หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 178 เข่นฆ่า ! (ปลาย)

บทที่ 178 เข่นฆ่า ! (ปลาย)

…พวกคนที่มาเหล่านี้ล้วนกล้าแกร่ง อันที่จริงพวกเขามิได้อ่อนด้อยแต่อย่างใด เพียงแต่โชคร้ายที่คิดแอบซุ่มจู่โจมและยังประมาทสมรรถนะในการต่อสู้ของกระบี่บินของเยี่ยฉวนด้วย !

เป็นที่แน่ชัดว่า ถ้าเป็นการสู้กันซึ่งหน้า ไม่ง่ายเลยที่เยี่ยฉวนจะสังหารคนทั้งหมด น่าเห็นใจไม่น้อยเมื่อเยี่ยฉวนเพียงลำพังกลับเป็นฝ่ายจู่โจมให้พวกมันไม่ทันตั้งตัวอย่างประหลาดใจ พวกมันลอบดักซุ่มโจมตี แต่กลับต้องตายเพราะความประมาทในสัญชาตญาณเฝ้าระวังของเยี่ยฉวนโดยแท้ !

ทันใดนั้น ชายหนุ่มหยุดฝีเท้า

อันตราย !

เขาย่นหัวคิ้วดกหนา สายตาฉายแววระแวดระวัง

ด้วยประสบการณ์ในการปะทะกับคู่ต่อสู้บนเทือกเขาสูงมานานหลายปี ก่อเกิดสัญญาณกระตุ้นเตือนอันตรายตามสัญชาตญาณ

ขณะที่ฝีเท้าหยุดนิ่ง สายตากวาดมองไปรอบบริเวณ ภาพที่เห็นคือต้นไม้ขวางทางต้นหนึ่ง มีอีกต้นที่ใกล้ที่สุดห่างออกไปราวสี่จั้งเศษ และก็มีต้นไม้ที่อยู่เบื้องหน้าไกลออกไปราวสามจั้งกว่า เขาต้องการเหินตรงเข้าไปหาต้นไม้ แต่ก็เกรงว่าจะมีคนซุ่มจู่โจมขณะกำลังเหิน… จึงลอยตัวนิ่งอยู่บนอากาศเหนือหนองน้ำ

อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ ชายหนุ่มไม่สามารถผลักออกพลังชี่ หรือดึงพลังแห่งปฐพีได้ในทันทีทันใด ทั้งจะทำให้พลังถูกลดทอนลงได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ หากในขณะที่ลอยตัวอยู่นั้นต้นไม้หายสูญไปเล่า ?

ถ้าเขาเหินข้ามไป คงต้องจบชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย !

แต่ถ้าถอยล่ะ ?

เขาไม่อาจถอยหนีในตอนนี้ ด้วยใครก็ตามที่ตั้งค่ายกลต้องคิดป้องกันทางหนีทีไล่ไว้แล้วอย่างดี ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเหินไปทางใด คนเหล่านั้นย่อมตามมาเจอจนได้ !

บนต้นไม้นั่น ภายหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เยี่ยฉวนตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนนั้น ขณะที่ลงไปยืนทรงตัวบนต้นไม้เบื้องหน้า ทันใดนั้นพลันมีเสียงวัตถุแตกทำลาย ขณะเดียวปรากฏเงาวูบไม่อาจระบุทิศทาง ชั่วพริบตาเงานั้นพลันปรากฏอยู่เหนือศีรษะของเยี่ยฉวนอย่างรวดเร็ว ฉับพลันชายผู้หนึ่งผลักออกฝ่ามือกระแทกมาจากเบื้องบนอย่างรุนแรงใส่ร่างของเยี่ยฉวนเบื้องล่าง !!

แสงสว่างพุ่งวาบออกจากฝ่ามือ !

ข้างใต้ฝ่ามือ ร่างของเยี่ยฉวนถูกพลังแสงผลักกระเด็นลงไปที่หนองน้ำ แต่เขากลับสงบนิ่งจนน่าแปลกใจ เมื่อร่างของชายหนุ่มเกือบจะถึงหนองน้ำ กระบี่หลิงซิ่วในมือพลันแปรเปลี่ยนเป็นลำแสง ก่อนที่รัศมีแห่งแสงจะทะยานเข้ารองรับใต้ฝ่าเท้า !

เยี่ยฉวนควบคุมกระบี่ได้และลุกขึ้นยืน !

ขณะยืนอยู่บนกระบี่ เขากำหมัดข้างขวาเกร็งแน่น จากนั้นจึงผลักออกพลังหมัด !

“หนึ่งหมัดดับชีพ !”

เขาออกหมัดไม่ใช่เพียงพลังหมัดทลายภูผาเท่านั้น แต่ผนวกเข้ากับเคล็ดวิชาต่อสู้อีกด้วย !

และหลังจากที่เยี่ยฉวนผลักออกพลังหมัดครานี้ เสียงระเบิดก็ได้สนั่นดังเสียดแทงทั้งลานกว้าง !

เปรี้ยง !

ทันทีที่เสียงระเบิดสนั่น ร่างคนที่อยู่ทางเบื้องบนของเยี่ยฉวนถูกกระแทกจนกระเด็นลอยไกลออกไปในอากาศ ส่วนร่างของเยี่ยฉวนก็จมลึกสู่หนองน้ำลงไปพร้อมกับกระบี่ ทว่าในเวลาไม่ช้าไม่นาน กระบี่หลิงซิ่วก็ได้พาเยี่ยฉวนโผล่ขึ้นมาจากหนองน้ำ !

เยี่ยฉวนยังไม่ขยับออกจากที่ แต่ยังควบคุมกระบี่ให้ลอยเหนือหนองน้ำ สูงขึ้นไปบนอากาศห่างจากเยี่ยฉวนสามจั้งเศษ ชายผู้หนึ่งยังคงลอยตัวนิ่งอยู่เช่นนั้น  สายตาของคนจับจ้องมองตรงมาที่เยี่ยฉวน เสียงพึมพำแผ่วเบา “ควบคุมกระบี่เหิน เหลือเชื่อจริง ๆ”

ชายหนุ่มไม่โต้ตอบแต่จ้องเขม็งคนในอากาศ ทันใดนั้น กระบี่ใต้ฝ่าเท้าแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงกระบี่อีกครา ทั้งยังพุ่งวาบเข้าหาร่างคนที่ลอยสูงอยู่ข้างบน ความว่องไวของลำแสงประดุจสายฟ้า !

สีหน้าของชายคนในอากาศเปลี่ยนไปสิ้นเชิง ปฏิกิริยาตอบสนองฉับพลันเขาเบี่ยงกายหลบออกไปด้านขวา ทว่าขณะนั้นกระบี่หลิงซิ่ววกกลับทันควัน พร้อมกับฟาดฉับลงตรงหน้าคน !

เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายในอากาศหรี่ตาลงพร้อมกับผลักออกฝ่ามือข้างขวา เสี้ยววินาทีนั้นสายฟ้าฟาดและประกายแสงพุ่งวาบออกทางใจกลางฝ่ามือ ฉับพลันนั้นเขาสะบัดฝ่ามือออกอย่างแรง

เปรี้ยง !

ฝ่ามือกระแทกเข้ากับกระบี่หลิงซิ่วอย่างจัง ทำให้ในทันทีนั้น… เกิดประกายแสงแห่งกระบี่แตกกระจายออกทุกทิศทาง !

ขณะนั้นเองสีหน้าของชายในอากาศเปลี่ยนแปลงบิดเบี้ยวด้วยเยี่ยฉวนโผล่กระทันหันมาทางด้านหลัง ! ชายในอากาศจึงได้แต่หันขวับทันทีและฟาดฝ่ามือใส่เยี่ยฉวน !

ทันใดนั้น สายฟ้าและแสงวาบกระจ่างจ้าใจกลางฝ่ามือพุ่งพรวดราวกับแม่น้ำทั้งสายทะลักหลากออกจากฝ่ามือของคน !

หมัดออกตรงของเยี่ยฉวนพุ่งถึงเป้าหมายแล้ว ! พลังปะทะแห่งหมัดแสนธรรมดา !

ทว่าด้วยพลังปะทะแห่งหมัดที่ว่านี้ ทั้งสายฟ้าและแสงสว่างของชายในอากาศกลับถูกแรงปะทะจนแหลกละเอียด ขณะเดียวกันร่างของเขาก็กระเด็นหวือราวกับถูกจับเหวี่ยงออกไปในอากาศ !

ตามด้วยลำแสงกระบี่พุ่งวาบตามติดร่างที่ลอยในอากาศ เมื่อเหลือบเห็นว่าอะไรเป็นอะไร ชายในอากาศที่หน้าถอดสีพลันพลิกกลับร่างหวังเลี่ยงหลบรัศมีแห่งแสง

ฉัวะ !

แม้ว่าเขาจะสามารถเลี่ยงหลบพลังปะทะแห่งกระบี่ แต่แขนข้างขวาไม่อาจรอดพ้นด้วยถูกคมกระบี่ตวัดขาดสิ้นทั้งท่อนแขน

กระบี่หลิงซิ่วไม่ปล่อยผ่าน พลันวกฉับพลันก่อนฟาดฉับเข้าที่คนในอากาศ ทว่าในขณะนั้นเบื้องบนอากาศในระยะไกลออกไป ปรากฏร่างของชายชราอีกผู้หนึ่ง เขาส่งเสียงร้องห้ามมาดังลั่น “หยุด… โปรดหยุดก่อน พวกเรา…”

ฉับ !

ศีรษะของคนในอากาศปลิวหวืดไปเสียก่อนที่ชายชราจะทันพูดจบประโยค !

เห็นเช่นนั้น พลันสีหน้าของชายชราเปลี่ยนเป็นดุดัน เขาจ้องมองเยี่ยฉวนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ… “ไอ้ฉิบ…”

ขณะที่ชายชรากำลังอ้าปากกับจะผลักออกพลังปะทะ ทว่าในตอนนั้น จู่ ๆ ไหน้ำเต้าลูกก็ได้หนึ่งตกลงมาจากฟ้า ส่งผลให้สุราสาดกระเซ็นออกมาทางปากขวด

ชายชราหน้าตาบิดเบี้ยว เขาประกบฝ่ามือสองข้างกระแทกเข้าหากันอย่างแรง ทันใดนั้น บังเกิดแสงสว่างวาบกับสภาวะที่ช่องอากาศเบื้องหน้าบังเกิดบิดเบือน !

เขาสามารถบิดเบือนอากาศ ! ชายชราผู้นี้เป็นยอดยุทธ์ในขั้นสุดยอดผนึกยุทธ์ !

ณ เบื้องบนอากาศ ความเงียบเข้าครอบคลุม ฝอยกระเซ็นของสุราหยุดลงฉับพลัน

ทว่าต่อมาฝอยกระเซ็นของสุรากลับซัดสาดเข้าหาช่องอากาศและสาดซัดลงที่ร่างของชายชราจนชุ่มโชก

เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง !

บนอากาศ เสียงระเบิดสนั่นต่อเนื่อง ขณะร่างคนชราร่วงลงมาจากฟากฟ้าในคราวเดียวกัน

เพียงครู่เดียวเขาก็หล่นลงสู่หนองน้ำเบื้องล่าง แต่แล้วร่างคนที่เพิ่งหล่นลงกลับทะยานขึ้นสู่อากาศแทบในทันที ทว่าร่างของคนผู้หนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของชายชรา

อาจารย์ใหญ่จี้ !

อาจารย์ใหญ่กระทืบฝ่าเท้าลงที่ชายชรา จนอีกฝ่ายจมดิ่งลงสู่หนองน้ำอีกครั้ง สีหน้าของอาจารย์ใหญ่ยามนี้ดุดันน่าเกรงขาม และต่อให้เป็นชายชราที่มีพลังกล้าแข็งเพียงใด ก็คงไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ได้ไหว !

เขายกไหสุราขึ้นซดอึกหนึ่ง จึงหันมาพูดกับเยี่ยฉวน “ข้าจัดการไอ้แก่นี่เอง”

เยี่ยฉวนนิ่งเพียงนิดหนึ่ง ก่อนจะหันกลับและเร่งออกไปจากสถานที่ทันที

อาจารย์ใหญ่จี้มองตามหลังคนที่เพิ่งออกไป จากนั้นจึงหันไปมองในที่ไกลสุดขอบฟ้า ในความเงียบงัน น้ำตาเอ่อท่วมนัยน์ตา “อาจารย์… ต่อไปนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้ศิษย์ถูกใครรังแกอีกแล้ว เหมือนในอดีตที่ท่านก็เคยปกป้องข้า…”

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

บทที่ 11 นิมิตแห่งสวรรค์และโลก (ต้น)

“เจ็บสิ”

“เจ็บจะตายอยู่แล้ว !”

เยี่ยฉวนเพิ่งเคยรู้สึกอยากตายเป็นครั้งแรก !

มันเคยเป็นเพียงความเจ็บปวดของเลือดเนื้อภายนอกร่างกาย แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในและเส้นเลือดทั้งหลายสั่นสะท้านราวกับกำลังแตกเป็นริ้ว ๆ นี่เป็นความเจ็บปวดในระดับที่ชายหนุ่มไม่เคยสัมผัสมาก่อน !

“เจ้าต้องอดทนไว้ !”

เยี่ยฉวนกัดฟันอย่างอดกลั้น ทั้งร่างยังไม่หยุดสั่น

เขาปรารถนาอย่างยิ่งที่จะหลับตาพักผ่อนสักครู่ แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเขาทำไม่ได้ เมื่อหมดสติไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็เป็นไปได้ว่าคงไม่อาจฟื้นขึ้นมาอีก !

ถ้าข้าไม่ฟื้น จะเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวข้ากัน ?

นางอายุเพียง 12 ปี คนในตระกูลเยี่ยจะเมตตานางหรือไม่ ?

เมื่อคิดถึงเยี่ยหลิง เยี่ยฉวนพลันเงยหน้าขึ้นและร้องคำรามออกมา มือทั้งสองกำแน่น ส่วนใบหน้าก็เต็มไปด้วยสีสันที่บ้าคลั่ง “มาเลย เจ็บมากกว่านี้อีกสิ ฮ่า ๆ ข้าทนได้… ข้า… เจ็บปวดเหลือเกิน ยังไงก็ช่วยเพลาลงหน่อยเถอะ…”

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละน้อยจนเยี่ยฉวนไม่รับรู้แล้วว่าทั้งหมดนี้ใช้เวลานานเท่าใด ร่างกายของเขาทรุดลงราวกับร่างเนื้อที่ไร้ซึ่งกระดูกพยุง ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะเริ่มกระตุกคล้ายกับคนเป็นโรคลมชัก

อาการชักกระตุกนี้ยังคงดำเนินอยู่ประมาณ 1 เค่อ และเมื่อหยุดลง ร่างของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ !

เยี่ยฉวนนอนแผ่ราบไปกับพื้น เขาไม่เหลือแรงจะขยับตัวแล้ว !

ในเวลาเดียวกันนั้น ข้างนอกหอคอยแห่งเรือนจำพลันมีเมฆจำนวนมหาศาลรวมตัวกันบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย ทำให้ในไม่ช้าสายฝนเริ่มตกลงมา แต่ทว่าพื้นอื่นที่รอบด้านข้างท้องฟ้ากลับแจ่มใสและมีแสงแดดจ้า พร้อมกันนั้นข้างบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย สายรุ้งอันบางเบาค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน และเมื่อรุ้งสายแรกโผล่ขึ้นมา รุ้งสายที่สองก็ปรากฏขึ้นตาม เช่นเดียวกับรุ้งสายที่สามที่กำลังค่อย ๆ ปรากฏขึ้นภายในหอคอยแห่งเรือนจำนั้น ก่อนที่จู่ ๆ เยี่ยฉวนจะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยและรุ้งสายที่สามจะพลันหายวับไป

นี่คือนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์ !

ทุกคนในเมืองชิงปั่นป่วน !

อัจฉริยะได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วระหว่างสองพิภพ เมื่อมีเหตุการณ์ผ่านด่านหรือทะลวงเลื่อนขั้นได้ พวกเขาจะดึงดูดนิมิตของทั้งสวรรค์และโลกมนุษย์ หากจะว่ากันตามจริงแล้ว เรื่องนี้เคยเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น แต่มาบัดนี้เหตุการณ์อัศจรรย์ได้เกิดขึ้นแล้วในเมืองชิง ดังนั้นทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังข้างบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเยี่ย

ณ จวนตระกูลเยี่ย ผู้เฒ่าสูงสุด บรรดาผู้อาวุโสและทุกคนในตระกูลต่างมารวมตัวที่ลานกว้างกันพร้อมหน้า ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยคำนับฟ้าและกล่าวอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาครอบครัวตระกูลเยี่ยและเยี่ยหลาง !”

ทุกคนในตระกูลเยี่ยคุกเข่าและคำนับลงพร้อมกัน !

ในเวลานี้ ทุกคนในจวนตระกูลเยี่ยต่างยินดีปรีดาอย่างที่สุด !

ภายในคฤหาสน์ตระกูลเจียง

ชายชรามองไปที่นิมิตแห่งสวรรค์และโลกเหนือจวนตระกูลเยี่ยก่อนที่สีหน้าของเขาจะกลายเป็นน่าเกลียด “เจ้าเยี่ยหลางช่างยิ่งใหญ่อะไรปานนั้น ! เขาสามารถดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมาได้… ใครก็ได้ ไปตามผู้นำตระกูลจางและตระกูลหลีมาที่นี่ที บอกว่าข้ามีเรื่องต้องการหารือ”

ในเมืองชิง วิญญาณนกพิราบผู้พิทักษ์นับไม่ถ้วนโผขึ้นฟ้าแล้วบินไปทุกทิศทุกทาง ภาพนี้เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นนัก !

เรื่องที่ตระกูลเยี่ยมีผู้ถูกเลือกอยู่หนึ่งคนนั้นไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด และถึงแม้ว่าผู้ถูกเลือกนั้นจะหาได้ยากยิ่ง แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ถึงขนาดดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกมาได้นั้นกลับหายากยิ่งกว่า

เป็นที่รู้กันดีว่าต่อแต่นี้ไป ตระกูลเยี่ยได้ถูกยกระดับให้สูงขึ้นแล้ว !

ไม่ใช่เพียงแต่ในเมืองชิง แต่ยังหมายถึงทั่วในแคว้นเจียงทั้งหมดหรือแม้แต่ในทวีปชิงก็ตาม

ขณะนี้ทุกคนในจวนตระกูลเยี่ยเกือบจะพากันลุกฮือด้วยความตื่นเต้น นอกจากนี้เบี้ยเลี้ยงส่วนตัวของแต่ละคนยังถูกปรับขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งเดือนเพื่อเป็นสินน้ำใจ และไม่เพียงเท่านั้น ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยยังได้ตรงเข้าไปหาผู้นำตระกูลเพื่อให้ท่านได้มอบตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์ให้แก่เยี่ยหลางอีกด้วย

ผู้นำรุ่นเยาว์นั้นเป็นตำแหน่งที่แตกต่างจากผู้สืบทอดของตระกูล ตำแหน่งผู้สืบทอดนั้นหมายถึงผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลในอนาคต แต่ตำแหน่งผู้นำรุ่นเยาว์นั้นมีศักดิ์และอำนาจมากเป็นอันดับสองรองจากประมุขสูงสุดแห่งตระกูลเยี่ยแต่เพียงผู้เดียว แม้ว่าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยจะกระทำเกินกว่าอำนาจ แต่เขาก็ไม่สน นั่นเพราะในเร็ว ๆ นี้เยี่ยหลางกำลังจะกลายเป็นอัจฉริยะแห่งยุคที่นานปีจะมีให้พบได้สักหนึ่งหน กระนั้นแล้วท่านผู้นำตระกูลจะสามารถทำอะไรเขาได้ ?

ในวันข้างหน้า วาสนาทั้งหมดของตระกูลเยี่ยคงต้องพึ่งพาเยี่ยหลางแล้ว !

ที่ลานหน้าจวน เยี่ยหลางเงยหน้าขึ้นมองนิมิตบนท้องฟ้า คิ้วขมวดเป็นปมแน่น

เขาทะลวงเลื่อนขั้นได้แล้ว !

เขาได้เลื่อนจากขั้นที่หก ผสานลมปราณเข้าสู่ขั้นหลอมรวมลมปราณ !

แต่กระนั้นเยี่ยหลางก็ยังคลางแคลงใจอยู่ เมื่อ 2 ชั่วยามที่แล้วเขาสำเร็จพลังขั้นหลอมรวมลมปราณได้ แต่นิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์กลับเพิ่งมาปรากฏเอาตอนนี้ ! ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่อาจแน่ใจได้ว่า นิมิตแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์คราวนี้นั้นเกิดจากตนหรือไม่ !

ไม่นานนัก เยี่ยหลางพลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “หึ หากไม่ใช่ข้าแล้วใครกันเล่าที่จะมีความสามารถในการดึงดูดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกนี้ ? ดูเหมือนว่าชีวิตนี้ โชคชะตาจะกำหนดให้ข้าเป็นผู้ครอบครองพรสวรรค์อันสุดยอด !”

หลังจากกล่าวได้ดังนั้น เยี่ยหลางก็พลันหมุนตัวและเดินจากไป

ณ หอคอยแห่งเรือนจำ

เยี่ยฉวนนอนอยู่บนพื้น เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้ ในตอนนั้นเองเสียงของสตรีลึกลับพลันดังขึ้นภายในห้อง “ลุกขึ้นเสีย แล้วจงดูที่ร่างกายของเจ้า !”

เยี่ยฉวนค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นและก้มลงมองร่างของตัวเอง เขาชะงักไปทันทีเพราะตอนนี้ผิวของเขามีประกายสีทองจาง ๆ แผ่ออกมา !

“นี่มันอะไรกัน ?” เยี่ยฉวนมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน

สตรีลึกลับกล่าว “ขั้นกายาทองคำนั้นหมายถึงการปลูกฝังทองคำลงภายในกายหยาบของให้หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่างกายที่ถือเป็นรากฐาน เจ้าจึงจำเป็นจะต้องมีพื้นฐานเสียก่อน แต่การที่พื้นฐานของเจ้าจะดีหรือไม่นั้น ก็มิได้เป็นตัวตัดสินว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหน …คนธรรมดาทั่วไปมัวแต่เพียงฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายภายนอก แต่ละเลยความมั่นคงจากอวัยวะภายใน ทว่าในความเป็นจริงแล้วต้องเริ่มฝึกฝนจากภายในจึงจะดีที่สุด เมื่อกล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายในทั้งหมดของเจ้าแข็งแรงเท่านั้นจึงจะสามารถทนรับต่อแรงปะทะจากภายนอกได้ แม้ว่าเจ้าจะได้รับความเจ็บปวดเหนือมนุษย์ในตอนนี้ แต่มันก็จะเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้า หรือหากเจ้าลองมองให้ดี เจ้าก็จะเห็นประโยชน์ของมันตั้งแต่ตอนนี้”

เยี่ยฉวนสูดลมหายใจเข้าจนลึกแล้วประสานมืออย่างช้า ๆ ขณะนี้เขารู้สึกได้เลยว่าลมปราณภายในปั่นป่วนพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง !

เมื่อรู้สึกได้เช่นนี้ เยี่ยฉวนก็บังเกิดความยินดีเหลือประมาณ

จริงดังที่สตรีลึกลับกล่าว ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อก่อน !

ไม่เพียงเท่านั้น หากจะพูดถึงความแข็งแกร่งแล้ว เทียบกับเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อาจกล่าวได้ว่าชายหนุ่มไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิดหากตอนนี้จะต้องประมือกับคู่ต่อสู้ตัวฉกาจแบบตัวต่อตัว ยกตัวอย่างเช่น ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่ถึงแม้จะมีลำดับพลังอยู่ในขั้นผสานลมปราณ แต่ก็ใช้ชีวิตแบบสุขสบายมาตลอด ไม่เคยต้องได้รับความยากลำบากอะไร

เยี่ยฉวนรีบร้อนถามเมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ “ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้น้องสาวข้าได้รับความเจ็บป่วยทุกข์ทรมาณจากพิษธาตุเย็น ท่านพอจะช่วยได้หรือไม่ ?”

สตรีลึกลับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นน่ะหรือ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว

สตรีลึกลับพลันกล่าว “แน่นอน ข้ามีหนทางรักษานาง แต่น้องสาวของเจ้าไม่อาจเข้ามาในหอคอยแห่งนี้ได้”

“ทำไม ?” เยี่ยฉวนงงงวย

สตรีลึกลับตอบ “จิตวิญญาณของหอคอยนี้กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงลึกแห่งภวังค์ แม้ว่าตอนนี้มันจะยอมรับเจ้าเป็นเจ้านาย แต่เจ้าก็ยังไม่ได้ครอบครองกฎแห่งเต๋าเลยแม้แต่ข้อเดียว ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถพาคนอื่นมาที่นี่ได้ หรือหากเจ้าดึงดันจะพาใครสักคนเข้ามา มันก็จะกำจัดคนแปลกหน้าผู้นั้นทันทีโดยสัญชาตญาณ”

เมื่อได้ยินดังนี้ใบหน้าของเยี่ยฉวนจึงสลดลง “ดูเหมือนคงมีแต่ข้าจะต้องพาน้องสาวเข้าไปหาหมอในเมืองหลวงเท่านั้น”

ขณะนี้เขาเองก็เปรียบเสมือนลูกนกที่ใกล้จะแตกรัง กล่าวคือหากเขาต้องการที่จะบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณให้ได้ เขาก็ต้องตามหาวิญญาณกระบี่เพื่อจะดูดซับเข้าไป แต่วิญญาณกระบี่ขั้นสูงนั้นสูงค่ามากจนมิอาจประมาณค่าได้ ทั่วทั้งเมืองชิงอาจจะมีแค่เล่มเดียวเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตระกูลเยี่ยจะมีในครอบครองเลย ! แต่ในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองในแคว้นเจียงอย่างเมืองหลวง ไม่แน่ว่าอาจจะมีวิญญาณกระบี่อยู่บ้างก็ได้ !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset