CLS ตอนที่ 615: เสียหาย
เทียนหยุนทําการตรวจสอบหินยักษ์ก้อนนี้อย่างละเอียดรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นบนหรือล่างล้วนแต่ถูกโซ่พันไว้อย่างแน่นหนา นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรอื่น จากที่ดู ห้องลับนี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างง่ายๆ ด้วยอาคมซ่อนเร้น เพื่อเป็นที่ผนึกสิ่งนี้เอาไว้
สําหรับคนที่มีสัมผัสวิญญาณอ่อนแอ ไม่มีทางที่จะตรวจพบสิ่งที่อยู่ในนี้ได้ง่ายๆ ทําให้สามารถปกปิดห้องนี้ไว้เป็นความลับได้อย่างดี
และก็ด้วยเวลาที่เลยผ่าน หากว่าผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณมาทําการตรวจสอบอย่างละเอียดด้วยตัวเอง ก็สามารถที่จะตรวจพบได้ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะต้องพบที่นี่และทําการขุดค้นอย่างแน่นอน
และในปัจจุบัน หินยักษ์ก้อนนี้นอกจากจะปลดปล่อยพลังหยางออกมาแล้ว ยังมีกลิ่นอายที่ไม่แน่ชัดถูกปล่อยออกมาด้วย เป็นพลังที่ดูแล้วน่าสะพรึง ที่เล็ดรอดออกมาพร้อมกับพลังหยาง
เพียงแค่สัมผัสกับกลิ่นอายนี้ ก็ทําให้พวกเธอพากันแข้งขาอ่อนแรง ต่อให้เป็นตัวประมุขเอง ก็รู้สึกว่ายากจะทนได้ รู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆ
เธอเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณแล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากลิ่นอายนี้ ก็ยังไม่สามารถที่จะต้านทานได้
“ที่นี่คือที่ผนึกวิญญาณร้าย ท่านบรรพชนไม่ได้หลอกพวกเราจริงๆด้วย…”
ในตอนที่ไป๋อวี้เหลียนยังไม่เคยเห็นหินนี้มาก่อน เธอก็คิดว่าค่าสั่งที่บรรพชนส่งต่อมารุ่นต่อรุ่นนั้นเป็นแค่เรื่องโกหก บอกว่าด้านล่างพวกเธอได้ฝังปีศาจตนหนึ่งเอาไว้ ฟังแล้วช่างยากที่จะเชื่อ แต่ว่าในตอนนี้เธอเชื่อแล้ว เพียงแค่กลิ่นอายที่ปล่อยออกมาเพียงอย่างเดียว ก็ทําให้เธอกลัวจนถึงขีดสุด
ส่วนอวี่ชีเชี่ยนเองก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปใกล้มากได้ ทําได้เพียงเดินห่างออกมาเล็กน้อย
“นี่เป็นผนึกจริงๆ พูดให้ถูกก็คือสมบัติ ทั้งยังเป็นสมบัติระดับเทวะอีกด้วย แต่กลับใช้มันเพื่อผนึกปีศาจที่ยังมีชีวิตอยู่” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “หากเปลี่ยนเป็นขุมอานาจอื่น ไม่ว่าสิ่งที่ถูกผนึกไว้จะเป็นอะไร แต่ตราบเท่าที่ได้สมบัติชิ้นนี้มา ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว”
หินนี้ดูแล้วธรรมดามาก แต่หากจะคิดว่าสิ่งของที่อยู่ในหินก้อนนี้เป็นเพียงของธรรมดาล่ะก็ งั้นก็คิดง่ายไปแล้ว เพราะในหินก้อนนี้ของที่เป็นถึงอุปกรณ์ระดับเทวะอยู่ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นอุปกรณ์ระดับเทวะขั้นกลางด้วย!
อุปกรณ์ระดับเทวะขั้นกลาง! นี่เป็นสมบัติที่แม้แต่ระดับราชาเซียนเห็นแล้วยังน้ําลายไหล เป็นสมบัติที่มีแต่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะมีไว้ในครอบครอง
ป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์ : อุปกรณ์ระดับเทวะขั้นกลาง, สามารถลดขนาดได้ มีน้ําหนัก 10,000 ลํานจิน, ในพริบตา สามารถเปลี่ยนเป็นป้ายศิลาขนาดยักษ์ขนาดหลายร้อยล์เพื่อสะกดศัตรู! มีพลังสะกดและผนึกวิญญาณ สามารถลดความแข็งแกร่งของศัตรูได้
สมบัติระดับเทวะขั้นกลาง ไม่ใช่อาวุธระดับเทวะขั้นกลาง ความหมายของทั้งสองอย่างนี้ต่างกันมาก สมบัติระดับเทวะขั้นกลาง เมื่อเทียบกับอาวุธระดับเทวะขั้นกลางแล้ว ความล่าค่าของมันเหนือกว่ากันหลายเท่านัก
เจ้าจะสามารถรู้ได้ว่ามันคือสมบัติก็ต่อเมื่อเข้ามาตรวจดูอยู่ใกล้ๆ หากว่าดูอยู่ไกลๆ เจ้าจะดูไม่รู้เลยว่ามันเป็นสมบัติ เนื่องเพราะว่าค่ายกลอยู่มากเกินไป ทําให้ไม่สามารถที่จะตรวจสอบดูสถานการณ์ด้านในได้ อย่างดีก็แค่สามารถตรวจสอบหินก้อนนี้ได้เท่านั้น
ตอนนี้ เมื่อเข้ามาตรวจดูใกล้ๆ ก็ทําให้รู้ว่าแท้จริงแล้วสมบัติคืออะไร ทั้งยังเป็นสมบัติระดับเทวะขั้นกลางอกด้วย
นี่หากว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงรู้เข้า แน่นอนว่าต้องคลั่งเพราะมันอย่างแน่นอน ทั้งยังต้องวางแผนเพื่อขโมยมันไปอย่างแน่นอน นี่คือสมบัติชั้นยอดที่สามารถเปลี่ยนจากแพ้เป็นชนะได้ ด้วยเอฟเฟ็กที่มีระยะมากถึงหลายร้อยลี้ นอกจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความแข็งแกร่งเกินไปแล้ว นอกนั้นไม่มีทางที่จะหนีรอดไปจากการสะกดของมันได้
ต่อให้เป็นเมือง หากว่าป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์กดทับลงมา ก็มีแต่ต้องเปลี่ยนเป็นซากปรังหักพังที่พังราบ!
แน่นอนว่ามีอุปกรณ์ระดับเทวะชิ้นอื่นที่สามารถทําอย่างนี้ได้ สามารถทําลายล้างทุกอย่างได้อย่างง่ายดายอย่างกระบี่ที่อี้เทียนหยุนมี หากว่าเขาใช้พลังทั้งหมดออกไป การที่เขาจะผ่าเมืองเป็นสองส่วนในพริบตาก็ไม่ใช่ปัญหา
แต่ว่าป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์นี้กลับโหดเหี้ยมยิ่งกว่า เมื่อมันกดทับลงไป ทุกสิ่งก็จะกลายเป็นพังพินาศ กระทั่งตัวคนก็ต้องถูกทับจนเป็นเนื้อบด แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงสมบัติชิ้นเล็กๆ ที่ฝังอยู่ในหินก้อนนี้ ในฐานะสมบัติที่ทําหน้าที่สะกดปีศาจ
แน่นอนว่าตัวหินที่อยู่ด้านนอกเองก็ไม่ใช่ของธรรมดาเช่นกัน แต่เป็นอุกกาบาตล้ําค่าที่ตกลงมาจากฟ้า ซึ่งมีความแข็งเป็นอย่างมาก เป็นวัตถุดิบชั้นยอดในการหลอมอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่การจะสร้างอุปกรณ์ระดับเทวะก็ยังใช้วัตถุดิบระดับนี้ สามารถจินตนาการได้เลยว่าคนที่จะมีความชํานาญมากพอที่จะใช้วัตถุดิบชิ้นนี้นั้นอยู่ระดับไหน
แถมโซ่ที่ใช้รัดอยู่ด้านนอกก็เป็นของที่สร้างขึ้นมาเป็นกาลเฉพาะเช่นกัน และของที่ใช้สร้างเป็นโซ่พวกนี้ออกมาเรียกว่าแร่เสวียนเซ็น ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในวัตถุดิบสําหรับหลอมอุปกรณ์ระดับเทวะเช่นกัน
สามารถพูดได้ว่าไม่มีอะไรที่ไร้ประโยชน์ แม้แต่ค่ายกลที่สลักไว้ด้านบนก็ยังเป็นถึงผนึกระดับผู้สร้าง ถึงกับต้องใช้ของระดับนี้มาผนึก แท้จริงแล้วนี่มันเป็นปีศาจอะไรกันแน่?
“ฝ่าบาท สิ่งนี้สามารถเคลื่อนย้ายได้ไหมพะยะค่ะ?” ไป๋อวี้เหลียนคิดว่านี่เป็นเรื่องสําคัญอันดับแรกๆ หากว่าสามารถเคลื่อนย้ายได้ ทั้งหมดก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
แม้ว่าจะเป็นสมบัติ แต่ในใจไป๋อวี้ก็รู้สึกผิด เนื่องเพราะพลังของพวกเธอไม่เพียงพอ ไม่มีทางที่จะปกป้องสมบัติชิ้นนี้เอาไว้ได้ แล้วยังจะปีศาจที่ถูกผนึกไว้ด้านในอีก แล้วพวกเธอจะจัดการได้เหรอ?
“เรื่องนี้เกรงว่าคงจะไม่ได้ เจ้าดูสิ โซ่นี้ถูกตรึงไว้กับพื้น ยึดกับหมุดที่อยู่ข้างบนอย่างมั่นคง นี่ทําให้สามารถดูดซับพลังหยินที่อยู่รอบๆเข้ามา พร้อมกับส่งผ่านเข้าไปในหินนี้อย่างต่อเนื่อง หากว่าฝืนทําลายมัน ก็เท่ากับทําลายผนึกออกครึ่งหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่ถูกผนึกอยู่ข้างในจะออกมาได้เมื่อไหร่ ก็ไม่มีใครที่จะให้คําตอบได้ จากกลิ่นอายที่ปล่อยออกมา มันมีความสามารถมากพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ได้ในพริบตาด้วยซ้ํา…”
เทียนหยุนมีสีหน้าหดหู ภายใต้ดวงตาประเมินของเขา ข้อมูลของมันได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาไม่หยุด แต่ก็มีหลายสิ่งที่ไม่ปรากฏ ถึงยังไงก็ถูกฝังไว้ลึก ในนั้นผนึกอะไรอยู่ ไม่มีทางที่จะเห็นอย่างชัดเจนจริงๆ
“นี่…” สีหน้าของไป๋อวี้เหลียนหดหูลง ก็คิดว่าหลังจากย้ายมันออกไป วังไปเหลียนของพวกเธอก็จะสามารถขยับขยายให้ใหญ่ขึ้น แต่ใครจะคิดว่าจะย้ายออกไปไม่ได้
ต้องรู้ว่าผนึกนี้ดูดกลืนพลังหยินส่วนใหญ่ เหลือให้พวกเธอเพียงส่วนน้อยจริงๆ
“แล้วตอนนี้พวกเราจะทํายังไงดี?” ไป๋อวี้เหลียนมองไปที่อี้เทียนหยุนเพื่อขอความช่วยเหลือ ระดับของเธอต่ําเกินไป ดังนั้นจึงทําได้เพียงขอความช่วยเหลือจากอี้เทียนหยุนเท่านั้น
“ตอนนี้คงทําได้เพียงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผนึกเท่านั้น เห็นได้ชัดเลยว่าผนึกได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่การจะซ่อมแซมมันก็ไม่ใช่ง่ายๆ คงทําได้เพียงทําไปทีละน้อยเท่านั้น” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “เพราะผนึกได้รับความเสียหายเล็กน้อย ดังนั้นจึงทําให้พลังหยางของที่นี้หนาแน่นขึ้น จึงทําให้ความหนาแน่นของพลังวิญญาณลดลง ตราบเท่าที่ซ่อมแซมมัน ปัญหาของเจ้าก็จะลดลงมาก”
“เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผนึกของที่นี่เรื่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครท่าลายมัน หากว่ามีใครทําลายที่นี่ ข้าจะรู้และรีบมาทันที”
เทียนหยุนไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไร แต่ถึงกับต้องใช้ของมากมายเพื่อผนึกมัน เขาก็รู้สึกว่าของที่ถูกผนึกนั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เป็นไปได้ว่าอาจะเป็นปีศาจระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้!
เทียบกับเผ่าวิญญาณร้ายที่อยู่ในรังฟีนิกซ์แล้ว แข็งแกร่งกว่ามากนัก ที่นี่ใช้อุปกรณ์ระดับเทวะสะกดไว้ ยิ่งกว่านั้นยังมีค่ายกลผนึกที่ทรงพลัง ทําให้จําเป็นต้องทุ่มทุกอย่างออกไป หากเทียบกับรังฟีนิกซ์
ยังไงก็ตาม เหตุผลที่เลือกที่นี่เป็นที่สะกด เทียนหยุนสามารถเข้าใจได้ เพราะในระยะภูเขานับสิบลูกรอบๆนี้ ต่างก็มีพลังหยินมารวมกันอย่างหนาแน่น สามารถใช้เป็นตัวช่วยในการสะกดได้
และก็มีแต่การรับเฉพาะศิษย์หญิงเท่านั้น ถึงจะสามารถคงความหนาแน่นของพลังหยินเอาไว้ได้ ไม่ทําให้ประสิทธิภาพของมันตกลง
“กระหม่อนขอบพระทัยฝ่าบาทมากเพคะ…” ไป๋อวี้เหลียนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ก่อนหน้านี้เธอเตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะถูกอี้เทียนหยุนหักหลัง หากว่าถูกเขาฆ่าตายที่นี่ ใครจะมารู้กัน?
อยู่ต่อหน้าสมบัติที่ทรงพลังแต่กลับไม่แตะต้อง นี่พลันท่าให้ในใจของไปอวเหลียนรู้สึกเลื่อมใสอย่างมาก
หากว่าเปลี่ยนเป็นคนโลภคนอื่น ความปลอดภัยของวังไปเหลียนเกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วย? ต่อให้จะมีปีศาจออกมา แต่เมื่อพวกเขาหนีไปพร้อมกับสมบัติแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา
โลกมนุษย์จะเป็นยังไงก็ช่าง ขอแค่ตนเองได้รับสมบัติเป็นพอ