บทที่ 179 ฆ่า ! ฆ่าให้เรียบ ! (ต้น)
เมื่อเยี่ยฉวนผละจากบริเวณหนองน้ำ เขาก็รีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
อาจารย์ใหญ่จี้ได้บอกเขาก่อนจะแยกกันว่า เยี่ยหลิงอยู่ที่หุบเขาห่างออกไปราวสองร้อยลี้ เวลานี้ทั้งโม่อวิ๋นฉีและจี้อันซื่อกำลังมุ่งหน้าไปที่นั่น
อันที่จริงอาจารย์ใหญ่พยายามช่วยเยี่ยหลิงแล้ว แต่ทุกครั้งที่เขาเข้าไปใกล้เยี่ยหลิง จะถูกคนผู้หนึ่งเข้าขัดขวางทุกครั้งไป !
ซึ่งมิใช่ใครที่ไหน หลี่เสวียนซาง !
ณ ที่แห่งหนึ่งภายนอกสถานที่แห่งความลับ
หลี่เสวียนซางยืนอยู่บนยอดไม้ และกำลังจับตามองเข้าไปในสถานที่แห่งความลับในระยะห่างไกล สีหน้าเฉยเมย รายเรียบไร้ความรู้สึก คนที่ยืนเยื้องไปทางเบื้องหลังคือชายสวมชุดคลุมสีดำ
เสียงของชายในชุดดำพูดขึ้นว่า “คุณชายเหมยฮวาแห่งแคว้นชูก็ถูกฆ่าตาย… และยังหลี่ไท เพชฌฆาตลมกรดสายฟ้า ซึ่งใกล้จะขึ้นทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์ กลับถูกฆ่าตายอีกคน… เหตุใดท่านจึงไม่ยับยั้งอาจารย์ใหญ่จี้ตอนที่เขาลงมือเล่าขอรับ ?”
คนตอบพูดเสียงเบาแทบกระซิบ “หลี่ไทเป็นคนตระกูลใหญ่ แตกต่างจากตระกูลอื่นในแคว้นเยว่ เวลานี้พวกเขาสูญเสียคนสำคัญของตระกูล ซึ่งมิได้เป็นสุดยอดอัจฉริยะเท่านั้น ทว่าเขายังมีระดับพลังเป็นถึงระดับยอดยุทธ์ขั้นสุดยอดผนึกยุทธ์ เจ้าลองคิดดูก็แล้วกันว่า ตระกูลของหลี่ไทจะปล่อยให้มันรอดไปได้ง่าย ๆ หรือ ?
ผู้ฟังจึงนิ่งเงียบไป
สายตาของหลี่เสวียนซางทอดมองไปยังสถานที่แห่งความลับ เสียงพูดต่อไปว่า “ต้องมีใครสักคนอยู่เบื้องหลังและเป็นบุคคลที่มีทั้งพลังและอำนาจ ถึงอย่างนั้นตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นมันหรือใครก็ตาม เมื่อเข้าสู่สถานที่แห่งความลับแล้วก็ต้องจบชีวิตลงที่นั่น ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นยอดอัจฉริยะหรือไม่ก็ยอดคน อีกทั้งทุกคนมีทั้งพลังและอำนาจหนุนหลังทั้งใหญ่และเล็ก ยิ่งเยี่ยฉวนสังหารคนไปมากเท่าใด ศัตรูยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ข้าอยากรู้เหมือนกัน ตอนนั้นแล้วใครจะรักษาชีวิตของเขาได้อีก !”
ครานี้ชายในชุดดำพยักหน้าช้า ๆ “คนผู้นี้นับเป็นยอดฝีมือเก่งฉกาจ ถ้านับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน อาจมีเพียงอันหลานซิ่วเท่านั้นจึงรับมือเขาได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป…”
หลี่เสวียนซางพึมพำขณะที่หลับตาลง “ณ เวลานี้ เขาก็เหมือนคนที่ตายไปแล้วจริง ๆ!”
…
อีกด้านหนึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน จ้าวหอชั้นเก้าแห่งสำนักอัปสรเมรัยพูดเสียงเบาพอให้คนข้างได้ยิน “เขาสังหารคุณชายเหมยฮวาแห่งแคว้นชูและเพชฌฆาตลมกรดสายฟ้า หลี่ไทแห่งแคว้นเยว่…”
เสียงเคร่งเครียดของคนข้างเคียง เจียงเยว่เทียนตอบเบา “หลี่เสวียนซาง มันมีเจตนาไม่ซื่อ ! เขาต้องการสร้างสถานการณ์ให้คนเกลียดชังเยี่ยฉวนและสถานศึกษาฉางหลาน ! จิตใจของเขาช่างอำมหิตนัก !”
จ้าวหอพูดอย่างใจเย็น “ปล่อยให้ทำไป ปล่อยให้มันสร้างศัตรูให้กับเยี่ยฉวนและสถานศึกษาฉางหลานเข้าไป… สถานศึกษาฉางมู่ฉลาดอยู่แล้ว ฉลาดเหลือเกิน ข้าอยากหัวเราะให้ฟันร่วงจริง ๆ”
เจียงเยว่เทียน “…”
ณ สถานที่แห่งความลับ
เงื่อมเงาประหลาดเคลื่อนไหววูบวาบ ผ่านเทือกเขาน้อยใหญ่ ดูเหมือนความเร็วที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ จนบังเกิดลมดังอึกทึกในทุกที่ที่เงาวูบผ่าน
หาใช่ใครที่ไหน โม่อวิ๋นฉี !
เขาเริ่มมุ่งหน้าไปในทันทีที่รู้ตำแหน่งของเยี่ยหลิงที่ถูกจับตัวไป ความเร็วที่ใช้ในการวิ่งตอนนี้เรียกได้ว่าสุดพลังของเขาเลยก็ว่าได้
เขาต้องการหาเยี่ยหลิงให้พบโดยเร็วที่สุด ด้วยเกรงว่าหากเด็กหญิงตกอยู่ในเงื้อมมือของใครบางคน คนผู้นั้นอาจใช้เยี่ยหลิงข่มขู่เยี่ยฉวนก็เป็นได้ !
เวลาผ่านไปราวครึ่งก้านธูป โม่อวิ๋นฉีได้มาถึงที่หุบเขาแห่งหนึ่ง เขาหยุดกวาดตาสำรวจบริเวณโดยรอบ ทว่าไม่พบแม้เงาของผู้คนในหุบเขาอันเปล่าเปลี่ยวแห่งนี้ !
ทันใดนั้น สีหน้าของคนวูบลง ในขณะเดียวกันก็ชักเท้าถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว พื้นดินที่เหยียบยืนเกิดการยุบพังทลายลงฉับพลัน
เมื่อโม่อวิ๋นฉีหยุดนิ่ง ผืนพสุธาใต้ฝ่าเท้าเริ่มมีอาการสั่นไหวน้อย ๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นโม่อวิ๋นฉีดีดผลุงขึ้นไปบนอากาศ ขณะนั้นปรากฏร่างของคนอีกคน ทะยานจากพื้นดินขึ้นสู่อากาศ !
โม่อวิ๋นฉีซึ่งลอยตัวอยู่ในอากาศ เขาผลักมือออกพลันมีดบินปรากฏและฟาดลงตรงหน้า !
คนมาใหม่ที่อยู่เบื้องล่าง เคลื่อนไหวมือทั้งสองข้างรวดเร็ว
ครืนนนน !
อาวุธมีดบินของโม่อวิ๋นฉีหยุดนิ่ง !
ทว่าในเวลาเดียวกัน ร่างของโม่อวิ๋นฉีล่าถอยไปไกลหลายจั้ง !
สายตาของโม่อวิ๋นฉีจ้องเขม็งมาในระยะไกล เบื้องหน้าปรากฏชายผิวคล้ำ ร่างกายผอมแห้งและเตี้ย… ที่จริงต้องบอกว่าแคระแกร็นจึงนับว่าถูกต้อง
สายตาเยือกเย็นมองตรงมายังโม่อวิ๋นฉี “เจ้าไม่ใช่เยี่ยฉวน !”
โม่อวิ๋นฉีไม่ได้ใส่ใจฟัง กลับถามกลับไปว่า “เด็กอยู่ที่ไหน ?” ชายเตี้ยแคระจึงชี้มือไปทางไหล่เขาด้านหนึ่ง
โม่อวิ๋นฉีกวาดสายตาไปทางที่ไหล่เขาห่างออกไปตามมือชี้ ในช่องว่างของรอยหินแตกบนไหล่เขา มีต้นไม้ขึ้นไปเจริญเติบโตแทรกตามร่องรอย และที่นั่นเด็กหญิงคนหนึ่งถูกแขวนห้อยต่องแต่งอยู่กับกิ่งไม้ เยี่ยหลิง !
เมื่อเห็นถนัดตาว่าเป็นเยี่ยหลิงที่แขวนอยู่บนนั้น จิตใจที่กำลังร้อนรุ่มของโม่อวิ๋นฉีค่อยสงบลงเล็กน้อย ก่อนจะหันมาทางชายเตี้ยแคระ ส่งเสียงตวาดดังลั่น “ไอ้ฉิบ… หมาแคระ พวกเจ้ายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ?”
สิ้นเสียงพูด เขาถลันพรวดตรงเข้าหาชายร่างเตี้ยแคระทันที อีกฝ่ายเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงหรี่ตานิดหนึ่ง ก่อนพลันกระแทกฝ่าเท้าข้างขวาลงบนพื้นดิน แล้วร่างทั้งร่างของเขาก็มุดจมลงใต้ดินหายไปอย่างรวดเร็ว
โม่อวิ๋นฉีแม้เคลื่อนไหวรวดเร็วทว่ายังพลาดเป้าหมาย เขาจึงละทิ้งความคิดที่จะไล่ตามเจ้าคนเตี้ยแคระ แต่กลับกระโจนออกจากที่ไปทางไหล่เขาที่เยี่ยหลิงถูกมัดแขวนอยู่ เขาเคลื่อนที่รวดเร็วปานสวมวิญญาณเห้งเจีย ดังนั้นชั่วไม่กี่อึดใจ เขาก็มาถึงต้นไม้ที่มีเยี่ยหลิง ทว่าจู่ ๆ ดาบหนาเล่มใหญ่กลับฟันฉับลงข้างลำตัว !
โม่อวิ๋นฉีกำหมัดขวาเกร็งแน่นจนสั่นระริก จากนั้นผลักฝ่ามือออกรุนแรง พลันลำแสงสีฟ้าพุ่งวาบออกจากกลางฝ่ามือกระแทกเข้ากับดาบกว้าง
ผัวะ !
ดาบกว้างปะทะพลังแห่งลำแสงจนสั่นสะท้านรุนแรง ยังผลให้ร่างคนถือดาบถอยกรูดออกไปไกลหลายจั้ง !
โม่อวิ๋นฉีตั้งท่าจะเข้าปะทะต่อเนื่อง พลันเงาหนึ่งวูบเข้าขวางหน้า ขณะเดียวกันลำแสงพุ่งวาบเข้าที่ลำคอ !
เขาสีหน้าเผือดเล็กน้อย ก่อนกดปลายเท้าลงบนพื้น ดันร่างทะยานถอยห่างออกไปกว่าสี่จั้ง ทันใดนั้น เกิดเสียงลมพัดหวีดดังไล่ตามระยะทางมาในลานกว้าง !!!
ครานี้โม่อวิ๋นฉีตาเบิกกว้าง สีหน้าเปลี่ยนสิ้นเชิง ขณะเดียวกันก็เร่งหันพลิกกลับอีกหลายตลบกระถดถอยต่อเนื่อง…
ฟ้าว !
ลูกธนูสีดำสนิทดอกหนึ่งพุ่งตรงเข้าหาหัวไหล่ของโม่อวิ๋นฉี เขาหันขวับตามทิศทางของลูกธนูที่พุ่งเข้าหา ชายในชุดดำคนหนึ่งยืนอยู่บนโขดหินใหญ่บนหน้าผาไม่ห่างเท่าใด ในมือของคนนั้นมีธนูคันยาวและเบื้องหลังสะพายกระบอกใส่ลูกธนู !!!