ตอนที่ 603 พวกเรามาก่อความวุ่นวาย
อวี๋กานกานเอ่ยตอบเธอ “ฉันเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็เป็นหมอด้วย มีอะไรที่พูดไม่ได้ล่ะคะ คุณ…ยังดี เมื่อกี้ตรวจชีพจรให้คุณประจำเดือนยังปกติแต่แค่มาน้อย อาการนอนไม่หลับก็ไม่ได้ร้ายแรง น่าจะเป็นเพราะช่วงนี้คุณมีเรื่องไม่สบายใจมากกว่า กินยาตามใบสั่งจะช่วยรักษาให้อารมณ์ดีขึ้นค่ะ”
เธอหันไปมองทางหลิงนี “คุณสิ อาการค่อนข้างหนัก มักจะปวดประจำเดือนทุกครั้งอีกทั้งหน้าอกยังบวมและปวดด้วยจะทรมานมาก หากอาการปวดประจำเดือนไม่รุนแรง เทียบกับปวดปกติและรุนแรงแสดงว่าคุณอยู่ในระดับรุนแรง บางครั้งไม่ระวังได้รับความเย็นหรือไม่ได้ใส่ใจยังสามารถปวดแทบตายได้เหมือนกัน”
หลิงนีเบิกตาค้างมองอวี๋กานกานด้วยความทึ่ง
ในฐานะเพื่อนสนิท แน่นอนว่าจางอี๋เสวี่ยก็ทราบดี ทุกครั้งที่หลิงนีเป็นประจำเดือนก็จะปวดท้องจนแทบทนไม่ไหว เธอชี้หน้าอวี๋กานกานพูดติดอ่าง “นี่เธอๆๆ รู้ได้ยังไง เธอตรวจโรคนี้ของเราเหรอ”
อวี๋กานกานกลอกตาขาวให้กับจางอี๋เสวี่ยแล้วหันไปพูดกับหลิงนี “คุณคงเคยไปหาหมอมาแล้ว ภาวะมดลูกเย็นรุนแรงเคยใช้ยาจีนรักษาเพื่อต้องการลดอาการปวดแต่ผลลัพธ์คงไม่ชัดเจน ภาวะความเย็นในร่างกายคุณหนักเกินไป นอกจากจะกินยาจีนแล้วยังต้องรักษาโดยการฝังเข็มอีกด้วย”
อวี๋กานกานพูดยิ้มๆ “มาหาฉันพอดีเลย ฉันมีวิธีการฝังเข็มที่เหมาะกับคุณพอดี ไม่เกินสามครั้งก็น่าจะเห็นผลแล้ว คุณอยากลองไหมล่ะคะ”
หลิงนีและจางอี๋เสวี่ยสบตามองกัน
ผู้หญิงคนนี้น่าเชื่อถือไหม
ไม่ได้ ไม่สามารถเชื่อถือศัตรูหัวใจได้แน่ๆ
หลิงนีตีหน้าเย็นชา เอ่ยกับอวี๋กานกานอย่างดุดัน “ฉันไปหาหมอคนอื่นก็ได้ ไม่ต้องมาหาเธอหรอก”
ทิ้งประโยคนี้เอาไว้ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
จางอี๋เสวี่ยรีบตามหลิงนีออกไป แต่พอเดินไปถึงประตูยังย้อนกลับมาหยิบใบสั่งยาที่อวี๋กานกานเขียนให้ออกไปด้วย หล่อนจะทานยาตามใบสั่งหรือไม่ก็มีแค่หล่อนที่ทราบดี
อวี๋กานกานนึกขำ
ตอนที่จางอี๋เสวี่ยกำลังจะปิดประตู เธอจึงเอ่ยลอยๆ ว่า “อย่าให้ใครฝังเข็มให้สุ่มสี่สุ่มห้า การฝังเข็มก็ต้องศึกษาวิธี ถามเขาก่อนว่าสามารถเผาภูเขาได้ไหม หากไม่ได้ก็อย่าไปหาเขา ถ้าเกิดยิ่งฝังเข็มยิ่งรับความเย็น คุณได้มาเดือดร้อนฉันแน่”
จางอี๋เสวี่ยกำลังจะปิดประตูและผู้ป่วยที่เข้าคิวอยู่ข้างนอกก็เปิดประตูอีกครั้งเพื่อมองหาอวี๋กานกาน และคำพูดของอวี๋กานกานก็เข้าหูพวกเขาทุกคำ
ทั้งสองหน้าถอดสีและเดินออกจากอวี้อีถังไป
ทันใดนั้นหลิงนีก็หยุดฝีเท้าแล้วเอ่ยถาม “อี๋เสวี่ย เธอว่าหล่อนน่าเชื่อถือไหม”
“หล่อนเป็นคนรักษาอาการนอนไม่หลับของคุณปู่ฟาง จะให้พูดอีกปกติแล้วคนธรรมดาเข้าอวี้อีถังไม่ได้ แถมหล่อนยังมีห้องตรวจของตัวเองด้วย” จางอี๋เสวี่ยสะบัดใบสั่งยาในมืออ่านแล้วเอ่ยว่า “เธอว่าถ้าฉันกินยาตามใบสั่งของหล่อนจะหายจากอาการนอนไม่หลับจริงๆ ไหม”
หลิงนีขมวดคิ้ว “ก็ลองดูสิ ดูท่าทางที่หล่อนพูดก็น่าจะมีความสามารถพอตัว”
จางอี๋เสวี่ยพยักหน้า “ที่หล่อนพูดเมื่อกี้ฟังดูยากจัง คงเก่งอยู่”
“หากหล่อนมีความสามารถจริง แพ้ให้กับหล่อนก็ไม่ถึงกับขายขี้หน้า…” หลิงนีพึมพำแล้วอึ้งไปชั่วขณะ
เธอกับจางอี๋เสวี่ยหันมามองหน้าพร้อมกัน มองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง คิดในใจว่านี่พวกเรามาก่อความวุ่นวายให้อวี๋กานกานไม่ใช่เหรอ
ทำไมต้องชมหล่อนมีความสามารถด้วย!
จางอี๋เสวี่ยลอบกลืนน้ำลาย “เธอคงจะไม่…”
หลิงนีสวนทันควัน “ไม่ ไม่ใช่ซะหน่อย!”
หลังจากนั้นเธอจึงตะโกนใส่อวี้อีถัง “อวี๋กานกาน เธอแย่งผู้ชายของฉัน ฉันไม่ยอมจบกับเธอแน่!”
ตอนที่ 604 เนื้อหาพินัยกรรมของกู้เชิน
เรื่องนี้ที่หลิงนีมาหาเรื่องอวี๋กานกานถูกแพร่กระจายในแวดวง ตอนนี้ใครๆ ต่างก็รู้ว่าหลิงนีกับอวี๋กานกานไม่ถูกกัน
ตอนที่กู้ซูหลิงรู้เข้าก็ไม่ได้ตกใจอะไร
ตอนนั้นเธอยังคิดว่าหากกู้ซูหลิงยังไม่กลับมา คู่แข่งคนสำคัญที่จะมาแต่งงานกับฟังจือหันก็คือหลิงนี
แต่กลับคาดไม่ถึงระหว่างทางดันมีอวี๋กานกานโผล่ขึ้นมา
เธอไม่พอใจมาก หลิงนีจะไม่พอใจบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา
ดูแล้วคงไม่ต้องให้ถึงมือเธอหรอก หลิงนีคงหาทางกำจัดอวี๋กานกานได้แน่นอน
กู้ซูหลิงไปหาจูอวี้ลู่ด้วยความดีใจ “แม่คะ ตกลงคุณพ่อได้แก้ไขพินัยกรรมหรือยัง”
“ตอนนี้ยังหรอก ลูกจะรีบร้อนไปทำไม” จูอวี้ลู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “หรือลูกลืมที่แม่สอนแล้วเหรอ ไม่ว่าเจอเรื่องอะไรต้องใจเย็นๆ”
กู้ซูหลิงมองมือตัวเองแวบหนึ่ง แผลดีขึ้นแล้วแต่ยังทิ้งรอยแผลเป็นที่ต้องศัลยกรรมถึงจะหายไป
“ขอโทษค่ะแม่ ตอนนั้นเพราะหนูบาดเจ็บก็เลย…” เธอพิงไหล่จูอวี้ลู่อ้อนเป็นเด็กๆ “แม่คะ ถ้าแก้ไขพินัยกรรมแล้ว หนูอยากให้กู้เหยียนอวี๋พาหนูไปหาพี่หัน”
จูอวี้ลู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไหนตอนแรกลูกบอกว่ากลัวถ่านไฟเก่าระหว่าฟังจือหันกับกู้เหยียนอวี๋ไง ไม่ยอมให้เธอไปหาฟังจือหัน ทำให้เธอแกล้งความจำเสื่อมจำฟังจือหันไม่ได้ ทำไมตอนนี้ลูกถึงเปลี่ยนใจแล้วล่ะ”
กู้ซูหลิงพูดเสียงอ่อน “ตอนนั้นหนูคิดว่าฟังจือหันคิดถึงกู้เหยียนอวี๋ ขอแค่กู้เหยียนอวี๋กลับมาฟังจือหันก็จะไม่ปล่อยมือเธอ หนุไม่อยากให้ฟังจือหันเจอกู้เหยียนอวี๋ เมื่อก่อนความสัมพันธ์ของพวกเขาดีแค่ไหนแม่ก็รู้ หนูก็เลยคิดว่าในใจของฟังจือหันกู้เหยียนอวี๋ต้องสำคัญมากแน่ๆ! แต่ใครจะคิดว่าฟังจือหันจะทุ่มเทใจให้อวี๋กานกานมากขนาดนี้ รู้ทั้งรู้ว่ากู้เหยียนอวี๋กลับมาแล้ว คุณพ่อไม่บอกเขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ วันนั้นที่มารักษามือของหนู เขามาที่บ้านเห็นกู้เหยียนอวี๋ราวกับเห็นคนแปลกหน้า”
กู้ซูหลิงพูดพลางกุมมือจูอวี้ลู่ “แม่ หนูอยากให้กู้เหยียนอวี๋ไปหาฟังจือหันตั้งนานแล้ว แต่คุณพ่อก็ไม่อยากให้เธอไปหาฟังจือหัน หนูไม่อยากให้คุณพ่อไม่สบายใจ อย่างน้อยให้คุณพ่อแก้ไขพินัยกรรมเสียก่อน ไม่งั้นหากคุณพ่อโกรธขึ้นมาไม่แก้ไขพินัยกรรมแล้วเราจะไม่ได้อะไรสักอย่าง”
กู้เชินรีบทำพินัยกรรมตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว ซึ่งไม่มีใครคาดคิด
เขาแบ่งทรัพย์สินทั้งหมดของเขาออกเป็นสามส่วน อสังหาริมทรัพย์หนึ่งส่วนให้กู้ซูหลิง อีกหนึ่งส่วนให้กู้เนี่ยนซึ่งเป็นน้องชายของกู้ซูหลิง ส่วนที่เหลือมอบให้กับกองทุนทรัสต์เพื่อการรักษาความปลอดภัยและในขณะเดียวกันหุ้นทั้งหมดของกู้เชินในกู้กรุ๊ปยังถูกเก็บไว้
กู้เนี่ยนอายุยี่สิบห้าปีเต็มสามารถถอนได้ครึ่งหนึ่ง
ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งจะถูกเก็บในกองทุนทรัสต์ต่อไป หากกู้เหยียนอวี๋กลับมาแล้วสามารถถอนได้ครึ่งหนึ่งหลังอายุยี่สิบห้าปีเต็ม
เขาแบ่งกู้กรุ๊ปเป็นสองส่วนให้กู้ซูเหยียนกับกู้เนี่ยนคนละครึ่ง
ลูกติดอย่างกู้เหยียนอวี๋ได้เพียงแค่อสังหาริมทรัพย์ ไม่มีหุ้นในบริษัท กู้เชินได้บอกให้กู้ซูหลิงเข้าใจตามตรงว่ามอบหุ้นในบริษัทให้เธอไม่ได้ แต่เขาจะให้กู้ซูหลิงเป็นสินสอดแทน ดังนั้นในส่วนอสังหาริมทรัพย์ของกู้ซูหลิงจะมากกว่าในส่วนของกู้เนี่ยนและกู้เหยียนอวี๋เป็นสองเท่า อีกทั้งยังสามารถรับเงินจากกองทุนทรัสต์ได้สูงสุดห้าสิบล้านหยวนต่อปี
สำหรับจูอวี้ลู่ในฐานะภรรยาของกู้เชิน กู้เชินไม่ได้ให้อะไรกับเธอเลย
แต่จูอวี้ลู่ก็ไม่ได้สนใจ ขอแค่กู้เชินทิ้งทุกอย่างให้ลูกชายของเธอก็พอใจแล้ว แต่เธอทนไม่ได้จริงๆ…