ตอนที่ 81 สำนักเม็ดยาหินม่วง
หยานจีออกจากตระกูลเซียนกู่ไปพร้อมตราของกู่ฉางเกอในมือ และไม่มีใครกล้าหยุดนาง
ตอนนี้ที่กู่ฉางเกอเป็นนายน้อยตัวจริงของตระกูล อำนาจที่เขามีในมือย่อมสูงสุด ผู้หญิงในชุดแดงเป็นสาวสวยและนางก็ถือตราของกู่ฉางเกอไว้ในมือ คนหลายคนของตระกูลจึงคิดไปทางหนึ่งและไม่กล้าทำให้นางไม่พอใจ
ผู้อาวุโสหลายคนได้ยินข่าวนางจากคนส่งข้อมูล แต่ก็ไม่สนใจเรื่องนี้ เหนือสิ่งอื่นใด นางไม่ใช่สมาชิกตระกูลกู่ และก็เป็นแค่ผู้บ่มเพาะอาณาจักรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ มันเลี่ยงไม่ได้ที่กู่ฉางเกอจะมีคนเช่นนี้ที่ปรารถนาเกาะเขา
ไม่กี่วันต่อมา กู่ฉางเกอเริ่มเตรียมการอื่น ค่าโชคของเขามั่นคงแล้วและเขาก็จัดการกับเรื่องในตระกูลแล้ว
ในเวลาเดียวกัน เฒ่าหมิงยังนำคนของเชื้อสายที่โดนขับไล่กลับมา และนั่นก็ทำให้เกิดความปั่นป่วน
ผู้อาวุโสหลายคนต้อนรับพวกเขาอย่างมีความสุข ท่าทีของพวกเขาต่อกู่ฉางเกอยังผ่อนคลายขึ้นหลังยืนยันว่าเขาไม่ได้หลอก
กู่ฉางเกอเองก็ไปต้อนรับพวกเขา แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาได้บอกคนสนิทของเขาให้คอยจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของคนพวกนี้ แม้เขาจะไม่สนใจการแก้แค้นจากพวกเขา แต่มันก็ยังดีกว่าที่ทุกอย่างจะอยู่ในสายตา
คนของเชื้อสายนั้นตกใจตอนรู้ว่ากู่ฉางเกอคือคนริเริ่มพาพวกเขากลับมา และเขาก็ไม่ได้โดนบังคับ
พวกเขาอดรู้สึกซับซ้อนไม่ได้
นอกจากนั้น พวกเขายังอดเงียบไม่ได้ตอนได้ยินผู้อาวุโสคนอื่นพูดถึงกู่ฉางเกอที่เปลี่ยนเป็นใบไม้และอยากแก้ไขความผิดพลาดในอดีต
นี่เป็นเรื่องใหญ่อย่างมากต่อทั้งตระกูล
ทว่า!ความเกลียดจากอดีตไม่อาจลบล้างได้ง่ายขนาดนั้น ความเจ็บปวดกับความอัปยศที่พวกเขารู้สึก และความเจ็บปวดของเด็กสาวที่โดนกู่ฉางเกอฉีกกระดูกเต๋าไปนั้นไม่อาจลบล้างได้ด้วยการขอโทษแบบนี้
สิ่งสำคัญสุดคือพวกเขายังไม่รู้ที่อยู่ของกู่เซียนเอ๋อร์ หรือไม่รู้ว่านางยังมีชีวิตไหม
พวกเขาพอทนได้ถ้าเป็นเรื่องของพวกเขา แต่พวกเขาไม่สามารถยอมรับกู่ฉางเกอที่ไม่ทำอะไรเพื่อชดเชยกู่เซียนเอ๋อร์ได้
แถม กู่ฉางเกอไม่พูดอะไรสักคำเพื่อขอโทษ เขามาดูและก็จากไปเฉยๆ การกระทำเหล่านี้จากเขาเพิ่มความโกรธในใจพวกเขา แต่พวกเขาก็ทำได้แค่กลืนลงท้องไป เหนือสิ่งอื่นใด ตอนนี้กู่ฉางเกอคือนายน้อย
แต่จากนั้น ผนึกฐานบ่มเพาะพวกเขาก็พลันถูกลบโดยคำสั่งของกู่ฉางเกอ และฐานบ่มเพาะพวกเขาที่โดนสะกดมาหลายปีก็กลับสู่จุดสูงสุด ถ้านั่นไม่พอ ผู้อาวุโสหลายคนที่โดนขังไว้ยังถูกปล่อยตัว
นี่ทำให้หัวใจพวกเขาสับสนมาก พวกเขาไม่รู้ว่าควรปฏิบัติต่อกู่ฉางเกออย่างไร และพวกเขาก็ไม่รู้ว่ากู่ฉางเกอมีแผนการอะไรกันแน่
สุดท้าย พวกเขาก็รู้สึกว่าเขาคงพยายามแก้ไขความขัดแย้งจริง แต่เพราะนิสัยเขา เขาจึงไม่ลดหน้าตัวเองมาขอโทษ เขากลับเลือกแสดงการแก้ไขผ่านการกระทำแทน เพราะเหตุนี้ ทัศนคติพวกเขาที่มีต่อกู่ฉางเกอจึงดีขึ้น และก็ไม่รู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาเหมือนเดิม
อย่างที่พูดกัน’คนที่รู้จักแก้ไขความผิดพลาดนั้นยังน่าคบหา’
แม้กระทั่งคนอย่างกู่ฉางเกอ พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าเขากลับตัวได้
สุดท้าย ทั้งหมดก็มาจากตระกุลเดียวกัน ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บรั้งความขุ่นเคืองไว้นาน แม้พวกเขาจะโดนขับไล่ พวกเขาก็ไม่ได้ลำบากมากในโลภายนอก มันแค่ว่าความไม่พอใจไม่สามารถลบล้างได้ในเวลาอันสั้น
กู่ฉางเกอเองก็รู้สึกว่าทัศนคติของพวกเขาต่อเขาเปลี่ยนเป็นดีขึ้น แต่เขาไม่แปลกใจ เหนือสิ่งอื่นใด ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเขา ถ้าเขาขอโทษ ปลดผนึกฐานบ่มเพาะ และปลดปล่อยคนที่โดนขังไว้ จากนั้นแทนที่จะรู้สึกดีต่อเขา พวกเขากลับมีความรู้สึกว่าเขามีแผนการบางอย่าง
แต่เพราะเขาใช้วิธีการต่างกัน’ไม่ขอโทษ ซึ่งทำให้พวกเขาโกรธและหงุดหงิด จากนั้นก็ปลดผนึกฐานบ่มเพาะกับปล่อยตัวคน’พวกเขาจะรู้สึกว่าเขากำลังพยายามกลับใจ และไม่มีเจตนาอื่น มันแค่ว่าเขาไม่สามารถก้มหัวให้พวกเขาได้
ผลกระทบของสองวิธีต่างกันอย่างสิ้นเชิง
กู่ฉางเกอไม่คิดว่าเขาฉลาดมาก แค่ว่าเขามักพบวิธีที่มีประสิทธิภาพสุด
หลังจากนั้น เขาก็เริ่มจัดการกับเรื่องอื่นในมือ ในเมื่อเขาเป็นคนพาซูชิงเกอกับหลินชิวหานมา งั้นเขาก็ต้องเป็นคนดูแลทั้งสอง
ตอนนี้ที่พวกนางเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลกู่ พวกนางจะต้องไม่ถูกรังแกหลังเขาส่งพวกนางไปสำนักอื่นเพื่อบ่มเพาะแน่
ซูชิงเกอฉลาด และไม่มีปัญหาใด คนที่เขากังวลสุดคือหลินชิวหาน เพราะนางมีนิสัยอ่อนโยน และความคิดก็ไม่ได้แหลมคม กู่ฉางเกอจึงรู้สึกว่านางอาจอยุ่รอดไม่ได้ถ้าเขาให้นางใช้ชีวิตเองในโลกภายนอก
แต่ทว่า ด้วยพรสวรรค์น่ากลัวของนาง ทุกสำนักล้วนต้องการตัวนางเป็นศิษย์โดยไม่สนราคาที่ต้องจ่าย
กู่ฉางเกอไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มานาน ก่อนอื่น เขาพาซูชิงเกอไปสำนักเทพดั้งเดิมของแม่เขา เพราะเขาจะได้พบกับแม่เขาพร้อมกัน
สำนักเทพดั้งเดิม
มันคือสำนักโบราณที่ตั้งอยู่ในเขตชั้นในของสวรรค์พรหมที่ดำรงอยู่มานาน อาณาเขตของมันกว้างขวางมาก เพราะในอดีตพวกเขาเคยใช้วิธีการชั่วร้ายมากมายในการแย่งชิงอาณาเขต
แน่นอน สถานการณ์ของสำนักดีขึ้นมากแล้ว ด้วยความพยายามของศิษย์กับผู้อาวุโส สุดท้ายพวกเขาก็เปลี่ยนชื่อและชื่อเสียงจากนิกายมารเป็นเทพได้ แค่ว่ายังตัดออกจากรากเหง้าไม่ได้อย่างสมบูรณ์
นิกายที่เหลือล้วนระวังอย่างมากตอนผ่านสวรรค์พรหม กลัวว่าจะโดนปล้น
กู่ฉางเกอ ในฐานะบุตรของสตรีศักดิ์สิทธิ์คนก่อนของสำนักเทพดั้งเดิม และนายน้อยตระกูลกู่ย่อมมาถึงสำนักเทพดั้งเดิมโดยไร้อุปสรรคและพบแม่ของเขาที่กำลังบ่มเพาะ
ทั้งสองคุยกันอยู่นาน และกู่ฉางเกอก็บอกแม่เขาเรื่องเดียวกับที่เขาพูดกับแม่ ดวงตาของแม่เขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ และนางก็รู้สึกหดหู่ใจกับความทรมานของลูกชายนางตลอดหลายปี
กู่ฉางเกอไม่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้เลย ยังไงซะ ใจมารก็ไม่เป็นอันตรายต่อเขาอีก เขามั่นใจว่าพ่อแม่เขาคงไม่อยากเห็นเขาคนเดิม
สำหรับต้นกำเนิดของซูชิงเกอ?กู่ฉางเกอรู้สึกโล่งใจที่จะฝากให้แม่เขาดูแล
แถม ซูชิงเกอดูเหมือนจะชอบแม่เขาด้วย กู่ฉางเกอจึงขอให้นางอยู่กับแม่ขัสพกัก แม่ของเขาสามารถช่วยนางตรวจสอบความทรงจำนางได้
กู่ฉางเกอกลับไปตระกูลกู่หลังอยู่ในสำนักเทพดั้งเดิมอีกสองสามวัน
หลังจากนั้น เขาก็พาหลินชิวหานไปสำนักเม็ดยาหินม่วงของสวรรค์ตะวันออก
เขตชั้นในมีหลายสวรรค์ และอาณาเขตมันก็ถูกแบ่งแยกระหว่างสวรรค์เหล่านี้ สวรรค์ตะวันออกล้อมรอบอาณาจักรเบื้องล่างที่เกี่ยวกับหลอมโอสถ และแม้กระทั่งโลกที่เกี่ยวกับการหลอมของอาณาจักรเบื้องบนและนักหลอมโอสถทุกคนที่ขึ้นมาก็ล้วนปรารถนาจะมายังสวรรค์ตะวันออกให้ได้
สวรรค์ตะวันออกมีปรมาจารย์หลอมโอสถมากมาย เม็ดยาที่พวกเขาหลอมยากจะไปถึงมือโลกภายนอก ในแง่ทรัพยากร มีตระกูลกับสำนักน้อยมากที่จะเทียบได้กับสำนักหลอมโอสถของสวรรค์ตะวันออก
มันไม่อาจประเมินอำนาจและสายสัมพันธ์ของสำนักหลอมโอสถเหล่านี้ได้เลย
แม้สำนักเม็ดยาหินม่วงจะเป็นสำนักใหญ่ที่เคยเป็นสำนักอันดับหนึ่งในอาณาจักรเบื้องบน แต่มันก็ตกต่ำลงมาก เหตุผลเพราะพวกเขาไม่มีศิษย์ชั้นดีหรือผู้สืบทอด
มันยากจะหาคนมีพรสวรรค์ในด้านนี้ และผู้มีพรสวรรค์ก็ยังต้องเลือกเข้าร่วมสำนักพวกเขาด้วย
เวลาส่วนใหญ่ พวกเขาจะรับศิษย์จากดินแดนต่างๆของอาณาจักรเบื้องบนเพราะอาณาจักรเบื้องล่างแทบจะไม่ให้กำเนิดอัจฉริยะด้านนี้ที่สามารถทะยานขึ้นมาอาณาจักรเบื้องบนได้ ต่อให้มีคนขึ้นมาได้จริง พวกเขาก็จะถึงเขตชั้นนอก และลงเอยด้วยการเป็นคนงานขุดเหมือง
ปัญหาทั้งหมดนี้ทำให้สำนักหลอมต่างๆยังคงค้นหาศิษย์ชั้นดีกันต่อ พวกเขามีทรัพยากรมาก ไม่ขาดอะไร แต่ขาดศิษย์มีพรสวรรค์ที่จะมาใช้ทรัพยากร
มันเพราะเหตุนี้ขุมอำนาจต่างๆของอาณาจักรเบื้องบนจึงควานหาตัวผู้มีพรสวรรค์ด้านนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ส่งคนเหล่านั้นไปสำนักหลอมโอสถใหญ่และได้รับผลประโยชน์ตอบแทนกลับมา
…
ภูเขาเซียนสูงตระหง่าน น้ำตกสาดกระจายน้ำหวานพวกมันไปทั่ว ดวงอาทิตย์ส่องสว่างไปทั่วโลก และเจตจำนงเม็ดยาก็แผ่ไปทั่วทุกมุม บรรยากาศในสำนักเม็ดยาหินม่วงช่วงดูยิ่งใหญ่
ตอนนี้ คลื่นกำลังถาโถมไปทั่วยอดเขาต่างๆของสำนักเม็ดยาหินม่วง ผู้นำยอดเขาของยอดเขาต่างๆเร่งไปทางประตูของสำนักตัวเอง
“นายน้อยตระกูลเซียนกู่อยู่ด้านนอกประตูสำนักเรา?”
แม้สำนักเม็ดยาหินม่วงจะอ้างว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งในด้านการหลอมโอสถ พวกเขาก็รู้ตัวว่าต่ำชั้นกว่าตระกูลเซียนกู่และวังเต๋าอมตะสวรรค์
เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาคือสำนักที่อุทิศตนให้กับการหลอม พวกเขาไม่สามารถเทียบได้กับขุมอำนาจอย่างตระกูลกู่และวังเต๋าอมตะสวรรค์ที่เป็นเด่นด้านพลัง
แม้กระทั่งพวกเขาก็ยังต้องยอมสิโรราบ
ตอนนี้ที่นายน้อยตระกูลกู่มาหน้าประตู พวกเขาก็ต้องระวังอย่างมาก
รายงานนี้ทำให้ศิษย์กับผู้อาวุโสหลายคนของสำนักเม็ดยาหินม่วงตกใจ
“นี่คือสำนักเม็ดยาหินม่วงที่ท่านบอกข้าหรือ นายน้อย?ข้าสามารถได้กลิ่นหอมของเม็ดยาและสมุนไพรแม้เราจะยืนหน้าประตู…พวกเขาสมกับเป็นสำนักเม็ดยา!”
หลินชิวหานในชุดฟ้าเองก็ยืนอยู่กับกู่ฉางเกอ สีชมพูบนหน้านางทำให้นางดูสดใสและน่ารักมาก
นางมีความสุขมากหลังรู้ว่ากู่ฉาเงกออยากส่งนางมาสำนักนี้เพื่อเรียนรู้ เหนือสิ่งอื่นใด นางสนใจในศาสตร์การหลอม และนางก็จะช่วยเหลือกู่ฉางเกอได้หลังเรียนรู้มัน แบบนี้ นางจะไม่ไร้ประโยชน์เหมือนเดิม
“มันเป็นสำนักหลอมชื่อดังในอาณาจักรเบื้องบน แม้พวกเขาจะตกต่ำลง แต่พวกเขาไม่ขาดทรัพยากร สิ่งสำคัญสุดคือสำนักเม็ดยานี้มีตำราของเม็ดยาหินม่วง ซึ่งเป็นอะไรที่สูงส่งมาก มันคือยาสวรรค์เท่าที่ข้าได้ยินมา.”
กู่ฉาเงกอพูด เขาสวมชุดที่เข้ากับร่างสูงและหน้าตาหล่อเหลว รัศมีแสงแผ่รอบตัวเขาขณะยืนหน้าประตูสำนัก ทำให้เขาดูเหมือนเทพหนุ่ม ศิษย์หลายคนของสำนักเม็ดยายังอดมองเขาตาค้างไม่ได้
สิ่งเดียวที่กู่ฉางเกอไม่พูดถึงคือ’การแข่งขันในสำนักหลอมอื่นดุเดือดมาก และก็ไม่ขาดศิษย์ชั่วร้ายที่รอเหยียบย่ำคู่แข่งที่เหนือกว่า ไม่เหมือนสำนักเม็ดยาหินม่วง’
พวกเขาอยู่ในสภาพสิ้นหวัง และผู้ค้ำจุนพวกเขาก็คือกลุ่มผู้อาวุโสชราภาพ คนมีพรสวรรค์อย่างหลินชิวหานย่อมถูกเลี้ยงดูอย่างดีที่นี่ ตราบเท่าที่หลินชิวหานเข้าร่วมกับพวกเขา กู่ฉางเกอจะได้รับค่าโชคจำนวนมาก
และถ้านางกลายเป็นผู้สืบทอดของสำนักเม็ดยาหินม่วง งั้น…
[ฟู่!]
กู่ฉางเกอสามารถจินตนาการได้ว่าค่าโชคเขาจะเพิ่มแค่ไหน พอถึงเวลา เขาจะสามารถเพิ่มฐานบ่มเพาะได้โดยไม่ต้องทำอะไร
อาต้า เฒ่าหมิงกับคนสนิทคนอื่นของเขาเองก็ยืนด้านหลัง พวกเขาปลดปล่อยกลิ่นอายดุร้าย ทำให้กลุ่มศิษย์ที่ยืนขวางประตูรู้สึกไม่สบายใจ
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมกู่ฉางเกอ นายน้อยตระกูลกู่ถึงมาเยือนพวกเขาพร้อมสาวสวยข้างกาย?
พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับเขามานานแล้ว
ถ้าพูดถึงดาวที่สว่างสุดท่ามกลางคนรุ่นใหม่ของอาณาจักรเบื้องบน งั้นกู่ฉางเกอก็คือรายชื่อแรกๆ
บุตรพระเจ้า การกลับชาติมาเกิดของเซียนแท้จริง บุตรแห่งเต๋า..เขามีฉายามากมาย
ไม่ช้า คลื่นแสงหลากสีก็มาถึงตรงหน้าพวกเขาและเปลี่ยนเป็นคนหลายคน พวกเขาคือเหล่าผู้อาวุโสของสำนัก
“สำนักเม็ดยาหินม่วงเรานับเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับนายน้อยแห่งตระกูลกู่!’
ผู้อาวุโสชุดแดงประสานมือ และทักทายกู่ฉางเกอด้วยรอยยิ้มประจบบนหน้า