เดิมพันเสน่หา – ตอนที่ 106 รวมกลุ่มกันกระโดดลงทะเล

เหลิ่งรั่วปิงจับกล้องส่องทางไกลแน่น หัวใจของเธอเต้นแรง เธอรู้ดี หลินมั่นหรูไม่มีทางปล่อยให้ถังเฮ่ารู้ว่าตนเป็นใคร เพราะนั่นไม่ส่งผลดีกับเธอแม้แต่น้อย แต่ของของเธอตกอยู่ในมือของถังเฮ่าแบบนี้ ไม่นานเขาต้องสืบจนรู้ความจริงแน่ๆ ถ้าตัวตนของหลินมั่นหรูถูกเปิดโปง เช่นนั้นเธอก็จะตกอยู่ในอันตราย เวลานี้แผนการแก้แค้นของเธอดำเนินไปกว่าครึ่งแล้ว ทุกอย่างล้มเหลวเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เธอต้องรีบทำให้หลินมั่นหรูหายไปจากเมืองหลงอย่างรวดเร็ว  

 

 

หนานกงเยี่ยสังเกตเห็นความผิดปกติของเหลิ่งรั่วปิง เขาก้มหน้าลงถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรรึเปล่าครับ”  

 

 

“เปล่าค่ะ เห็นของในมือของคุณถัง ทำให้ฉันคิดถึงประเทศของตนเองค่ะ”  

 

 

คิ้วขมวดของหนานกงเยี่ยคลายลง เขาเข้าใจแล้ว ถึงแม้เธอจะเกิดที่เมืองหลง แต่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก ทำให้เธอตกย้ายไปอยู่ซีหลิง เหลิ่งรั่วปิงใช้ชีวิตที่นั่นมานานกว่าสิบปี เธอคงผูกพันกับที่นั่น  

 

 

ทั้งสามพูดคุยเรื่องของถังเฮ่าอยู่พักหนึ่ง อยู่ดีๆ อวี้ไป่หันก็พูดขึ้นด้วยความเบื่อหน่าย “อากาศดีขนาดนี้ พวกเราเอาแต่นอนอาบแดดแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ หาอะไรสนุกๆ ทำกันเถอะ?”  

 

 

หนานกงเยี่ยเอนตัวลงนอนบนเก้าอี้ชายหาดด้วยความขี้เกียจ “แกว่ามาสิ จะหาอะไรสนุกๆ ทำ”  

 

 

อวี้ไป่หันมองไปทางเหลิ่งรั่วปิง “รั่วปิง คุณเสนอไอเดียหน่อย”  

 

 

เหลิ่งรั่วปิงมองไปรอบๆ ดวงตาของเธอเปล่งประกาย “ไปกระโดดลงทะเลกันดีไหมคะ” นิ้วมือเรียวยาวของเหลิ่งรั่วปิงชี้ยังหน้าผาทางทิศใต้  

 

 

อวี้ไป่หันอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ “เหลิ่งรั่วปิง คุณเล่นอะไรที่ท้าทายมาก!” หน้าผานั้นสูงกว่าหกสิบเมตร กระโดดลงมาจากที่นั่น ต้องมีความกล้ามากพอถึงจะทำได้  

 

 

“อย่าบอกฉันนะว่าคุณไม่กล้า” เหลิ่งรั่วปิงมองไปทางอวี้ไป่หันด้วยความเย้ยหยัน  

 

 

แน่นอนว่าอวี้ไป่หันต้องรักษาศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของตนเอาไว้ “ใครบอกว่าผมไม่กล้า แม้แต่คุณยังกล้ากระโดดทำไมผมต้องไม่กล้าด้วย”  

 

 

“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะเสียงดัง เขาเองก็ตกใจมาก คิดไม่ถึงว่าเหลิ่งรั่วปิงจะกล้าเล่นเกมส์แบบนี้ เขาอยากจะดูสิ อีกเดี๋ยวเธอจะยังใจกล้าอยู่ไหม  

 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าพูดพร่ามอีกเลย ไปกันเถอะ” เหลิ่งรั่วปิงลุกขึ้น เธอชอบเล่นเกมส์แบบนี้มาก เริ่มอดใจรอไม่ไหวแล้ว  

 

 

อวี้ไป่หันเองก็ลุกขึ้นด้วยความสนุก “ถังเฮ่า เฉิงซี ไปกันเถอะ ไปกระโดดลงทะเลกัน!”  

 

 

ถังเฮ่าและมู่เฉิงซีมองไปทางอวี้ไป่หันพร้อมกัน จากนั้นสายตาของพวกเขาก็หยุดมองที่หน้าผา ทั้งสองนึกสนุกขึ้นมา พวกเขาเป็นคนที่มีฝีมือ การเล่นเกมส์ที่ท้าทายแบบนี้เป็นอะไรที่มันส์มาก  

 

 

ขณะที่พวกเขายืนขึ้น กำลังจะไปเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำ มีผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาคุ้นเคยเดินออกมาจากวิลล่า เธอสวมชุดกระโปรงสำหรับเที่ยวทะเลสีฟ้าคราม ผมยาวสลวยพริ้วไปตามแรงลม ร่างกายของเธอบอบบาง เดินด้วยความเบาหวิว ตอนที่เธอเดินอยู่บนชายหาดรวากับดอกลิลลี่รับแดด  

 

 

อวี้หลานซียังคงสวยและมีสง่า  

 

 

เมื่อเห็นอวี้หลานซี ทุกคนต่างพากันประหม่า แม้แต่มู่เฉิงซีเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้เกลียดอวี้หลานซี แต่เขากลัวว่าการมาของเธอจะส่งผลต่อจิตใจของเวินอี๋  

 

 

อารมณ์ของหนานกงเยี่ยเวลานี้ซับซ้อน เขาลอบมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง สีหน้าของเธอยังดูเป็นปกติ เดาไม่ออกว่าเธอกำลังรู้สึกยังไง เขาไม่มีความมั่นใจ แต่ว่าเขาทำใจไล่อวี้หลานซีไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงคลายยิ้มบางๆ ให้กับอวี้หลานซี  

 

 

“วู้~” อวี้ไป่หันคลายบรรยากาศตึงเคลียดเก่งที่สุด เสียงเป่าปากดังขึ้น “หลานซี คุณยิ่งอยู่ก็ยิ่งสวยนะครับ!”  

 

 

อวี้หลานซียิ้มอย่างสง่างาม น้ำเสียงของเธออ่อนโยน “ขอบคุณนะคะไป่หัน ฉันอยู่บ้านคนเดียวน่าเบื่อมาก พอได้ข่าวว่าพวกเขาออกมาเที่ยวกันก็เลยมาด้วย ถือสาไหมคะถ้าฉันจะเที่ยวด้วย”  

 

 

ถึงแม้ตอนที่เธอพูดจะมองหน้าอวี้ไป่หัน แต่ทุกคนล้วนรู้ดีว่าเธอกำลังถามหนานกงเยี่ย อวี้ไป่หันจึงยิ้มแล้วหันไปมองหนานกงเยี่ย “ผมยินดีอยู่แล้วครับ แกละหนานกง?”  

 

 

หนานกงเยี่ยคลายยิ้ม เขามองไปที่อวี้หลานซี “ยินดีครับ”  

 

 

เมื่อได้รับอนุญาตจากหนานกงเยี่ย อวี้หลานซีดีใจมาก เธอรีบหันไปทางเหลิ่งรั่วปิงแล้วพูดขึ้น “รั่วปิง คุณคงไม่ถือสาที่ฉันมาเที่ยวกับคุณใช่ไหมคะ” เธอไม่เรียกเหลิ่งรั่วปิงว่าคุณเหลิ่งแล้ว  

 

 

เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ ภายในใจของเธอรู้สึกอึดอัดมาก ไม่ว่าเธอจะรักหรือไม่รักหนานกงเยี่ย แต่ความสัมพันธ์แบบนี้มันน่ากระอักกระอ่วน “คนอย่างฉันมีสิทธิ์อะไรไปถือสาคุณอวี้คะ คุณไม่ต้องสนใจฉันหรอกค่ะ” แววตาของอวี้หลานซี มองไปที่เธอด้วยสายตาเหมือนเมียหลวงมองเมียน้อย เธอเกลียดสายตานี้มาก  

 

 

คำพูดนี้คนอื่นฟังแล้วไม่ได้รู้สึกอะไร เป็นเพียงคำพูดเกรงใจเท่านั้น แต่สำหรับหนานกงเยี่ยกลับไม่รื่นหูเลยสักนิด คนอย่างเธองั้นหรอ เธอเป็นถึงผู้หญิงของหนานกงเยี่ย แต่เธอกลับเอาแต่ปฏิเสธ ถึงแม้ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจะเหนียวแน่น แต่คำพูดของเธอยังคงทำร้ายจิตใจ  

 

 

อวี้หลานซีคลายยิ้ม มองไปที่อวี้ไป่หัน “พวกคุณจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนคะ”  

 

 

อวี้ไป่หันชี้ไปตรงหน้าผา “พวกเราจะไปกระโดดทะเลกันครับ หลานซี คุณกล้าไปไหม”  

 

 

อวี้หลานซีมองไปที่หน้าผา สีหน้าของเธอซีดขาวเล็กน้อย เธอเงียบไปพักหนึ่ง เม้มกัดฟัน “กล้าสิ”  

 

 

 ทุกคนมองไปที่เธอด้วยความตกใจ ไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ เธอไม่ใช่เหลิ่งรั่วปิง เธอเป็นเหมือนดอกไม้ที่อยู่ในเรือนแก้ว เป็นผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เติบโตมาพร้อมกับการเล่นเปียโนและวาดภาพ เธอไม่เคยลำบากมาก่อน เกมส์ที่ท้าทายแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอ  

 

 

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลานซี อย่าฝืนเลย คุณนั่งเล่นอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว”  

 

 

อวี้หลานซีมองไปทางหนานกงเยี่ยด้วยความดึงดัน “ฉันทำได้ค่ะ!” ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง เพื่อที่จะได้คู่ควรกับหนานกงเยี่ยมากกว่าเดิม เช่นนั้นเธอต้องท้าทายกับความยากลำบากทุกรูปแบบ  

 

 

หนานกงเยี่ยรู้ว่าเธอรู้สึกยังไง แต่เขาก็จนปัญญา “ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นไปที่หน้าผากัน” เขาเชื่อว่า ตอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผา เธอไม่กล้ากระโดดแน่นอน  

 

 

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่พูดอะไรให้เสียเวลาอีก ต่างแยกย้ายกันกลับเข้าไปในวิลล่าเพื่อเปลี่ยนชุด  

 

 

หนานกงเยี่ยเดินตามเหลิ่งรั่วปิงเข้าไปในห้อง เขาเลือกชุดว่ายน้ำให้เธอด้วยตนเอง เขาเลือกชุดในตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ สุดท้ายก็เจอชุดว่ายน้ำที่เรียบร้อย เขาไม่อยากให้เธอโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งของตนเองให้คนอื่นเห็น  

 

 

เหลิ่งรั่วปิงไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่เธอพอใจกับชุดว่ายน้ำที่เขาเลือกให้มาก เพราะเธอเองก็ไม่อยากใส่ชุดว่ายน้ำที่โป๊จนเกินไป  

 

 

หลังจากเปลี่ยนชุดว่ายน้ำเสร็จ ขณะที่กำลังเดินออกไป อยู่ดีๆ หนานกงเยี่ยช้อนตัวเธอขึ้นมา “ผมไม่รู้ว่าหลานซีจะมาที่นี่ อย่าโกรธผมเลยนะ หื้ม?”  

 

 

เหลิ่งรั่วปิงยิ้มบางๆ “ฉันมีสิทธิ์อะไรไปโกรธคุณคะ”  

 

 

หนานกงเยี่ยโมโห เขาวางตัวเธอลง เชยคางเธอขึ้น “คุณต้องพูดกับผมแบบนี้จริงๆ หรอ”  

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้นด้วยความไม่พอใจ “คุณอยากฟังอะไรละคะ อยากให้ฉันบอกว่ายินดีที่จะอยู่ร่วมกับว่าที่เจ้าสาวของคุณ เป็นนางบำเรอที่สงบเสงี่ยม?”  

 

 

หนานกงเยี่ยกัดฟันกรอด เขาเม้มกัดริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง ใช้มือจับคางเธอแน่น “ผมไม่เคยแต่งงานและไม่เคยหมั้นมาก่อน แล้วผมจะมีว่าที่เจ้าสาวได้ยังไง แล้วตอนนี้ผมกำลังเลี้ยงดูคุณอยู่หรอ ทำไมถึงเรียกตัวเองว่านางบำเรอ”  

 

 

เหลิ่งรั่วปิง “…”  

 

 

“คุณฟังให้ดีนะ ตอนนี้คุณเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ย เป็นผู้หญิงที่ผมพาออกไปให้ทุกคนรู้จักอย่างเปิดเผย คุณอย่าโมโหใส่ผม! หลานซีเป็นผู้หญิงที่ดี ผมเห็นเธอเป็นน้องสาวของตนเอง ผมอยากให้คุณดีกับเธอหน่อย แค่เท่านี้”  

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเม้มกัดริมฝีปาก เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะเธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เขาบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เขาพาออกไปให้ทุกคนรู้จักอย่างเปิดเผย ไม่ได้เป็นนางบำเรอ แต่มันแตกต่างตรงไหน เธอกับเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะความรัก เธออยู่กับเขาเพราะความเผด็จการ ในสายตาของคนอื่นเธอเป็นแค่สัตว์เลี้ยงชั่วคราวของเขา เมื่อไหร่ที่เขาเบื่อก็พร้อมจะถีบหัวส่ง  

 

 

“ฉันไม่ได้โมโหใส่คุณ คุณเคยเอาเงินหนึ่งล้านหยวนมาปิดปากฉัน ไม่ให้ฉันพูดเหลวไหลกับคุณอวี้หลานซี ห้ามฉันทำร้ายเธอ ฉันพยายามตีตัวออกห่างจากเธอแบบนี้มันผิดหรือไงคะ”  

 

 

หนานกงเยี่ยเหลืออด เขาถอนหายใจ “คุณเพื่อถึงเรื่องนี้อีกแล้ว คุณผูกใจเจ็บมากขนาดนี้เลยหรอ ผมขอคืนคำในสิ่งที่ผมพูดไปได้ไหม”  

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก เธออยากจะพูดออกไปอีกคำ “คำพูดที่พูดออกมาก็เหมือนน้ำที่สาดออกมา” ทั้งสองอย่างนี้ไม่สามารถเก็บคืนได้ แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะกลืนประโยคนี้ลงท้อง จากนั้นหัวเราะด้วยความตลก ต่อให้เขาคืนคำพูดก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าหนานกงเยี่ยให้ความสำคัญกับอวี้หลานซี ถ้าเธอและอวี้หลานซีตกอยู่ในอันตราย คนที่เขาเลือกปกป้องโดยไม่ต้องลังเลก็คงเป็นอวี้หลานซี  

 

 

เมื่อเห็นเธอยิ้ม หนานกงเยี่ยก็โล่งอก เขาคลายยิ้มแล้วจับมือเธอ “ไปกันเถอะครับ”  

 

 

ทุกคนกลับไปที่ชายหาดอีกครั้ง นอกจากเวินอี๋แล้ว ทุกคนเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำกันหมด เวินอี๋ว่ายน้ำไม่เป็นจึงไม่เล่นเกมส์นี้กับพวกเขา เธอขึ้นไปบนหน้าผาเพื่อความครึกครื้นเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือเหลิ่งรั่วปิง ทุกคนต่างคิดว่าเธอเป็นคนหัวสมัยใหม่ แต่เธอกลับใส่ชุดว่ายน้ำเรียบร้อยมาก นอกจากแขนและขาที่โผล่ออกมาแล้ว ส่วนที่เหลือถูกชุดว่ายน้ำปิดเอาไว้อย่างดี ในทางกลับกันกุลสตรีอย่างอวี้หลานซีกลับใส่ชุดว่ายน้ำได้เผ็ดร้อนมาก เธอใส่บีกินี่สีชมพูด ที่ปิดส่วนสำคัญเอาไว้เท่านั้น เธอเป็นผู้หญิงที่สวยอยู่แล้ว พอแต่งตัวแบบนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็หยุดมองไม่ได้  

 

 

ก่วนอวี้ยืนอยู่ด้านหลังหนานกงเยี่ย ภายในของเขารู้สึกกระวนกระวายมาก  

 

 

อันที่จริงการที่อวี้หลานซีแต่งตัวแบบนี้ เธอเองก็รู้สึกอายมาก เธอรู้สึกว่าเมื่อก่อนตนเองเรียบร้อยเกินไป ไม่รู้จักเข้าหาเขา ดังนั้นหนานกงเยี่ยจึงไม่ชอบเธอ บางทีถ้าเธอปล่อยตัวเองสักหน่อย โชว์เรือนร่างสักนิด เขาก็อาจจะสนใจเธอ  

 

 

ทว่า ตอนที่หนานกงเยี่ยเห็นเธอ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วไม่ได้มองเธออีก ทำให้เธอรู้สึกเสียใจ  

 

 

สาเหตุที่หนานกงเยี่ยขมวดคิ้ว เป็นเพราะเขารู้สึกว่าอวี้หลานซีควรจะแต่งกายให้เรียบร้อยกว่านี้หน่อย แต่ในเมื่อเขาเห็นเธอเป็นน้องสาวแล้ว เขาจึงไม่อยากยุ่งกับเธอให้มาก เธอมีอิสระเป็นของตนเอง เรื่องพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสามีในอนาคตดีมาจัดการดีกว่า  

 

 

อวี้หลานซียืนอยู่ใต้แสงแดด เธออายจนตัวสั่น การแต่งตัวแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตนเองไม่ได้ใส่อะไรเลย  

 

 

อวี้ไป่หันแสดงความสามารถของตนเองอีกครั้ง เขาพยายามเปลี่ยนบรรยากาศ เป่าปากหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ว้าว หลานซี คุณใส่บีกีนี่แบบนี้แล้วสวยมาก ในเมื่อมีของก็ควรจะโชว์หน่อย ไม่เลวเลยนะ”  

 

 

อวี้หลานซีเป็นคนจริงจัง คำพูดของอวี้ไป่หันไม่ได้ช่วยให้เธอผ่อนคลายเลยสักนิด แต่กลับทำให้เธออายมากกว่าเดิม เธอจึงรีบวิ่งกลับเข้าไปในวิลล่า เปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำที่เรียบร้อยมากขึ้น ตอนที่เธอเดินออกมาอีกครั้ง หนานกงเยี่ยโล่งใจทันที ก่วนอวี้เองก็โล่งอก ตัวอวี้หลานซีเองก็สบายใจมากขึ้น  

 

 

อย่างรวดเร็ว ทุกคนปีนขึ้นไปบนหน้าผา ถึงแม้เวินอี๋จะบอบบาง แต่เธอเป็นคนที่ลำบากมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าเธอจะต่อสู้ไม่เป็น แต่การปีนขึ้นเขานั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ เธอปีนขึ้นหน้าผาสบายมาก ทว่าอวี้หลานซีไม่เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะก่วนอวี้จับมือเธอไว้ เธอไม่มีความมั่นใจในการปีนไปถึงยอดหน้าผาจริงๆ  

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงเก่ง การปีนหน้าผาแบบนี้เป็นเรื่องง่าย แม้ว่าเธอจะเดินเร็วมาก แต่หนานกงเยี่ยจับมือเธอเอาไว้ตลอดทาง เขาใช้การกระทำของเขาประกาศให้ทุกคนรู้ แม้ว่าอวี้หลานซีจะรู้สึกเสียใจ แต่เธอไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา ยังคงเป็นคนเดิม เธอจะเป็นชายาใจกว้างที่ไม่หึงหวงสามีของตนเอง  

เดิมพันเสน่หา

เดิมพันเสน่หา

เดิมพันเสน่หา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset