บทที่ 151 ข้าเองก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ! (ต้น)
“แรงพลักดันกระบี่ !” ห่างออกไป เยี่ยฉวนถือกระบี่หลิงซิ่วกระชับในมือแน่น
แรงพลักดันแห่งกระบี่กระจายไปทั่วโดยรอบจนรู้สึกได้
ชายหนุ่มจับกระบี่ในมือพลางเดินช้า ๆ ตรงเข้าหาภูเขา ทุกฝีเท้าที่ก้าวเดินทิ้งรอยร้าวบนแผ่นดินยาว หลายจั้ง เพียงในเวลาไม่นานพื้นที่โดยรอบเยี่ยฉวนก็เกิดร่องรอยแตกแยกบนพื้นผิวโยงใยคล้ายใยแมงมุม !
เยื้องออกไปทางเบื้องหลัง อาจารย์ใหญ่จี้ก็กำลังยืนมองด้วยแววตาครุ่นคิด แม้ยังสะลึมสะลือจาก อาการมึนเมา ทว่าความภูมิใจที่แฝงไว้ก็ไม่อาจปกปิดได้มิด !
‘แรงผลักดันแห่งกระบี่ !’
“เยี่ยฉวนผู้นี้ ไม่เพียงแต่จะเข้าใจแรงผลักดันได้เท่านั้น แต่ยังผสานมันเข้ากับศาสตราวุธได้อีกด้วย !”
“ถึงตอนนี้เขายังไม่บรรลุมันเต็มร้อยส่วน แต่ข้าก็รู้สึกถึงแรงผลักดันแห่งกระบี่ ! …สำหรับคนที่มีทักษะกระบี่ขั้นปฐพีตั้งแต่อดีตกาลจนถึงเวลานี้ ข้ายังไม่เคยพบเจอใครที่บรรลุแรงผลักดันแห่งกระบี่แม้สักคน !”
ชั่วขณะใหญ่ทีเดียวที่อาจารย์ใหญ่ตกอยู่ในภวังค์ความคิด ! เขานึกรำพึงกับตนเอง “เหตุใดเยี่ยฉวนจึง ได้มีทักษะกระบี่ที่น่ากลัวเช่นนี้ ?”
ฉับพลันนั้นเยี่ยฉวนหยุดกึก และเมื่อเขาหยุด พลันแรงผลักแห่งกระบี่ก็ได้หมุนวนรอบกายและเลือน หายไปจนไร้ร่องรอย
…ชายหนุ่มก้มลงมองกระบี่หลิงซิ่วที่กระชับอยู่ในอุ้งมือซึ่งกำลังสั่นน้อย ๆ “ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียชื่อแน่ !”
“ฮึ่มมมม !” เสียงกระหึ่มแห่งกระบี่สะท้อนสะท้านกึกก้องทั่วบริเวณนั้น
เยี่ยฉวนคลี่ยิ้มและคลายมือที่กำกระบี่ออก ครู่ต่อมาแสงแห่งกระบี่หลิงซิ่วก็ได้แล่บแปลบปลาบเกิด แสงกระพริบสว่างจ้าไปทั่วบริเวณ !
แสงที่รายล้อมรอบกายเยี่ยฉวนทอประกายระยิบระยับ ! ด้วยเขาได้ใช้พลังขั้นหลอมรวมลมปราณควบคุมพลังกระบี่ !
เวลานี้เขาสำเร็จการควบคุมกระบี่แล้ว และด้วยขั้นพลังของคนและกระบี่ที่สอดคล้องกัน จึงทำให้พลังของชายหนุ่มเพิ่มขึ้นแปดในสิบส่วนทีเดียว
ทันใดนั้นเอง เสียงของอาจารย์ใหญ่จี้พลันดังขึ้นข้างกาย “ทำไมเจ้าไม่ใช้แรงพลักดันแห่งกระบี่ออกไป ?”
เยี่ยฉวนหันไปมองอาจารย์ใหญ่ พร้อมกันนั้นเขาก็ได้ยื่นมือออกไปและดีดนิ้วดังเปาะ ทันใดนั้นเอง กระบี่หลิงซิ่วก็ได้ทะยานย้อนกลับ
และสงบนิ่งที่มือขวาของเขา เยี่ยฉวนยิ้ม “ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะเวลานี้… ข้าได้เข้าใจถ่องแท้ใน ‘แรงผลักดัน’ แล้ว !”
แรงผลักดัน !
กล่าวให้ตรงคือแม้ปราศจากพลังปฐพีเกื้อหนุน เวลานี้เพียงแค่ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ก็นับว่าเหนือกว่า ทักษะยุทธขั้นปฐพีก็ว่าได้ และถ้ามีพลังแห่งปฐพีเสริมอีกขั้น เมื่อนั้นแล้วแรงผลักดันแห่งกระบี่ของเขาก็จะรุนแรงไม่แพ้การใช้ทักษะยุทธ์ขั้นสวรรค์เลยทีเดียว !
และสิ่งที่ฝังรากหยั่งลึกภายในใจของเยี่ยฉวนในตอนนี้ มันก็คือ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ มิใช่เป็นเพียงทักษะกระบี่เท่านั้น ! หากแต่เป็นทั้งความคิดและจิตใจของตนเอง
อาจารย์ใหญ่จี้มองศิษย์คนที่ยืนตรงหน้าพลางยิ้มน้อย ๆ “การที่สถานศึกษาฉางมู่ได้ผลักไสคนผู้นี้ นับ เป็นการตัดสินใจพลาดอย่างใหญ่หลวงในรอบหลายร้อยปีของฉางมู่”
และสำหรับตัวเขา การกระทำเมื่อครั้งก่อนมันก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าที่สุดในรอบหลายปีเช่นกัน !
ผู้อาวุโสจี้ตบลงบนบ่าของเยี่ยฉวนเบา ๆ “เป็นคนหนุ่มนี่มันดีจริง ๆ” พูดเพียงเท่านั้น แล้วจึงหันหลัง เดินจากไป
เยี่ยฉวนยังไม่กลับไปทันที เขาเก็บกระบี่คืนสู่ฝักจากนั้นจึงหันไปทางเชิงเขาเบื้องหน้า มือข้างขวากำ เข้าหากัน
เปรี๊ยะ !
ฉับพลันนั้นก็ได้มีพลังชนิดหนึ่งพุ่งออกจากกำปั้น !
ชายหนุ่มเดินตรงไปทางภูเขาทีละก้าว ๆ เมื่อระยะห่างได้ประมาณศอกหนึ่ง ภาพเชิงเขาตรงหน้าจึง ค่อย ๆ ประทับลงในใจ ก่อนที่เยี่ยฉวนจะหลับตาลง !
ขณะนี้มือขวายังกำหมัดเกร็งแน่น
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ !
เสียงลั่นจากหินที่ก่อตัวเป็นภูเขาแตกออกจากกันและดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ
“เอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยแรงผลักดัน ! มันคือเต๋าแห่งหมัดงั้นหรือ ? หรือนี่คือเต๋าแห่งกระบี่กันแน่ ? ไม่ซิ บางทีทั้งสองอาจเชื่อมโยงกัน !” ทันใดนั้น เยี่ยฉวนพลันลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาก้าวออกมาข้างหน้าและยกหมัดข้างขวาพุ่งกระแทกออกไปที่เชิงเขาเต็มแรง
เปรี้ยง !
แขนข้างนั้นทะลุผ่านเข้าไปภายในหินผา ครู่ต่อมาหินบริเวณรอบแขนจึงค่อย ๆ ร้าวและแตกออกเป็น แนวยาวหลายจั้งก่อนที่บางส่วนจะถล่มลงมา
เศษอิฐหินน้อยใหญ่ระเบิดกระจายออกและบางส่วนร่วงลงบนพื้นดิน ทำให้เกิดฝุ่นผงคละคลุ้งขึ้นไปในอากาศ
เยี่ยฉวนกระโดดถอยไปหลายจั้ง ทิ้งให้เชิงเขาบริเวณที่หมัดของเขาพุ่งทะลุเข้าไปบังเกิดเป็นหลุมลึก ดำมืดสนิท ไม่อาจคาดคะเนความลึกล้ำด้วยมองไม่เห็นก้นหลุม
พลังหมัดของเยี่ยฉวนไม่ใช่ทำให้เกิดรอยถากเพียงผิวเผิน ทว่าเป็นพลังรุนแรงทะลุทะลวงชนิดหนึ่ง !
นี่คือพลังหมัดที่ประสานเคล็ดพลังของ ‘หมัดทลายภูผา’ และ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ เข้าด้วยกัน ทั้งยัง กระตุ้นแรงผลักดัน ความตั้งใจของเยี่ยฉวนคือต้องการส่งแรงหมัดออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าพลังทำลายจะรุนแรงเยี่ยงนี้ !
แม้ว่าความกล้าแกร่งอาจยังเทียบไม่ได้กับ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าหมัดทลายภูผาหลาย เท่านัก !
ด้วยพลังหมัดนี้ ชายหนุ่มสามารถสังหารคนในขั้นพลังทะยานสวรรค์ได้ภายในเสี้ยววินาที ! และเมื่อ เสริมพลังปฐพีเข้าด้วยแล้วล่ะก็ ต่อให้คนในขั้นสันโดษยังต้องครั่นคร้ามและพ่ายแก่เขา !
เยี่ยฉวนยืนนิ่งยกกำปั้นของตนขึ้นมอง มุมปากมีรอยยิ้ม “ข้าจะเรียกพลังหมัดนี้ว่า ‘หนึ่งหมัดดับชีพ’ เพราะสามารถสยบศัตรูได้ในหมัดเดียว ! ในที่สุดก็สำเร็จอีกหนึ่งทักษะแล้วสินะ หึหึ…”
จากนั้นจึงกลับออกไป
ทันทีที่เยี่ยฉวนลับกาย ผนังภูเขาด้านหลังจึงค่อยแตกและทรุดตัวถล่มลงทีละชั้น ๆ
เยี่ยฉวนแวะไปที่น้ำตก ที่นั่นเขาพบว่าไป๋เจ๋อยังดำดิ่งอยู่ก้นน้ำตก มีเสียงสบถพึมพำดังลอดเสียงน้ำ เป็นระยะ !
เขาหยุดมองร่างของไป๋เจ๋อดำผุดดำโผล่ แววตาแสดงความประหลาดใจเมื่อสังเกตเห็นผิวหนังของคน ตัวใหญ่ ที่มีเส้นเลือดสีดำปรากฏตามร่างกายทั้งยังสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด
“การตื่นขึ้นของสายโลหิตงั้นหรือ ?” เขาตั้งคำถามในใจ เคยได้ยินมาว่าพวกครึ่งคนครึ่งอมนุษย์ จะมีสายเลือดของอมนุษย์ไหลเวียนภายในร่างกาย ดังนั้นเมื่อสายเลือดอมนุษย์ถูกกระตุ้น คนพวกนี้จะมีพลังที่เรียกว่า ‘พลังเหนือมนุษย์’ ซึ่งทำให้พละกำลังแข็งแกร่งอย่างมหาศาล !
เห็นได้ชัดว่าไป๋เจ๋อยังไม่ถูกกระตุ้นพลังเหนือมนุษย์ในกาย ! เพราะเมื่อใดที่พลังเหนือมนุษย์ของคนผู้นี้ได้รับการกระตุ้น มันจะต้องเกิดการแปรเปลี่ยนทางกายทำให้กล้าแกร่งขึ้นเป็นทวีคูณ !
ความเป็นจริงประการหนึ่งของไป๋เจ๋อที่ทุกคนควรรู้ คือหากความกล้าแกร่งของเขาเผยออกมาอย่างเต็มที่ ! เมื่อนั้นก็ย่อมแสดงว่าสายเลือดอมนุษย์ได้ถูกกระตุ้นถึงขีดสุด และเขาก็จะกลายเป็นมนุษย์ทรงพลัง !
Related