บทที่ 182 ข้าคอยเจ้ามานานเต็มทีแล้ว ! (ปลาย)
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ทำเอาโม่อวิ๋นฉีหน้าถอดสีซีด !
พลังที่ปรากฏแสดงว่าอย่างน้อยชายชุดดำต้องมีทักษะยุทธ์ขั้นปฐพีระดับกลาง และแน่ชัดว่าต้องถึงขั้นสันโดษ !
“ยอดคนแท้จริง !” แววตาของโม่อวิ๋นฉีเริ่มปรากฏแววหวั่นวิตกเลือนราง !
ใครกันที่จะอ่อนด้อยกว่า !!
ปัง !
สิ้นเสียงปะทะสนั่น ปรากฏมีร่างของคนผู้หนึ่งกระเด็นออกจากที่ !
โม่อวิ๋นฉีรีบกวาดตามองตามเสียง แล้วเขาก็ถอนใจเฮือกเมื่อเห็นหน้าคนที่ล่าถอยถนัดชัดตา !
ด้วยคนผู้นั้นมิใช่เยี่ยฉวนอย่างที่นึกกังวล กลับเป็นชายในชุดดำ !
ชายในชุดดำล่าถอยไกลห่างไปหลายจั้ง และการกระถดถอยของเขาแต่ละก้าวก็ทำให้คนกระอักโลหิตออกมาทุกครั้ง ทว่ามิเพียงเท่านั้น เพราะพื้นพสุธาใต้เท้าที่ย่ำถอยยังเกิดเป็นรอยร้าวลึกในทุกก้าวย่าง !
ทั้งหมดล้วนเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่เกี่ยวเนื่องกัน !
ชายชุดดำผลักพลังออกอย่างเต็มที่เพื่อต้านทานโดยตรงกับพลังปะทะซึ่งรุนแรงยิ่งแห่งกระบี่ของเยี่ยฉวน ดังนั้นเมื่อคนล่าถอย ก็เท่ากับทำให้พลังตีกลับมาทำอันตรายต่อตัวเอง !
เมื่อคนในชุดดำหยุดนิ่งลง จึงพบว่าผ้าคลุมสีดำที่เคยห่อหุ้มร่างกายส่วนบนฉีกขาดเกือบทั้งหมด จนเผยให้เห็นเกราะสีเงินภายใต้ผ้าสีดำขาดวิ่น ทั้งยังปรากฏรอยแตกบนเสื้อเกราะสีเงินนั้นจนสามารถมองเห็นผิวเนื้อใต้เสื้อเกราะได้อย่างชัดเจน
เสื้อเกราะศาสตราวุธขั้นประกายแสง !
เพราะเสื้อเกราะเงินนี่เองจึงต้านทานกระบี่ของเยี่ยฉวนไว้ มิเช่นนั้นเขาคงสิ้นชื่อไปแล้ว !
สายตาของชายในชุดดำจ้องแน่วนิ่งที่เยี่ยฉวนซึ่งอยู่ไม่ไกล ก่อนที่เขาจะอ้าปากพูด ทันใดนั้นเยี่ยฉวนพลันหายวับไปจากที่
เมื่อเห็นเช่นนั้นลูกตาดำของชายชุดดำหดเล็กลงด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น ในทันทีนั้นเขายกเท้าข้างขวาถีบลงบนพื้นดิน
ปัง !
สิ้นเสียงระเบิด ก้อนหินขนาดเล็กใหญ่จำนวนมากมาย พร้อมทั้งฝุ่นดินฟุ้งกระจายจากพื้นพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและพัดเข้าหาร่างของเยี่ยฉวนทันที !
ถึงกระนั้น ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งกระบี่ของเยี่ยฉวนได้อีกต่อไป กระบี่หลิงซิ่วทะยานฝ่ากลุ่มก้อนหินและฝุ่นคละคลุ้ง ตรงเข้าหาชายในชุดดำ
คนในชุดดำหน้าถอดสีนัยน์ตาเบิกโพลง เขาถอยหลังก้าวหนึ่งฉวยจังหวะยกฝ่าเท้าตวัดฟาดกระบี่หลิงซิ่ว แต่ที่คนผู้นั้นเตะออกมิได้มุ่งตรงเข้าหากระบี่โดยตรง กลับมุ่งเป้าหมายที่สันกระบี่หาใช่ส่วนปลายกระบี่หลิงซิ่ว
ผัวะ !
พลังเตะผลักกระบี่หลิงซิ่วออกไปข้างหนึ่ง ทว่าในเวลาเดียวกัน เยี่ยฉวนปรากฎขึ้นประจันหน้าคนเสียแล้ว
เยี่ยฉวนออกพลังหมัดพุ่งตรงร่างของชายชุดดำ ! ‘หนึ่งหมัดดับชีพ !’
พลังหมัดมิได้มีแค่พลังหมัดทลายภูผา แต่ผสานทักษะการต่อสู้เข้าไว้จนเต็มเปี่ยม !
ชายในชุดดำตระหนักถึงพลังมหาศาลแห่งพลังหมัดของเยี่ยฉวน เขาเขม้นมองลูกตาดำหดเล็ก “เจ้าประสานทั้งกระบี่และทักษะยุทธ์สินะ !”
เสี้ยววินาทีต่อมา
ผัวะ !
ร่างของชายชุดดำกระเด็นหวือออกไป !
เยี่ยฉวนเกือบจะออกปะทะ ทันใดนั้น จู่ ๆ มีแสงสว่างประหลาดพุ่งวาบเข้าหาเยี่ยฉวนทางเบื้องหลังโดยไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มหรี่ตาเล็กน้อย ฉับพลันเขาหมุนตัวกลับหลังขณะเดียวกันก็ผลักหมัดออกปะทะลำแสง !
เปรี้ยง !
แสงสว่างแตกกระจายไม่มีชิ้นดี !
ทว่ากลับไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดอยู่ข้างหลัง !
เยี่ยฉวนกวาดตาไปทั่วบริเวณ สัญชาตญาณยืนยันกับตนเองว่าไม่มีบุคคลอื่นอยู่ในละแวกนั้น !
เขาจึงเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นจึงหันไปทางโม่อวิ๋นฉีพร้อมบอกว่า “ระวังหลังให้ด้วย !” พูดจบ เขากระโดดก้าวเพียงไม่กี่ครั้งและมุ่งหน้าไปทางเยี่ยหลิง !
โม่อวิ๋นฉีจับตามองทางเบื้องหลัง ที่หว่างนิ้วมือทุกนิ้วมีมีดสั้นทองคำเตรียมพร้อมใช้งาน ขณะนั้นเอง ลำแสงซึ่งไม่ปรากฏแหล่งที่มาพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวน !
แต่ในครั้งนี้เยี่ยฉวนไม่หันกลับมองหลังอีก ด้วยมีดบินทองคำทะยานเข้าป้องกันทางด้านหลังของเยี่ยฉวนแทนแล้ว
ผัวะ !
มีดบินทองคำทะยานเข้าตัดลำแสงจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ทว่าทันใดนั้น มีลูกธนูขนนกสีดำพุ่งมาจากทิศทางอื่น ตรงเข้าหาเยี่ยฉวนทางด้านข้าง !
ครานี้เยี่ยฉวนจำต้องหันไปรับมือ ด้วยหลิงซิ่วในมือทะยานออกต้านทานอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง !
ชายหนุ่มทำลายลูกธนูขนนกดำลงได้อย่างรวดเร็ว ทว่าขณะหนึ่งต่อมา มีลูกธนูอีกดอกหนึ่งพุ่งเข้าหาทางเบื้องหน้า และยิ่งกว่านั้น ยังมีลูกธนูอีกสองดอกไล่กันมาติด ๆ!
ลูกธนูทั้งสามจ่อหัวท้ายเรียงกันมา !
จนกลายเป็นเส้นตรงลูกธนู !
เยี่ยฉวนแบมือยื่นออกไปข้างหน้า กระบี่หลิงซิ่วทะยานลงสงบนิ่งบนฝ่ามือ จากนั้นเยี่ยฉวนขยับกระชับกระบี่ก่อนฟันลงไปเบื้องหน้าอย่างรุนแรง ยามนี้กระบี่หลิงซิ่วส่องประกายวาบวาว !
ฉัวะ !
เมื่อเยี่ยฉวนฉวยกระบี่ฟันออกไปหนึ่งครั้ง ลูกธนูขนนกเบื้องหน้าก็แหลกละเอียดในพลัน ทว่ายังมีลูกธนูอีกดอก ซึ่งดอกนี้กลับปะทะเข้ากับส่วนปลายกระบี่หลิงซิ่วเข้าอย่างจัง
ชิ้งงงง !
กระบี่หลิงซิ่วสั่นสะท้านจากแรงปะทะ แต่ลูกธนูขนนกแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี !
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะกระบี่หลิงซิ่วเป็นศาสตราวุธขั้นประกายแสง !
แต่ในครั้งนี้ ลูกธนูดอกที่สามซึ่งเป็นดอกสุดท้าย กลับเปลี่ยนทิศทางที่พุ่งตรง กลายมาเป็นพุ่งเข้าหาบริเวณลำตัวช่วงบนของเยี่ยฉวน ที่หน้าอก !
เยี่ยฉวนผลักหมัดตรงออกไปเบื้องหน้า !
เปรี้ยง !
ลูกธนูตรงหน้าแตกละเอียด !
ขณะนั้นลำแสงพุ่งเข้าทางเบื้องหลังของเยี่ยฉวนอีกครั้ง แต่เยี่ยฉวนไม่หันหลังกลับ เมื่อเห็นเงาปีศาจวูบตัดผ่านเข้าลานกว้าง โม่อวิ๋นฉีวิ่งถลันเข้าขวางด้านหลังเยี่ยฉวน ทันใดนั้นมีดสั้นตวัดฟันลงตรงหน้า !
เปรี้ยง !
ลำแสงระเบิดกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย !
โม่อวิ๋นฉีกวาดสายตาอย่างระแวดระวังเต็มที่ เขามองหาเท่าไรก็ยังไม่เห็นแม้เงาของใครสักคน !
ภายหลังจากเยี่ยฉวนทำลายลูกธนูขนนกทั้งสามแล้ว เขาเพ่งมองไปที่โขดหินทางด้านซ้ายซึ่งอยู่ห่างออกไป ที่นั่นบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ ด้านหลังสะพายคันธนู !
สายตาของชายสะพายคันธนูจับจ้องมองเยี่ยฉวนแน่วแน่ “เจ้ามีทั้งพลังกระบี่และทักษะยุทธ์ !”
ทว่าเยี่ยฉวนไม่สนใจจะฟังแต่อย่างใด เวลานี้ร่างของเขาสั่นน้อย ๆ จากนั้นจึงก้าวเข้าไปที่เยี่ยหลิง ซึ่งบัดนี้สีหน้าของเด็กน้อยซูบเซียวทั้งออกจะหน้าซีดผิดปกติ เชือกที่มัดพันรอบข้อมือกดลึกลงบนผิวเนื้อจนเกิดรอยห้อเลือดแดงช้ำ
เยี่ยฉวนสีหน้าปราศจากความรู้สึก ชั่วแวบนั้นกระบี่หลิงซิ่วเหินออกจากมือของผู้เป็นนาย ตรงเข้าตัดเชือกที่ผูกข้อมือของเยี่ยหลิงออกทันที
ทันใดนั้นเยี่ยฉวนพลันเหยียดแขนออกประคองร่างของเยี่ยหลิง ขณะนั้นเองบังเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาด เมื่อเงาหนึ่งปรากฏออกทางด้านหลังเยี่ยหลิงอย่างเงียบเชียบ และเงากลับโผล่ขึ้นเบื้องหน้าเยี่ยฉวนฉับพลัน ทั้งในเวลาเดียวกันกระบี่สีดำเล่มหนึ่งก็ได้พุ่งตรงเข้าหาเป้าหมายที่จุดตันเถียนของเยี่ยฉวน ขณะที่เสียงพูดดังกรอกเข้ามาในหูของชายหนุ่ม “ข้าคอยเจ้ามานานเต็มทีแล้ว”
เยี่ยฉวนร่างแข็งเกร็ง หลังจากนิ่งงันไม่ชั่วครู่ เขาเงยมองไปที่ชายในผ้าคลุมสีดำที่อยู่เบื้องหน้า “เจ้าสู้อุตส่าห์มาคอย… กระบี่ประกายแสงระดับต้น…น่าซึ้งใจนัก… !!!”