ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1903 : ซุนเหลียนเฉิงผู้ลึกลับ

  คำพูดของจางหยูใช่ว่าจะไร้ความหมาย

  ด้วยความแข็งแกร่งของคนในสำนักและร่างแยกของเขาที่เพิ่มขึ้นมา ก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นไปด้วย บางทีเขาอาจจะยังไม่ใช่คู่มือของจักรพรรดิ แต่ช่องว่างนั้นก็แคบลงอย่างมาก หากเขาต้องการจะกำจัดเก่อเย่จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก นอกซะจากว่าซื่อเซียวจะคอยปกป้องเก่อเย่ ไม่อย่างนั้นเก่อเย่ก็ต้องตาย

  แล้วซื่อเซียวจะคอยปกป้องเก่อเย่อยู่ตลอดรึ ?

  คำตอบคือไม่

  ซื่อเซียวเป็นจักรพรรดิ เขาคือหนึ่งในเก้าจักรพรรดิของทะเลโกลาหล มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะมาคอยปกป้องแม่ทัพอยู่ตลอดเวลา ?

  แม้ว่าซื่อเซียวจะมีความอดทนพอ แต่นั่นก็อาจจะทำให้เขาเสียหน้าได้

  เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู ซูจิงก็ตกใจและรีบพูดขึ้นมา  เจ้าสำนัก ข้ารู้ว่าท่านแข็งแกร่ง แต่อย่าได้ดูหมิ่นจักรพรรดิไป ! หากเรื่องนี้ไปถึงหูใครเข้า มันอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ 

  เขาไม่คิดเลยว่าจางหยูจะกล้าดูหมิ่นจักรพรรดิ !

  ตอนนี้เองเขาก็เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา หากเขารู้ว่าจางหยูจะหยิ่งทะนงและบ้าแบบนี้ เขาคงยอมทำตามแผนเดิมเพื่อหาทางกำจัดเก่อเย่ แทนที่จะมาฝากความหวังไว้กับเจ้าสำนัก

  หัวหน้าทีมคังเฉียงนี่มันคนบ้าดีๆนี่เอง !

    เจ้ากลัวซื่อเซียวรึ ?  จางหยูถามขึ้นมา

    แน่นอนว่ากลัว ! ใครบ้างที่ไม่กลัวจักรพรรดิ ?  ซูจิงไม่ได้ปิดบัง   ท่านไม่กลัวรึ ? 

    ข้าไม่กลัว  จางหยูพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม   บางทีอาจจะหวั่นเกรงอยู่นิดๆแต่ไม่ได้กลัว    ซูจิงขมวดคิ้วและพึมพำออกมา   เจ้าสำนักพูดจาระวังด้วย ! 

  เขาพบว่าคำพูดของจางหยูได้ใจมากขึ้นเรื่อยๆ จางหยูไม่ได้ให้ความเคารพจักรพรรดิ และยังเรียกจักรพรรดิแค่ชื่อ มันดูหยิ่งทะนงกว่าพี่เขยของเขาที่เป็นอัจฉริยะเสียอีก !

    เจ้าคือคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่ว แต่กลับมีความกล้าน้อยจริงๆ !   เสี่ยวเสียเห็นว่าซูจิงแสดงท่าทีหวาดกลัวก็อดไม่ได้ที่จะดูถูก   ก็แค่จักรพรรดิไม่ใช่รึ ? จะกลัวทำไม ! เจ้าทำราวกับว่านายข้าไม่ใช่จักรพรรดิ… 

  ซูจิงอึ้งไปและเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ   เจ้าว่ายังไงนะ ?  เขามองไปที่จางหยูและพูดด้วยเสียงที่สั่น   ทะ ท่านเป็นจักรพรรดิรึ ? 

    ไม่ต้องกังวล ข้าไม่กินเจ้าหรอก เจ้าจะกังวลทำไมกัน ?  จางหยูยิ้มรับ   ยังไงซะจักรพรรดิก็เป็นมนุษย์ พวกเขาไม่ใช่สัตว์ประหลาดเสียหน่อย 

  นี่คือการยอมรับอ้อมๆว่าเขาเป็นจักรพรรดิ

  ซูจิงอึ้งเมื่อได้ยินแบบนั้น

    จะ…จักรพรรดิรึ ?  ซูจิงเผยสีหน้าโง่เง่าออกมา มันราวกับฝัน ในหัวของเขาตอนนี้ขาวโพลน

    ทะ ท่าน…  ซูจิงไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรออกมาดี มันราวกับว่าไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ก็ไม่อาจบอกถึงความตะลึงที่อยู่ในใจได้

  ใครจะไปคิดว่าหัวหน้าทีมคังเฉียง, เจ้าสำนักของสำนักคังเฉียงจะเป็นจักรพรรดิ !

  ตัวตนที่สูงส่งเกินกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ จักรพรรดิที่ปกครองทะเลโกลาหล !

  มันไม่เหมือนกับซื่อเซียว ซูจิงไม่เข้าใจเรื่องจักรพรรดิ หลังจากที่รู้ว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิ เขาก็ไม่สงสัยสิ่งใดและเชื่อว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิจริงๆ

  เพราะเขาคิดหาเหตุผลที่จางหยูจะมาหลอกเขาไม่ได้

    ไม่แปลกเลยที่กล้าเรียกจักรพรรดิแค่ชื่อ และไม่เห็นเก่อเย่อยู่ในสายตา…  ซูจิงกระจ่างทันที ตอนแรกเขาคิดว่าจางหยูนั้นบ้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจางหยูจะไม่ได้บ้า เขาแค่ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักคนนี้แข็งแกร่งเพียงใด   นอกจากจักรพรรดิทั้งเก้าแล้ว ก็ยังมีจักรพรรดิคนที่สิบกำเนิดขึ้นมา ! 

  ตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นทะเลโกลาหลมีจักรพรรดิแค่ 9 คน ทั้งเก้าคือประกาศิตของทะเลโกลาหล ไม่มีใครขัดขืนได้ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่เคยกำเนิดจักรพรรดิคนที่ 10 ขึ้นมา ซึ่งทำให้ทุกคนคิดว่าบางทีทะเลโกลาหลไม่อาจจะให้กำเนิดจักรพรรดิคนที่ 10 ขึ้นมาได้ บางทีมันอาจจะมีจักรพรรดิแค่ 9 คนเท่านั้น นั่นคือขีดจำกัดของทะเลโกลาหล

  ตอนนี้ความคิดนี้กลับพลิกผันไป ทะเลโกลาหลได้ให้กำเนิดจักรพรรดิคนที่ 10 ขึ้นมา !

  ซูจิงคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพ   ผู้น้อยซูจิงคำนับจักรพรรดิ ! ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ตัวตนของท่านจึงเสียมารยาทไป ข้าขอให้จักรพรรดิยกโทษให้ด้วย ! 

  ท่าทีของเขาต่อจางหยูนั้นดูเคารพยิ่งกว่าเก่า

    กลับไปพูดเรื่องซุนเหลียนเฉิงก่อน  จางหยูถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม  เจ้ารู้รึไม่ว่าซุนเหลียนเฉิงมีที่มายังไง ? อย่างพ่อแม่หรือตระกูลของเขา ?  เขาสนใจเรื่องซุนเหลียนเฉิง เพราะการเติบโตของซุนเหลียนเฉิงนั้นเหมือนตัวละครหลักที่ถูกสร้างขึ้นมา คนแบบนี้คงปิดบังความลับไว้เป็นจำนวนมาก

  ซูจิงส่ายหน้า   พี่เขยนั้นลึกลับ เขาราวกับหินที่โผล่มาจากบ่อน้ำ ทันทีที่ปรากฏตัวก็แสดงความแข็งแกร่งระดับแม่ทัพออกมา ตอนที่ปรากฏตัวตอนแรกก็ในช่วงสงคราม…แม้ว่าพี่ข้าจะแต่งงานกับเขาแต่ข้าก็ไม่รู้เรื่องของเขามากนัก นี่ไม่ต้องนับเรื่องพ่อแม่และเรื่องอื่นๆของเขาเลย แต่… 

  เมื่อพูดถึงจุดนี้ ซูจิงก็เหมือนจะนึกบางอย่างออก   บางทีเก่อเย่อาจจะรู้บางอย่าง หลังจากที่พี่เขยตาย เขาก็สืบเรื่องของพี่เขยอย่างลับๆ ตามหลักการแล้ว เรื่องนี้ควรจะสิ้นสุด เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไล่ตามเรื่องนี้ต่อ อีกอย่างในฐานะแม่ทัพแล้ว เขามีธุระมากมายที่ต้องทำ ไม่ควรจะเสียเวลาและความพยายามในการสืบเรื่องของคนที่ตายไปแล้ว แต่ข้าเชื่อว่าเขายังคงตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ 

  แน่นอนว่านี่แค่การคาดเดาของซูจิง เขาไม่ได้มีหลักฐานใดๆ

    งั้นปัญหาก็คือเก่อเย่ บางทีเราอาจจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากปากเขา  จางหยูพึมพำออกมา

  ซูจิงพูดขึ้น   เจ้าสำนักคิดจะลงมือกับเก่อเย่งั้นรึ ? 

   เก่อเย่ไม่มีค่าพอให้พูดถึง แต่ข้าคิดถึงท่าทีของซื่อเซียวต่างหาก  จางหยูพูดขึ้น การลงมือกับเก่อเย่ อาจจะทำให้ซื่อเซียวโกรธ การหาเรื่องจักรพรรดิไม่ใช่เรื่องที่คุ้มค่า อีกอย่างซื่อเซียวก็ได้ให้ลูกปัดดั้งเดิมกับเขาพันล้านลูก พวกเขายังต้องร่วมมือกับซื่อเซียว  ทางที่ดีที่สุดควรรอโอกาสที่เหมาะสม มันจะดีกว่าหากข้าไม่ต้องลงมือด้วยตัวเองและให้คนของสำนักคังเฉียงจัดการแทน 

  จนกว่าจะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิได้จริงๆ จางหยูก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไว้ อย่างน้อยก็ไม่คิดจะทำลายสมดุลนี้ทิ้ง

  ไม่อย่างงั้นสำนักคังเฉียงจะหาได้ลูกปัดจากเขตซื่อเซียวได้ยังไงในอนาคต ?

  ชัดแล้วว่านั่นคือการสูบน้ำออกจากทะเลสาบ เพื่อจับปลา [1]

  เมื่อคิดแบบนั้นจางหยูก็บอกกับซูจิง   เจ้ากลับไปก่อน เรื่องเก่อเย่นั้นเจ้าอย่าเพิ่งไปยุ่ง รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม สำนักคังเฉียงจะจัดการเอง… 

  ซูจิงไม่กล้าเร่งรัดและตอบกลับทันที   ขอรับ ! 

    เมื่อเจ้ากลับไป หากมีใครถามเรื่องที่เจ้าทำในสำนักคังเฉียง เจ้าก็บอกว่าเจ้าได้เล่าเรื่องซุนเหลียนเฉิงและซุนกวนให้เราฟัง  จางหยูพูดขึ้น   เรื่องของข้านั้นเจ้าอย่าพูดถึง เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้พบข้า  เขาไม่อยากให้คนรู้ว่าเขาคือจักรพรรดิคนใหม่

    ขอรับ !  ซูจิงไม่กล้าปฏิเสธคำสั่งของจักรพรรดิ

  จางหยูโบกมือ   ซุนเหยียน, ซุนเมิ่ง พวกเจ้าไปส่งเขา 

  ทันทีที่พูดจบ จางหยูก็หายตัวไป

  ตอนนั้นเองซุนเหยียนก็ได้บอกกับซูจิงบอก   ท่านน้า เชิญ 

    เด็กสาวนี่เป็นใครกัน ?  ซูจิงมองไปที่ซุนเมิ่งด้วยความสงสัย จักรพรรดิสั่งแค่ซุนเหยียนก็ได้ แต่ทำไมต้องจงใจพูดถึงซุนเมิ่งด้วย

  ซุนเหยียนแนะนำ   นี่คือทายาทของร่างหลัก นอกจากนางแล้วก็ยังมีอีกคนที่ชื่อว่าซุนวู พวกเขาคือสายเลือดที่หลงเหลืออยู่ของร่างหลัก 

  ซุนเมิ่งมองไปที่ซูจิง นางไม่รู้ว่าจะเรียกเขายังไงดี?   ซุนเมิ่งลังเลสักพักก่อนจะพูดขึ้นมา  ผู้อาวุโส  

  ยังไงซะนางกับซุนกวนก็ห่างกันไม่รู้กี่รุ่น การเรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสก็นับว่าเหมาะสมแล้ว

    ลูกหลานของซุนกวนรึ ?  ซูจิงจ้องมองซุนเมิ่ง เขามองอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้น   สาวน้อย ข้าหวังว่าเจ้าจะบ่มเพาะอย่างหนัก เพื่อไม่ทำให้ชื่อเสียงของบรรพชนต้องเสียหาย ! ตอนนี้สายเลือดของพวกเจ้าเหลือแค่ 3 คนเท่านั้น พวกเจ้าต้องกอบกู้ชื่อเสียงตระกูลของซุนให้ได้ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำให้พี่เขยต้องผิดหวัง 

  หลังจากนั้นสักพัก ซูจิงก็พูดขึ้นต่อ   หากเจ้าขาดทรัพยากรใดๆ เจ้าก็ติดต่อมาหาข้าได้เลย ข้าจะหาทางช่วยเจ้าเอง นอกจากนี้แล้ว หากมีข้อสงสัยในการบ่มเพาะ เจ้าก็ถามข้าได้เลย ข้าไม่มีทางปิดบังอย่างแน่นอน 

  ในมุมมองของเขาแล้วเขาที่เป็นผู้บัญชาการใหญ่นั้นมีความสามารถเพียงพอที่จะสั่งสอนสาวน้อยผู้นี้

  [1] การสูบน้ำออกจากทะเลสาบ เพื่อจับปลา เป็นสุภาษิตจีนที่มีความหมายว่าเร่งรีบทำอะไรจนเกินไป จนสุดท้ายก็ทำลายผลประโยชน์ที่จะได้รับจากสิ่งนั้นไป

ตอนที่ 1904 : โจมตี

    เจ้านี่น่ะคิดจะชี้แนะให้กับนาง ?  เสี่ยวเสียมองไปที่ซูจิงด้วยสีหน้าแปลกๆ   เจ้าเข้าใจผิดเรื่องความแข็งแกร่งตัวเองรึไม่ ? 

  ซูจิงพูดขึ้น   ข้าเป็นผู้บัญชาการใหญ่จะไม่มีความสามารถสั่งสอนนางได้ยังไง ?  เขามองเสี่ยวเสียแล้วพึมพำออกมา   ข้ายอมรับว่าข้าอ่อนแอกว่าเจ้า แต่ข้าก็ไม่ได้อ่อนแอนักไม่ใช่รึ ? ข้าเป็นถึงผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพเทียนลั่วเลยนะ 

  ซุนเหยียนเห็นว่าซูจิงเผยท่าทีมั่นใจก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงออกมาดี

    นี่…  ซุนเหยียนพยายามจะค้าน   ท่านน้า ท่านอาจจะไม่อาจจะสอนนางได้ 

    ทำไมกัน ?  ซูจิงสับสน

    ความแข็งแกร่งของซุนเมิ่งนั้น ในหมู่สำนักคังเฉียงแล้วถือว่าอยู่อันดับต้นๆ   ซุนเหยียนพูดขึ้น   นอกจากร่างแยกของเจ้าสำนักและ

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ระบบเจ้าสำนักจางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์ หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก” เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้ ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน... ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดับการบ่มเพาะ ขอบเขตฉีซวน ระดับ 1-9 ขอบเขตว่อซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตตันซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตหลิงซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตหลี่ซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตตุ้นซวน ระดับต่ำ กลาง สูง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset