CLS ตอนที่ 620: ประกาศ
“ฝ่าบาท ฟัง ฟังกระหม่อมอธิบาย….. นี่ นี่เป็นเรื่องที่เจ้าเด็กเลวคนนี้พูดเหลวไหล กระหม่อมไม่ได้ทําเรื่องพวกนี้ ไม่ได้ทําอย่างแน่นอนพะยะค่ะ….”
หลังของประมุขฉีชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาเคยได้ยินเรื่องของอี้เทียนหยุนมาก่อน เพียงแค่โบกมือก็สามารถทําลายอาณาจักรหนึ่งได้แล้ว อย่าว่าแต่วังเล็กๆ ของพวกเขาเลย
“มองข้า!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา
เมื่อประมุขฉีมองเข้าไปในตาของอี้เทียนหยุน เขาก็รู้สึกเหมือนมีลําแสงพุ่งออกมาพร้อมกับทะลวงเข้าไปในจิตใจของเขา จากนั้นเขาก็พลันรู้สึกเหมือนร่างกายไม่ใช่ของตน กระทั่งสติยังกลายเป็นพร่าเลือน
“ที่ลูกชายเจ้าพูดน่ะ มันจริงไหม?” อี้เทียนหยุนถามอย่างเฉยชา
“จริง ข้าใช้อานาจของอาณาจักรเทียนหยุนทําการข่มขู่ขุมอํานาจอื่น ทําให้ได้ผลประโยชน์มาเป็นจํานวนมาก โดยที่ไม่ต้องลําบาก ก็ได้กําไรกลับมามากมาย ครั้งต่อไป ข้ายังเตรียมที่จะใช้มันเพื่อข่มขู่วังมู่หลิน(ป่าสนธยา)อีก…”
เขาพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน ทําเอาผู้คนที่อยู่รอบๆ พากันตกใจ พร้อมกับมองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยสายตาแปลกๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องเป็นการสะกดจิตอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นประมุขฉีคงไม่พูดแบบนี้
มีความสามารถนี้อยู่ ไม่ว่าจะปกปิดยังไงก็ไร้ความหมาย เพียงแค่มองก็ทําให้เจ้าต้องพูดความจริงทั้งหมดออกมาแล้ว
“ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดไหม?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา
“กระ กระหม่อม…” ประมุขฉีได้สติ จากนั้นก็รีบคุกเข่าลง ก่อนจะโขกศีรษะร้องขอความเมตตาไม่หยุด “ฝ่าบาท จะ จากนี้ไปกระหม่อมไม่กล้าแล้ว เป็นเพราะกระหม่อมหลงผิดไปชั่วครั้งชั่วคราว จึงได้ทําอย่างนั้นลงไป”
“เป็นการหลงผิดที่ดี งั้นเจ้าก็ตายซะ” อี้เทียนหยุนตบหลังมือใส่ความว่างเปล่า จากนั้นก็มีแรงกดดันที่หนักหน่วงตกลงมา “ปัง” ประมุขฉีถูกบดจนกลายเป็นกองเลือดไป!
บอกฆ่าเป็นฆ่า ไม่มีการปรานี!
“สุดท้ายแล้วก็ยังกล้าเล่นลิ้น หลงผิดอย่างงั้นเหรอ… หากว่าข้าไม่ค้นพบตั้งแต่เนิ่นๆ ชื่อเสียงทั้งหมดของข้าจะไม่ถูกเจ้าทําป่นปี้หมดอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยสายตาเย็นชา “จากนี้ไป วังโหมวเทียน(ปีศาจสวรรค์)จะไม่มีอีกต่อไป หากใครกล้าสร้างวังโหมวเทียนขึ้นมาอีก ก็เท่ากับท้าทายอาณาจักรเทียนหยุนของข้า!”
“หลังจากนี้สักพัก ข้าจะให้คนมารับวังโหมวเทียนไป หากว่ามีคนคิดต่อต้าน สังหารโดยไม่ละเว้น!”
อี้เทียนหยุนฟาดออกไปอีกหนึ่งฝ่ามือ ตบจนร่างนายน้อยฉีกลายเป็นเนื้อบดไม่เหลือเค้าร่างเดิมอีกเลย! จากนี้ไป จะไม่มีให้อภัยแม้แต่น้อยกับคนที่กล้าเอาชื่อของเขาไปทําเรื่องชั่วร้ายหาผลประโยชน์เข้าตัว แล้วยังคิดจะให้เขาปล่อยพวกมันไป เป็นไปไม่ได้
ผู้อาวุโสวังโหมวเทียนสีหน้าน่าเกลียด แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่ครึ่งค่า ขนาดประมุขยังตายในฝ่ามือเดียว แล้วพวกเขาจะรอดจากฝ่ามือนั้นได้เหรอ?
“กระ กระหม่อมไม่เห็นด้วย! นั่นเป็นเรื่องที่ประมุขเป็นคนทํา ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราสักหน่อย!” ในที่สุดก็มีผู้อาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้นมาต่อต้าน เลือกที่จะปฏิเสธ
อี้เทียนหยุนมองไปที่เขาอย่างเกียจคร้าน ก่อนที่จะฟาดฝ่ามือออกไป “ปัง” ตบจนร่างเละไปอีกคน
“ยังมีใครไม่เห็นด้วยอีกไหม?” อี้เทียนหยุนคร้านที่จะอธิบายอะไรมากมาย การจัดการด้วยกําลังเป็นวิธีจัดการปัญหาที่ง่ายและโหดเหี้ยมที่สุด และตอนนี้ผู้คนก็พากันหุบปากโดยสมบูรณ์ ไม่กล้าที่จะต่อต้านแม้แต่น้อย
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่พอใจ แต่นี้เป็นราคาที่ต้องจ่าย! ข้าไม่เชื่อว่าที่ประมุขของพวกเจ้าทําอย่างนี้ แล้วผู้อาวุโสอย่างพวกเจ้าจะไม่รู้? ไม่เพียงแต่พวกเจ้าจะไม่ตักเตือนเขาเท่านั้น แต่ยังเห็นดีเห็นงามกับการกระทํานี้ของเขา การที่ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าไปด้วย ก็ถือว่าให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว” อี้เทียนหยุนพูดออกมาเบาๆ “หากคิดว่าตัวเองไม่ผิด ก็ให้มาหาข้าที่อาณาจักรเทียนหยุนได้ทุกเมื่อ แต่ระวังด้วยว่าพวกเจ้าอาจจะตายอย่างน่าสมเพชยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้”
“ครั้งนี้พวกเจ้ารวบรวมข่าวสารได้เป็นจํานวนมาก ไว้จัดการเรื่องวังโหมวเทียนเสร็จเมื่อไหร่ อาณาเขตและทรัพยากรของพวกเขาจะตกเป็นของวังไป๋อวี๋เหลียนของพวกเจ้า” อี้เทียนหยุนมองไปที่ไปอวี่เหลี่ยนแล้วพูดออกมา
“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ!!” ไป๋อวี๋เหลียนตื่นเต้น ทรัพยากรของวังโหมวเทียนมีมากกว่าวังไป๋อวี๋เหลียนของพวกเธอไม่รู้กี่เท่า หากรวมเข้าด้วยกัน ก็พูดได้เลยว่าอานาจของตนจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่าอย่างแน่นอน
เพียงทําเรื่องง่ายๆ แต่กลับได้ผลตอบแทนมหาศาล แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอตื่นเต้นได้ยังไง?
“ช่วยข้าหาขุมอํานาจที่ใช้ชื่อของข้าไปหาผลประโยชน์ จดบันทึกเอาไว้ แล้วข้าจะหาเวลาไปกําจัดพวกมัน กล้าใช้ชื่อของข้าไปกดขี่ขุมอํานาจอื่น ความกล้าของพวกมันช่างสมบูรณ์นัก!”
สายตาอี้เทียนหยุนเย็นชาถึงขีดสุด หากไม่ให้บทเรียนแก่พวกมันสักหน่อย ก็ไม่รู้ว่าชื่อของอาณาจักรเทียนหยุน ไม่ใช่ชื่อที่สามารถเอาไปใช้หาผลประโยชน์เข้าตัวได้
“เพคะ!” ไป๋อวี๋เหลียนพยักหน้าหงิกหงัก เธอวางเรื่องทั้งหมดลง แล้วทุ่มพลังทั้งหมดให้กับเรื่องนี้
“เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะประกาศอีกครั้ง ให้ทุกคนได้รู้ว่าอาณาจักรเทียนหยุนไม่ใช่อาณาจักรที่หาเรื่องขุมอํา นาจอื่นตามใจ!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา “หากว่ามี ก็หมายความว่ามันผู้นั้นแอบอ้างชื่อของข้าไปใช้หาประโยชน์!”
ทันทีที่ชื่อเสียงของมหาอาณาจักรกวาดผ่านมา ทั่วทุกหัวระแหงต่างก็พากันสยบ หลายคนต้องค้อมเอวด้วยความเคารพ อารมณ์ที่ยากจะต้านทานถาโถมขึ้นมาในจิตใจ แม้ในใจจะไม่ยินยอมที่จะค้อมเอวให้ แต่ก็ทําได้เพียงค้อมเอวลงเท่านั้น!
หลังจากสั่งการเสร็จ อี้เทียนหยุนก็หมุนตัวกลับเข้าไปยังห้องลับอีก เตรียมที่จะผนึกห้องลับนี้ไว้อีกครั้ง ค่ายกลในนั้นถูกซ่อมเสร็จหมดแล้ว ดังนั้นจึงต้องผนึกไว้เป็นธรรมดา
“ผู้สืบทอด หวังว่าคราวหน้าที่เจอกัน เจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้!” วิญญาณเวทย์มองมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้มคลุมเครือ จากนั้นก็กลับเข้าไปในหินอีกครั้ง
อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็ทําการผนึกห้องนี้เอาไว้ จากนั้นก็สลักค่ายกลเอาไว้ด้านบน นี่เป็นค่ายกลแจ้งเตือน หากว่าที่นี่ถูกทําลาย เขาก็จะรับรู้ได้ในทันที เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะได้รับกลับมาจัดการ
ดังนั้น เขาจึงได้ใช้ผลึกเทพเคลื่อนย้ายบันทึกจุดเคลื่อนย้ายไว้ที่นี่ 1 จุด อย่างนี้จะทําให้เขาสามารถเคลื่อนย้ายมายังที่นี่ได้ทันท่วงที่!
ผลึกเทพเคลื่อนย้ายสามารถบันทึกจุดหมายได้ 5 จุด และการบันทึกจุดหมายก็ไม่ได้สิ้นเปลืองผลึกเทพเคลื่อนย้ายแม้แต่น้อย อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนที่หมายได้ตลอดเวลา
และในขณะที่เขากําลังผนึกห้องลับอยู่นั้น ที่ด้านนอกก็พลันแตกตื่น หลังจากคําพูดของอี้เทียนหยุนแพร่ออกไป แม่ทัพสวีเฟยและคนอื่นๆ ของอาณาจักรเทียนหยุนก็พากองทัพตรงเข้ามาในทันที พร้อมทั้งรับเอาวังโหมวเทียนมาไว้
ตอนแรกมีการต่อต้านนิดหน่อย แต่ว่าการต่อต้านนี้ก็ไม่ได้มีความหมายแม้แต่น้อย ตอนนี้ขุมพลังของอาณาจักรเทียนหยุนก้าวกระโดดไปขั้นใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญมีอยู่เป็นจํานวนมาก สามารถจัดการกับวังโหมวเทียนได้อย่างง่ายดาย
นอกจากวังโหมวเทียนแล้ว ขุมอํานาจอื่นที่แอบอ้างชื่อของอาณาจักรเทียนหยุนเอาไปก่อเรื่อง ก็ถูกจัดการถอนรากถอนโคนอย่างโหดเหี้ยมเช่นกัน
ทั่วทั้งโลกมนุษย์พลันกลายเป็นโกลาหลอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ก็จัดการโค่นอาณาจักรซือหลง มาคราวนี้อี้เทียนหยุนก็ทําการประกาศกฎออกไป! เป็นกฎที่ธรรมดาอย่างมาก เป็นการบอกว่าอาณาจักรเทียนหยุนมีกฏและขีดจํากัดของตน
ซึ่งกฏที่อาณาจักรเทียนหยุนประกาศออกมาก็ง่ายมาก นอกจากอาณาจักรเทียนหยุนของตนแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเอาชื่อของพวกเขาไปหาผลประโยชน์ได้อีก ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกทําลายไม่เหลือซาก!
ตอนนี้หลังจากที่ประกาศออกมา พวกที่คิดจะใช้ชื่อของอาณาจักรเทียนหยุนไปหาผลประโยชน์ ก็พลันยกเลิกเพราะข่าวนี้ในทันที
ขุมอํานาจที่ถูกข่มเหงบางสํานักก็รู้ในตอนนี้เอง ว่าทั้งหมดไม่ใช่การกระทําของอาณาจักรเทียนหยุน แต่เป็นคนอื่นที่แอบอ้างชื่อพวกเขาเพื่อหาผลประโยชน์เข้าสู่ตน
การกระทํานี้ของอี้เทียนหยุนทําให้อาณาจักรเทียนหยุนได้รับชื่อเสียงเป็นจํานวนมาก พร้อมกับกู้คืนชื่อเสียงที่เสียไป ก่อนหน้านี้มีเมืองเล็กๆ บางแห่ง คิดว่าอาณาจักรเทียนหยุนเป็นอาณาจักรที่บ้าคลั่งการสังหาร ให้ขุมอานาจอื่นใช้ชื่อเสียงของตนเพื่อข่มขู่คนอื่น
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพากันเข้าใจผิด ที่แท้เป็นเพราะว่ามีคนอื่นเจตนาทําลายชื่อเสียงของพวกเขาต่างหาก!