังกร อยู่ๆก็มีหญิงสาวสองคนหยุดหันมามองทางจูล่งเสียก่อน พวกนางเดินทางมาพร้อมกับคนของสำนักเทพจุติพอดี ทำให้ทั้งต้าเซียนและภรรยาเองก็จำจูล่งได้เช่นกัน
“น้องจูล่ง เจ้ามาทำอะไรที่นี่หรือ”ต้าเฉียนถามพลางเดินเข้ามาหาจูล่งด้วยท่าทีประหลาดใจ ภายในวังมังกรแห่งนี้มีแต่แขกผู้ทรงเกียรติเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ การที่จูล่งมาเดินในวังมังกรหน้าตาเฉยเช่นนี้ก็หมายความว่าจูล่งต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ…หรือไม่มันก็ถือวิสาสะเข้ามาเหมือนตอนบุกเข้าสวนของพวกนางกระมัง
“พี่ต้าเฉียน พี่ต้าหวานสวัสดีขอรับ”จูล่งยิ้มกว้างพลางพาหลี่เย่เข้าไปหาพวกนางทันที
“สวัสดีเจ้าค่ะคุณหนูต้าเฉียน คุณหนูต้าหวาน”หลี่เย่ที่โดนลากเข้าไปรีบประสานมือคารวะทั้งสองทันที พวกนางเป็นถึงคุณหนูของสำนักเทพจุติ แต่นางก็ไม่แปลกใจหรอกที่จูล่งรู้จักกับพวกนาง
“ท่านหมอหลี่เย่…จูล่งเจ้ารู้จักท่านหมอด้วยงั้นหรือ”ต้าเฉียนถามพลางมองไปทางหลี่เย่ด้วยท่าทีตกใจ นางเป็นหมอเทวดาคนใหม่แห่งอาณาจักรอู๋ ว่ากันตามตรงชื่อเสียงนางมีมากกว่าพวกต้าเฉียนที่เก็บตัวอยู่แต่ในสำนักเสียอีก
“ขอรับ ข้าได้พี่หลี่เย่ช่วยเอาไว้บนรถไฟพอดี”ไป๋จูล่งตอบ ก็มันเอายาของหลี่เย่มารักษาคนนี่นะ
“งั้นหรือ ว่าแต่จูล่ง เจ้ามากับใครงั้นหรือ”ต้าหวานถามพลางมองไปรอบๆ หรือว่าจูล่งจะมากับหลี่เย่กัน นางเป็นหมอเทวดาที่ช่วยเหลือคนมามากมายจะได้รับเชิญมางานก็ไม่แปลกเสียด้วย
“ข้ามากับครอบครัวขอรับ”จูล่งตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ ก็มันมากับครอบครัวจริงๆนี่นะ
“ครอบครัว? แล้วครอบครัวเจ้าไปไหนกันล่ะ”ต้าหวานถามพลางมองไปรอบๆอีกครั้ง ตรงนี้มีแขกที่พึ่งมาถึงจำนวนมากทีเดียว แล้วใครกันล่ะครอบครัวของจูล่ง
“ล่งเอ๋อ เจ้าหายไปไหนมา”ยังไม่ทันได้ตอบอะไร อยู่ๆร่างของเหม่ยหลินมารดาของจูล่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าแขกร่วมงานพอดี
“ข้าไปดูสิ่งประดิษฐ์ของพี่ชิงจื่อมาขอรับ”จูล่งตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทำเอาเหม่ยหลินได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ
“พี่สาวเจ้ากำลังจะขึ้นเกี้ยวอยู่แล้ว เจ้ามากับแม่เดี๋ยวนี้เลย”เหม่ยหลินว่าพลางลากตัวจูล่งไปเสียอย่างนั้นทำเอาสามสาวที่ได้พบจูล่งโดยบังเอิญได้แต่มองตามด้วยท่าทีสับสน หลี่เย่ที่ทราบอยู่แล้วนั้นไม่เท่าไหร่หรอก แต่ต้าเฉียนกับต้าหวานนี่สิกลับได้แต่อึ้ง เพราะพวกนางพึ่งได้ทราบว่าจริงๆแล้วนายน้อยของพวกท่านพ่อก็คือจักรพรรดิไป๋นั่นเอง แล้วคนที่พวกนางกำลังจะได้ติดตามก็คือบุตรชายคนเล็กของจักรพรรดิไป๋ที่จะได้พบในคืนนี้ แต่เมื่อครู่ท่านมเหสีเหม่ยหลินพึ่งจะลากตัวจูล่งไปแล้วบอกว่ามันเป็นบุตรชายงั้นหรือ
“………”ทั้งต้าเฉียนและต้าหวานหันมามองตากันด้วยท่าทีอึ้งๆ บางทีโลกก็กลมจนน่าประหลาดจริงๆ