ตอนที่ 656: จับกุม
“อะไรกัน ที่นี่เป็นที่ไม่มีเจ้าของ แล้วจะเป็นของเจ้าไปได้ยังไง!”
“ใช่ จะเป็นของเจ้าไปได้ยังไง! แดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลงของเจ้าก็แข็งแกร่งอยู่หรอก แต่ว่าที่นี่เป็นของเผ่าฟีนิกซ์ที่กำจัดแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง ที่ที่นี่ถูกปล่อยว่าง ก็ไม่ใช่เพราะว่ารอให้เผ่าฟีนิกซ์เข้ามาถือสิทธิ์หรือยังไง?”
“หากเผ่าฟีนิกซ์มา ดูสิว่าเจ้าจะมีจุดจบยังไง!”
พวกเขาพากันพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ ขนาดเผ่าฟีนิกซ์ยังไม่พูดอะไร แล้วทำไมแดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลงถึงได้ถือสิทธิ์เข้าครอบครองที่นี่กัน? แล้วยังจะมาให้พวกเขาหยุดสำรวจอีก เรื่องนี้ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่เต็มใจ อีกทั้งพวกเขายังได้ยินมาว่าที่นี่มีมรดกอยู่ แล้วอย่างนี้พวกเขาจะพลาดโอกาสได้ยังไง?
“หากเผ่าฟีนิกซ์มา พวกเราทั้งสองล้วนสามารถร่วมมือกันได้ เพราะว่าที่นี่เป็นสถานที่ไร้เจ้าของ พวกเราและเผ่าฟีนิกซ์สามารถรุ่งเรืองไปด้วยกันได้ เรื่องนี้ย่อมไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน”
ปรมาจารย์เทียนชิงพูดอย่างเย็นชา “หากว่าทุกคนยังอยากจะสำรวจต่อ พวกเราก็ยินดีต้อนรับทุกเวลา แต่ว่ายังไงก็ต้องผ่านข้อตกลงของพวกเราก่อน ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะเข้าไปได้ตามใจ!”
“นอกจากนี้ทุกคนก็ได้ทดลองแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นผล ข้าแนะนำว่าให้ทุกคนออกไปจากที่นี่จะดีกว่า”
ปรมาจารย์เทียนชิงพูดเหมือนกับตัวเองเป็นคนช่วยจัดการให้กับเผ่าฟีนิกซ์ ยังไงก็ตาม ในใจของผู้ฝึกตนทั้งหลายก็รู้สึกช่วยไม่ได้ พวกเขาได้ลองดูแล้วจริงๆ แต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว
ต่อให้จะใช้กำลังสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำลายได้ ตอนนี้ยังมาถูกแดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลงเข้าครอบครองอีก พวกเขาที่เป็นเพียงผู้ฝึกตนพเนจร ไม่มีทางที่จะต่อต้านขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่แล้ว
ตำแหน่งของแดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลงนั้น กลัวว่าคงไม่ติด 1 ใน 10 แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี พลังของอีกฝ่ายย่อมไม่อ่อนแออย่างแน่นอน ไม่กล้าพูดว่าพวกเขาจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนไหม แต่ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณแล้วล่ะก็ พวกเขามีไม่น้อยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตัวปรมาจารย์เทียนชิงเอง ตัวเขาเองก็มีระดับที่ไม่ธรรมดา อีกทั้งยังเป็นนักสลักอาคมระดับปรมาจารย์ด้วย
แม้ว่าระดับจะต่ำสักหน่อย แต่ฐานะของเขาถือว่าสูงกว่าผู้คนส่วนใหญ่มากนัก
“พวกเราอยากจะลองดู!” จากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งพูดขึ้นมา
“ตกลง ให้ทุกคนส่งอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณขั้นกลางมา จากนั้นก็สามารถทดลองได้” ปรมาจารย์เทียนชิงเปิดปากพูดออกมา
“อะไรนะ!?” ผู้คนพากันตกใจ จากนั้นก็พูดออกมาด้วยความโกรธในทันที “นี่เป็นไปไม่ได้ กับที่นี่ไร้เจ้าของนี้ ทำไมถึงต้องเสียค่าเข้าด้วย! ไม่ใช่บอกว่าแค่พวกเจ้ารับปากก็พอหรอกเหรอ แล้วทำไมถึงต้องเก็บค่าเข้าด้วยล่ะ?”
“พวกเราทำเพื่อเผ่าฟีนิกซ์ แม้ว่าเผ่าฟีนิกซ์จะไม่เข้าถือสิทธิ์ที่นี่ แต่ถ้าหากวันหนึ่งเผ่าฟีนิกซ์ต้องการถือสิทธิ์ขึ้นมา หลังจากนี้ก็ต้องเข้ามาจัดการให้ดี ที่นี่ยังต้องการทรัพยากรจำนวนมาก ค่าเข้าที่พวกเจ้าจ่าย ก็ถือเป็นการสนับสนุนเผ่าฟีนิกซ์อีกทางหนึ่ง!” ข้ออ้างที่ปรมาจารย์เทียนชิงกล่าวออกมาทำเอาพวกเขาพากันพูดไม่ออก
หากว่าคนของเผ่าฟีนิกซ์มา แน่นอนว่าพวกเขาต้องประคองสองมือมอบออกไป ต่อให้ในมือของพวกเขาจะไม่มีของก็ตาม แดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลงย่อมไม่กล้าสู้กับเผ่าฟีนิกซ์อยู่แล้ว เพราะระหว่างทั้งสองนั้นอยู่คนละระดับกัน แต่หากว่าเผ่าฟีนิกซ์ไม่มา พวกเขาก็จะเก็บของพวกนี้ไว้เอง นี่เป็นแผนการที่เห็นได้ชัด
“นี่เป็นอาณาเขตของข้า ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้ามีสิทธิ์มาเก็บค่าเข้ากัน?”
ในตอนนี้เอง ก็ได้มีร่างๆ หนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน ผู้คนพากันมองไปยังร่างนั้น และก็พบว่าร่างที่ก้าวออกมาเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
“เป็นเจ้า!” หลังจากปรมาจารย์เทียนชิงเห็นอี้เทียนหยุน เขาก็ระเบิดความโกรธออกมาในทันที ก่อนหน้านี้เขาได้รับความอับอายอย่างมาก ซึ่งความโกรธนั้นยังคงแผดเผาอยู่ในส่วนลึกในจิตใจของเขา และเมื่อตอนนี้ได้เจออีกฝ่ายอีกครั้ง ก็ได้ระเบิดออกมาในทันที
“นี่เป็นอาณาเขตของข้า ข้าพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าให้เจ้าเข้ามาจัดการ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา “เผ่าฟีนิกซ์ไม่เอ่ยปาก แล้วเจ้ามีคุณสมบัติอะไรถึงได้มาถือครองที่นี่?”
อี้เทียนหยุนคิดอย่างน่าขบขัน แดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลงนี้ช่างเข้าใจฉวยโอกาสจริงๆ คิดว่าเผ่าฟีนิกซ์ไม่เข้ามาถือสิทธิ์ ก็เลยคิดจะเข้ามาถือสิทธิ์ก่อน กระทั่งโม้ออกไปว่ามาช่วยเผ่าฟีนิกซ์ดูแล หากวันใดที่เผ่าฟีนิกซ์มา อีกฝ่ายก็พร้อมที่จะมอบคืนให้ในทันที เพื่อเป็นการสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับเผ่าฟีนิกซ์ นี่ช่างเป็นการดีดลูกคิดรางแก้วที่ดีจริงๆ
“อาณาเขตของเจ้า?” ปรมาจารย์เทียนชิงระเบิดความโกรธออกมา “น่าขำ หากว่าคำพูดของเจ้าถูกเผ่าฟีนิกซ์รู้เข้า ข้าคิดว่าต่อให้เจ้าตายร้อยครั้งก็ไม่สาสม!”
“งั้นเจ้าก็ลองตะโกนให้เผ่าฟีนิกซ์ออกมาสิ ดูสิว่าข้ายังจะตายร้อยครั้งอีกไหม?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา “ไสหัวไป!”
เขายกมือตบเข้าใส่อากาศ “เพี๊ยะ” เสียงตบดังขึ้นที่บริเวณใบหน้าของปรมาจารย์เทียนชิง พร้อมกับร่างของอีกฝ่ายที่กลิ้งตกบันไดลงมา ภายใต้สายตาจับจ้องของสาธารณะชน ตัวเขาก็ได้กลิ้งลงบันไดหลายตลบ จนในที่สุดก็ลงมาถึงพื้น พร้อมกับรอยฝ่ามือบนใบหน้า
ผู้คนรอบๆ พากันสูดหายใจเฮือก เด็กหนุ่มผู้มาใหม่นี้ช่างโมโหร้ายจริงๆ ที่สำคัญคือเขามีระดับอะไรกันแน่?
“เจ้าเด็กนี่ตายแน่ แดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลงจะต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน! โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีกฝ่ายช่วยทำงานให้เผ่าฟีนิกซ์ด้วยแล้ว แต่ต่อให้อีกฝ่ายจะทำงานให้เผ่าฟีนิกซ์หรือไม่ เจ้าหนูนี่ก็รนหาที่ตายแล้วจริงๆ!”
“ใช่! อาณาจักรอี้หลงคิดจะยืนดอกไม้ถวายพระ จึงได้รีบเข้ามาถือสิทธิ์ ไว้เมื่อถึงตอนที่เผ่าฟีนิกซ์เข้ามาถือสิทธิ์ ถึงตอนนั้นพวกเขาก็ได้รับกำไรไปมากแล้ว!”
“เจ้าเด็กนี่ยังเด็กนัก ดูท่าแล้วคงจะไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าลงมาจากหมู่บ้านหลังเขาลูกไหน ถึงได้ไม่รู้ว่าตอนนี้ได้ไปหาเรื่องยักษ์ใหญ่เข้าให้แล้ว!”
กลุ่มคนที่อยู่ใกล้ๆ อดไม่ได้ที่จะพูดดูถูกออกมา คิดว่าอี้เทียนหยุนเป็นคนเถื่อนคนหนึ่ง ที่รู้จักแต่การใช้กำลัง
“เจ้ากล้าทำร้ายข้าเชียวเหรอ ข้าคือราชครูของแดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลงเลยนะ!” ปรมาจารย์เทียนชิงที่ถูกตบร่วงก็ได้ลุกขึ้นยืนชี้นิ้วไปที่เขาด้วยความโกรธ “จับมัน จากนั้นเอาไปส่งให้เผ่าฟีนิกซ์ ให้มันขอโทษซะ! ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยจัดการแทนเผ่าฟีนิกซ์ แต่กลับมีคนต้องการบุกเข้าไป ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง!”
“ครับ ท่านราชครู!”
องครักษ์ที่อยู่ใกล้ๆ กระโจนเข้าใส่อี้เทียนหยุนในทันที หวังที่จะจับกุมเขา
“แค่ไม่เจอกันไม่นาน ตอนนี้ได้กลายเป็นราชครูของแดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลงแล้ว? ดูเหมือนว่าแดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลงที่เชิญเจ้าไปเป็นราชครูนั้น สมองคงจะถูกลาเตะเข้าจริงๆ” อี้เทียนหยุนพูดอย่างดูถูก “มาจากทางไหน ก็ไสหัวกลับไปซะ!”
เขาฟาดหลังมือออกไป ทำให้องครักษ์ทั้งหลายปลิวกระเด็นกลับไปในทันที ก่อนที่จะพากันกระอักเลือดออกมา แม้จะไม่ตาย แต่ก็บาดเจ็บหนัก
การกระทำนี้ทำให้คนทั้งหลายพากันตกใจ เพียงแค่ตบหลังมือออกไปเบาๆ ก็ทำได้ถึงขนาดนี้แล้ว ระดับของอี้เทียนหยุนนั้นช่างน่าตกใจจริงๆ แม้ว่าองครักษ์พวกนี้จะระดับไม่สูงนัก แต่จะดีจะร้ายก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ แต่กลับถูกหลังมือเบาๆ ตบกระเด็นไป นี่หมายความว่าระดับของเด็กหนุ่มผู้นี้ อย่างน้อยก็เป็นถึงระดับราชาวิญญาณแล้วอย่างงั้นเหรอ?
ขณะที่อีกด้านพวกเขาก็พากันคิดว่าอี้เทียนหยุนช่างมีความกล้าที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ถึงกับกล้าต่อต้านแดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลง นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการหาที่ตายหรอกเหรอ? ต่อให้จะมีระดับราชาวิญญาณ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ เห็นได้ชัดเลยว่าไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึง
“เจ้า นี่เจ้าต้องการที่จะต่อต้านแดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลงของเราและเผ่าฟีนิกซ์อย่างงั้นเหรอ?” ปรมาจารย์เทียนชิงเอามือกุมหน้า พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาแตกตื่น
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา “เจ้าขวางทางข้า และแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้ก็เป็นอาณาเขตของข้า ไม่ว่าจะเป็นขุมอำนาจไหนมา หากหาเรื่องข้า ก็ต้องตาย!”
คำพูดของเขาทำเอาหลายคนต้องสูดหายใจเฮือก น้ำเสียงของเขายิ่งใหญ่มากจริงๆ ไม่คิดจะสนใจขุมอำนาจไหนเลยจริงๆ เหรอ? แล้วที่สำคัญคือเขาสามารถเข้าไปได้หรือไง?
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปยังแท่นบูชาเทพเติ้งเทียน แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ที่ใกล้ๆ ก็มีเสียงประกาศดังมา
“ทูตศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าฟีนิกซ์มาถึงแล้ว…..”
“ทูตศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าฟีนิกซ์มาแล้วจริงๆ นี่ช่างน่าสนใจนัก…..”
น้ำเสียงยินดีต่อความโชคร้ายของคนอื่นดังมา คิดว่าจากนี้ต้องมีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นแน่นอน