ตอนที่ 495
เรียกตัวด่วน
“งั้น พวกเราฝากเจ้าด้วยก็แล้วกันหล่อเจียง”ต้าเฉียนพูดขณะเดินออกไปจากห้องพักของโรงเตี๊ยมที่พวกตนเปิดให้เส้าเทียนได้นอนพัก ดูเหมือนวิชาของเส้าเทียนจะกินพลังงานมากจริงๆ ขนาดเช้าของอีกวันแล้วมันยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาเลย พวกจูล่งเลยได้แต่ปล่อยให้หล่อเจียงดูแลเส้าเทียนอีกทีและเดินทางกลับกันก่อน
“ขอรับอาเจ้”หล่อเจียงตอบพลางก้มหัวผงกๆอย่างกับเป็นบ่าวรับใช้ ที่มันทำท่าเกรงใจขนาดนี้นอกจากพวกนางจะช่วยเหลือมันจากเสินคงแล้ว พวกนางยังมอบวิชาต่อสู้ที่พวกนางไม่ได้ใช้ให้หล่อเจียงและเส้าเทียนอีกต่างหาก โดยหล่อเจียงได้รับวิชาฝึกฝนพลังวิญญาณและเส้าเทียนได้รับวิชาโจมตีและวิชาตัวเบา แม้จะไม่ได้เป็นยอดวิชาอย่างวิชาเทพประสานแต่วิชาที่ต้าเฉียนมอบให้พวกมันก็ถือว่าเป็นวิชาหายากที่แม้แต่ในอาณาจักรไป๋ก็หามาไม่ได้ง่ายๆ ทำเอาหล่อเจียงแทบจะกราบขอเป็นทาสรับใช้ต้าเฉียนแทบจะทันที แน่นอนว่านางไม่รับและสั่งให้มันดูแลเส้าเทียนไปแทน
งั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะขอรับ พวกพี่ดูแลตัวเองด้วยนะขอรับ”จูล่งว่าพลางบอกลาหล่อเจียงทันที ความจริงจูล่งสมควรกลับบ้านได้แล้ว มันเสียเวลาเดินทางกลับมากเกินไปแล้วจริงๆ ถึงจะมีท่านน้าไก่ฟ้าไปบอกข่าวแล้วก็ตาม
“ขอรับนายน้อย”หล่อเจียงตอบพลางก้มหัวแทบจะติดพื้น มันเห็นพลังของไป๋จูล่งแล้วทำให้มันเกรงใจจูล่งเป็นที่สุดขึ้นมาเลย
“น้องจูล่ง ที่ว่าจะกลับบ้านนี่หมายถึงที่เมืองร้อยแปดอสูรหรือที่เขตอสูรงั้นหรือ”หลี่เย่ถามหลังจากจูล่งเดินออกมาจากโรงเตี๊ยมแล้ว นางพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้จูล่งไม่ได้อยู่ที่เมืองร้อยแปดอสูร แต่อยู่ที่เขตอสูรต่างหาก พวกนางติดสอยห้อยตามมาด้วยตอนงานแต่ง หากจะพาจูล่งไปส่งบ้านจริงก็เท่ากับว่าต้องไปส่งที่เขตอสูรผาไร้ก้นนะสิ
“ที่เขตอสูรขอรับ”จูล่งตอบด้วยท่าทีซื่อๆ สำหรับมันแล้วเขตอสูรผาไร้ก้นไม่ได้เป็นสถานที่ต้องห้ามแต่อย่างไร
“เอ๊ะ เขตอสูร…”คนที่ตกใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นชางซี นางพอจะรู้ฐานะของไป๋จูล่งแล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้ว่ามันอยู่ในเขตอสูรแต่อย่างไร ส่วนต้าเฉียนกับต้าหวานพอจะทราบอยู่แล้วจากที่พ่อของพวกนางเล่าให้ฟัง
“แบบนั้นให้พวกเราแยกทางกับเจ้าก่อนดีหรือไม่ ข้ากลัวว่าพวกน้าๆของเจ้าจะไม่พอใจ”หลี่เย่ว่าพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย แม้ในวันงานจิ้งจอกเหมันต์จะไม่ได้ว่าอะไรที่นางมาหาจูล่ง แต่หากยังเข้าไปในเขตอสูรอีกกลัวว่านางจะโดนต่อว่าเอา
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ข้าจะบอกพวกน้าๆเอง”จูล่งยิ้มพลางพาสาวๆไปที่สถานีรถไฟทันที หากเดินทางด้วยรถไฟจากเมืองหลวงของอาณาจักรไป๋ จะมีสถานีใกล้ๆกับเขตอสูรผาไร้ก้นพอดี ทำให้การเดินทางไม่ได้ยากลำบากนัก
“พี่ต้าหวาน พวกเราจะเข้าไปในเขตอสูรกันจริงๆหรือเจ้าคะ”ชางซีถามขณะนั่งอยู่บนขบวนรถไฟ อาณาจักรที่นางเคยอยู่ไม่ได้เคยชินกับการมีอสูรอยู่ร่วมกัน ทำให้การเข้าเขตอสูรยังเป็นเรื่องอันตรายและเสียงตายอยู่ การเข้าไปในเขตอสูรของคนในอาณาจักรพวกนั้นเท่ากับต้องเข้าไปต่อสู้เท่านั้น
“จ่ะ บ้านของน้องจูล่งอยู่ในเขตอสูร ถ้าพวกเราไม่เข้าไปก็ไปที่บ้านของน้องจูล่งไม่ได้สิ”ต้าหวานยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นชางซีมีท่าทีกังวลเช่นนั้น พวกนางเป็นชาวอาณาจักรอู๋ทราบดีว่าเขตอสูรผาไร้ก้นไม่ได้อันตรายอีกต่อไปแล้ว ขอเพียงคนที่เข้าไปมีสิทธิ์ที่จะเข้า พวกอสูรก็ไม่ทำร้ายแต่อย่างไร ยิ่งไปกับไป๋จูล่งแล้วยิ่งปลอดภัย
“จะ เจ้าค่ะ”ชางซีหน้าซีดเผือดเมื่อทราบว่าต้องเข้าไปในเขตอสูรจริงๆ นางเริ่มเอาอาวุธของนางออกมาเตรียมพร้อมบนรถไฟราวกับกำลังจะไปสู้รบไม่มีผิด แถมยังเตรียมเอายาพิษที่คิดว่าคงไม่ได้ใช้อีกแล้วออกมาอีกต่างหาก ทำเอาต้าเฉียนกับต้าหวานต้องรีบเข้ามาห้ามนางและบอกว่าให้นางทำใจให้สงบก็พอแล้ว
.
.
“เจ้านั่นมันบ้าอะไรกัน”เสินคงพูดออกมาขณะนอนอยู่ในบ้านพักของตนเองในเมืองหลวง เมื่อวานมันราวกับฝันร้ายไม่มีผิด อยู่ๆเจ้าหนูที่ไม่มีพลังวิญญาณก็เล่นงานพวกตนเสียหมอบ จินหมิงที่โดนจูล่งเล่นงานยังนอนหลับไม่ได้สติอยู่เลย ส่วนตัวมันตอนนี้ขายังสั่นไม่หาย ไม่นึกว่าผู้ติดตามของเด็กคนนั้นจะเป็นถึงผู้อยู่ระดับเจ้าสวรรค์
“เจ้าเด็กนั่นเป็นใครกันแน่”เสินคงถามกับตัวเองพลางเอามือมากุมหน้าผากตัวเองเอาไว้ ระดับพลังของผู้หญิง 2 คนนั้นสูงมากจนน่ากลัว เกรงว่าจะเหนือกว่าคนที่มันเคยเจอมาทั้งหมดเสียอีก แล้วคนที่ให้หญิงสาวพวกนั้นเป็นผู้ติดตามเป็นใครกัน ทำไมมันไม่เคยได้ยินชื่อ จูล่ง มาก่อน….
“คุณชาย นายท่านมาพบขอรับ”ขณะกำลังคิดมากอยู่คนเดียว คนใช้ของเสินคงก็วิ่งเข้ามาพลางบอกว่าพ่อของเสินคงเดินทางมาที่บ้านพักในเมืองหลวงเสียอย่างนั้นทั้งๆที่พ่อของมันน่าจะอยู่ที่ทางเหนือและทำงานอยู่ไม่ใช่หรืออย่างไร
“ท่านพ่อ ท่านเดินทางมาเช่นนี้มีเรื่องอะไรหรือขอรับ”เสินคงเดินออกมาจากห้องพลางเดินเข้าไปหาบิดาของมันเสินอี้หลินที่อยู่ๆก็มาหามันที่บ้านพักโดยไม่ทราบสาเหตุ
“เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่รู้ อยู่ดีๆองค์จักรพรรดินีก็มีคำสั่งด่วนให้ข้ามาพบ แถมยังกำชับด้วยว่าให้พาเจ้ามาด้วยกัน”เสินอี้หลินตอบพลางถอยเสื้อคลุมออกให้คนใช้นำไปแขวน
“ข้าด้วยหรือขอรับ….”เสินคงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ทำไมองค์จักรพรรดินีถึงเรียกตัวท่านพ่อแถมยังบอกให้มันตามไปด้วยอีก
“บางทีอาจจะเพราะเจ้าได้เป็นอันดับ 2 ของตารางอันดับยอดฝีมือรุ่นใหม่ก็ได้ บางทีท่านอาจจะอยากให้เจ้าเข้ามาช่วยงานในกองทัพ”เสินอี้หลินพูดพลางยิ้มออกมาช้าๆ ตัวมันใช้สมบัติไปไม่น้อยเพื่อฝึกฝนลูกชายให้ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 เช่นนี้ แถมคนที่ได้อันดับ 1 ยังเป็นคนในการดูแลของมันอีกต่างหาก หรือว่าองค์จักรพรรดินีหลิวจะเห็นความสามารถของมันกัน
“ไปแต่งตัวซะ พวกเราจะเข้าวังในตอนบ่าย”เสินอี้หลินยิ้มออกมาพลางสั่งให้ลูกชายไปเตรียมตัวให้เรียบร้อย
.
.
“องค์จักรพรรดินี เสินอี้หลินและบุตรชายเสินคงมาเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ”ทันทีที่เสินอี้หลินพาเสินคงเข้ามาในวังตามนัด จักรพรรดินีก็แทบจะยกเลิกการประชุมเพื่อให้เสินอี้หลินเข้าพบเลยทีเดียว ตำแหน่งแม่ทัพระดับเขตของมันแม้จะฟังเหมือนสูง แต่เพราะอาณาจักรไป๋มีพื้นที่กว้างใหญ่เกินไป ตำแหน่งแม่ทัพระดับเขตของมันแทบจะไม่ต่างจากหัวหน้าหน่วยทหารเท่าไหร่ พอได้ทราบว่าองค์จักรพรรดินีเร่งจบการประชุมเพื่อพบกับเสินอี้หลินทำเอามันตื้นตันใจเป็นอย่างมาก
“ถวายบังคมฝ่าบาท”เสินอี้หลินเดินเข้าไปในท้องพระโรงพลางคุกเข่าลงทำความเคารพหลิวเมิ่งผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งอาณาจักรไป๋อย่างนอบน้อม ภายในท้องพระโรงยามนี้นอกจากหลิวเมิ่งแล้วยังมีผู้หลักผู้ใหญ่ของอาณาจักรไป๋อีกจำนวนหนึ่ง พวกขุนพลทั้งฝั่งมนุษย์และฝั่งอสูรต่างอยู่กันพร้อมหน้า ทำเอาเสินอี้หลินตื่นตูมเป็นอย่างมาก
“เสินอี้หลิน วันนี้ข้าเรียกเจ้ามาก็เพราะบุตรชายของเจ้า”ได้ยินหลิวเมิ่งพูดเช่นนั้น เสินอี้หลินก็หัวใจพองโต ผลการจัดอันดับพึ่งจะออกมาแท้ๆ แถมหากจำไม่ผิดคนที่ยืนอยู่ข้างๆหลิวเมิ่งยังเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์หนังสือจัดอันดับไม่ใช่หรือยังไง พวกมันต้องกำลังพูดถึงเรื่องอันดับของบุตรชายมันอย่างแน่นอน
“เจ้า…..แล้วจินหมิงไม่มาด้วยงั้นหรือ”ไช่จินที่อยู่ข้างๆหลิวเมิ่งถามพลางมองลงมายังสองพ่อลูกด้วยท่าทีไม่พอใจนัก
“ขออภัยด้วยขอรับ จินหมิงบังเอิญได้รับบาดเจ็บ”เสินอี้หลินตอบด้วยท่าทีเสียใจ ไม่ทราบเหมือนกันว่าจินหมิงไปโดนใครเล่นงานมา แต่เห็นท่านไช่จินพูดถึงจินหมิงมันก็ยิ่งมั่นใจ หรือว่าจริงๆแล้วองค์จักรพรรดินีจะมอบรางวัลให้ทั้งจินหมิงและบุตรชายของมันกัน?
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราค่อยส่งทหารไปจัดการ ท่านไช่จินใจเย็นก่อน”หลิวเมิ่งว่าพลางบอกให้ไช่จินสงบสติอารมณ์ลงเสีย
“แม่ทัพเสินอี้หลิน วันนี้ข้าเรียกท่านมาก็เพื่อจะลงโทษเรื่องที่บุตรชายของท่านได้กระทำลงไป”หลิวเมิ่งว่าพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ ยามนี้จูล่งกลายเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของอาณาจักรไป๋ แถมยังมีเส้าเทียนที่พึ่งได้อันดับ 7 ยอดฝีมือหน้าใหม่ รวมทั้งตัวจินหมิง เสินคง และ หล่อเจียงอีกด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต้าเฉียนและต้าหวานที่เป็นผู้ติดตามจูล่งอีกต่างหาก ยอดฝีมืออยู่กันคับคั่งเช่นนี้มีหรือสายสืบของไช่จินจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อวาน ทันทีที่ไช่จินทราบว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็มุ่งหน้ามาท้วงกับหลิวเมิ่งทันที แน่นอนว่านางเอกที่เป็นหนึ่งในผู้เชิดชูไป๋จูเหวินไม่ยอมให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ยิ่งผู้กระทำเป็นคนในอาณาจักรไป๋ด้วยกันแท้ๆ
“ลงโทษ องค์จักรพรรดินี ลงโทษเรื่องอะไรกันหรือขอรับ”เสินอี้หลินถามด้วยท่าทีงุนงง ก่อนหน้านี้มันยังเข้าใจว่าโดนเรียกตัวมารับรางวัลอยู่เลย
“เรื่องนั้นบุตรชายของเจ้าน่าจะทราบดี แต่เห็นแก่ความดีความชอบของเจ้า ข้าจะลงโทษเพียงสถานเบาเท่านั้น ก่อนอื่นก็ลดตำแหน่งลง และลดเงินเดือนเป็นเวลา 50 ปีและจะไม่มีการเลื่อนขั้นหรือเพิ่มเงินเดือนใดๆ ส่วนบุตรชายของเจ้าและคนของเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเมืองหลวงอีกจนกว่าโทษ 50 ปีของเจ้าจะหมดลง”หลิวเมิ่งพูดพลางมองไปทางเสินอี้หลินนิ่ง นางเอกก็โกรธในสิ่งที่เสินคงทำลงไป แต่เสินอี้หลินก็มีผลงาน ลงโทษเท่านี้ก็คงพอแล้ว
“จริงสิ ดูเหมือนอดีตแม่ทัพเสินจะมีเรื่องหมางใจกับรองแม่ทัพผู้หนึ่งในเขตทางตะวันตกนี่นา ส่งมันไปเป็นลูกน้องของรองแม่ทัพคนนั้นก็แล้วกัน”ไช่จินว่าพลางยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ตัวมันไม่เหมือนหลิวเมิ่ง มันอยากจะสั่งประหารตระกูลเสินให้หมดเสียด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวสิขอรับ ข้าทำอะไรผิดไปงั้นหรือพวกท่านถึงได้ลงโทษบิดาของข้าถึงขนาดนี้”เสินคงถามด้วยท่าทีตกใจ บทลงโทษอะไรกันถึงได้ร้ายแรงถึงเพียงนี้ แม้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจะมีชีวิตยืนยาว แต่โทษตั้ง 50 ปีนี้ไม่เท่ากับตัดเส้นทางเติบโตของเสินอี้หลินจนหมดเลยงั้นหรือ
“ใช่แล้วขอรับองค์จักรพรรดินี อย่างน้อยข้าก็อยากทราบว่าบุตรชายของข้าทำอะไรผิด”เสินอี้หลินถามด้วยท่าทีสับสน เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ลูกชายของมันไปทำอะไรมากันแน่
“บุตรชายของเจ้าทำอะไรงั้นหรือ”ไช่จินเดือดแทบจะลมออกหู ที่พวกมันไม่ได้พูดว่าเสินคงทำอะไรลงไปก็เพราะไม่อยากให้เหล่าแม่ทัพขุนพลรอบๆเดือดดาลไปด้วยเพราะกลัวว่าจะคุมอารมณ์พวกมันไม่อยู่ ขืนพวกขุนพลลุกขึ้นมาเล่นงานเสินคงเข้าตอนนี้คงไม่มีใครช่วยมันได้หรอก
“ขอรับ ได้โปรดให้ข้าได้ทราบด้วย”เสินอี้หลินพูดพลางกำหมัดแน่น อยู่ๆก็มากล่าวหาบุตรชายของมัน มีหรือมันจะยอมรับได้
“เจ้าน่าจะทราบแล้วว่าจักรพรรดิไป๋ได้กลับมาแล้ว”ไช่จินพูดพลางกอดอกแน่น เรื่องของไป๋จูเหวินนั้นพอจะทราบกันในหมู่แม่ทัพแล้ว แม้แต่เสินอี้หลินก็ได้ยินข่าวลือมาบ้าง
“ขอรับ”เสินอี้หลินตอบรับพลางขมวดคิ้วสงสัย เรื่องของบุตรชายมันเกี่ยวอะไรกับจักรพรรดิไป๋งั้นหรือ
“ทันทีที่ท่านกลับมา บุตรชายของเจ้าก็เข้าไปหาเรื่องบุตรชายคนเล็กของจักรพรรดิไป๋นามว่า ไป๋จูล่ง เข้า จินหมิงที่ยังบาดเจ็บอยู่ก็เพราะไปโจมตีไป๋จูล่งเข้ายังไงล่ะ”ไช่จินพูดจบ เหล่าขุนพลรอบๆก็มีท่าทีตื่นตกใจทันที หลิวเมิ่งแม้รับตำแหน่งจักรพรรดินีมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยสถาปนาตนเป็นกษัตริย์แต่อย่างไร พูดกันตามเนื้อผ้าแล้วไป๋จูเหวินยังเป็นจักรพรรดิเจ้าของอาณาจักรไป๋อยู่ ส่วนไป๋จูล่งก็เป็นเจ้าชายของอาณาจักรไป๋ โทษการทำร้ายเจ้าชายนั้นหนักหนาแค่ไหนทำไมเสินอี้หลินจะไม่ทราบ
“เช่นนั้น ข้าจะลงโทษจินหมิงด้วยตนเอง ไม่สิ ข้าจะให้มันชดใช้ด้วยชีวิต”เสินอี้หลินตอบพลางเบิกตากว้าง
“แล้วก็….ลูกชายของเจ้า”ไช่จินว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“บังอาจ….พ่นคำอย่าง ลูกเมียน้อย ใส่หน้าไป๋จูล่งบุตรชายของจักรพรรดิไป๋ที่เกิดจากมเหสีเหม่ยหลิน…..”ได้ยินไช่จินพูดเช่นนั้นทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูรก็พลันล้นทะลักท้องพระโรงทันที เหล่าขุนพลต่างก็เป็นผู้นับถือไป๋จูเหวินจากใจจริง ทราบดีว่าไป๋จูเหวินรักเพียงเหม่ยหลินแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น การกล่าวหาว่าจูล่งเป็นลูกเมียน้อยนอกจากจะดูถูกจูล่งแล้ว มันยังกำลังดูถูกไป๋จูเหวินด้วยเช่นกัน
“เจ้าพูดแบบนั้นออกไปงั้นหรือ”คราวนี้แม้แต่เสินอี้หลินก็ยังหันมาจดจ้องบุตรชายของตนเอง เสินอี้หลินแม้ไม่ใช่คนอาณาจักรไป๋มาแต่แรก แต่ก็เคยโดนกองทัพอสูรของชินอี้เล่นงานอาณาจักรของตน มันเกือบจะตายไปแล้ว แต่เพราะได้จักรพรรดิไป๋เข้ามาฟื้นฟู ทำให้มันสามารถมีชีวิตอย่างทุกวันนี้ได้ คนที่กล้าต่อว่าบุตรชายของจักรพรรดิไป๋ ต่อให้เป็นบุตรชายตนเองมันก็ไม่มีวันยกโทษให้
“ข้า….”เสินคงตัวสั่นสะท้าน ไม่นึกว่าคำหลุดปากเพียงคำเดียวจะทำให้เป็นเช่นนี้