บทที่ 184 พี่จะพาน้องกลับ ! (ปลาย)
ทันใดนั้น มีคนระเบิดเสียงหัวเราะดังขึ้นไม่ไกลจากสถานที่
“ฮ่าฮ่า… แถวนี้คึกคักดีจริง !” ทันทีที่สิ้นเสียงหัวเราะ เงาของคนวูบวาบจากในระยะไกลและขยับเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาบุรุษคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางกลุ่มคน
เป็นคนรุ่นหนุ่ม อายุราวยี่สิบ คิ้วดกดำพาดเฉียงเหนือดวงตาทั้งคู่คมเป็นประกาย ท่าทางองอาจผ่าเผย ในมือถือสร้อยยาวร้อยลูกประคำสีดำ
เจี้ยนเสี่ยวหวางจับตามองผู้ที่เพิ่งเข้ามาอย่างสนใจ และเมื่อเลื่อนสายตาลงมองเห็นสร้อยลูกประคำในมือของคนหนุ่มที่มาใหม่ จึงเกิดเสียงอุทาน “กงชิงเฉิง !”
ราวกับคำพูดนั้นดึงความสนใจของผู้มาใหม่ เขาหันมามองเจิ้นเสี่ยวหวางด้วยสายตาแสดงความประหลาดใจ พลันเหยียดยิ้มมุมปาก “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คือเจี้ยนเสี่ยวหวางสินะ คนจากตระกูลผู้ฝึกกระบี่ทว่ากลับสนใจการฝึกดาบแทนที่จะฝึกกระบี่เหมือนคนอื่น นึกไม่ถึงว่าเจ้าก็โผล่มาที่นี่เช่นกัน !”
เจี้ยนเสี่ยวหวางกลับตอบโต้ด้วยท่าทีเฉยเมย “ข้าจะมาหรือไม่มันก็เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้าสุนัขจิ้งจอกเหลี่ยมจัด คนอย่างเจ้ามาที่นี่ก็มีแต่จะใช้เล่ห์เพทุบายทั้งปีทั้งชาติ !”
กงชิงเฉิงกลับไม่แสดงท่าทีขึ้งโกรธต่อวาจานั่น กลับยิ้มเยื้อนอยู่เช่นเดิม จากนั้นจึงละสายตาไปทางเยี่ยฉวน “หึหึ ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าในแคว้นเจียงนอกจากอันหลานซิ่วแล้ว ยังมีเจ้าที่เป็นยอดคนด้วยอีกคน เช่นนี้หายากจริง ๆ”
เยี่ยฉวนจ้องหน้ากงชิงเฉิงพลางร้องถาม “จะมาล่าค่าหัวหรือไง ?”
กงชิงเฉิงส่ายหน้าปฏิเสธ ตอบมาว่า “สู้กันเฉย ๆ น่าเบื่อเกินไป !” เขาหยุดนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ข้ามีข้อเสนอ เยี่ยฉวน เจ้าเข้ามาในสถานที่แห่งความลับนี้ก็เพื่อช่วยชีวิตน้องของเจ้า เรื่องนี้ถูกต้องไหม ? วันนี้ ข้าจะเหลือช่วยน้องของเจ้า และถ้าวันนี้เจ้ารอดชีวิต ในอนาคตเจ้าจะต้องช่วยเหลือข้าสามเรื่อง ซึ่งทั้งสามเรื่องมิใช่เรื่องยาก ขอให้มั่นใจได้”
เยี่ยฉวนมองหน้าคนพูดตรง ๆ “ตกลง !”
แน่นอน เขาไม่ปฏิเสธ !
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของเยี่ยหลิง !
กงชิงเฉิงได้ยินเช่นนั้น เขายกนิ้วให้เยี่ยฉวน “เด็ดขาด ดี !” พูดจบ หันไปกวาดตามองคนอื่นที่ยืนรวมกลุ่ม “ทุกท่าน พวกเจ้ามาเพื่อค้นหาสิ่งล้ำค่า ขณะที่ข้าเองก็ตั้งใจมาค้นหาเช่นกัน เช่นนั้นพวกเราก็มีเป้าหมายเดียวกัน ดังนั้นข้าอยากจะขอร้องพวกเจ้าสักหน่อย เลิกยุ่งกับเด็กน้อยคนนั้นเสีย”
“เฮ้ย คิดว่าตัวเองเป็นใคร ?” ขณะนั้น ชายผู้หนึ่งซึ่งยืนข้างคนสวมเกราะเงินคำรามลั่น “เรื่องอะไรพวกเราต้องทำตามคำสั่งเจ้าแล้วปล่อยเด็กไปด้วย ?”
กงชิงเฉิงหันขวับมาจ้องตาคนพูด ทันใดนั้น ลูกประคำสีดำลูกหนึ่งพลันถูกดีดออกจากนิ้วมือของเขาอย่างรวดเร็ว
ผัวะ !
ร่างของชายคนที่พูดเมื่อสักครู่แตกกระจายโดยไม่ทันตั้งตัว !
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างนิ่งขึงด้วยตกตะลึง ใบหน้าเผือดซีด !
ยอดยุทธ์แห่งขั้นสันโดษ !
เมื่อชายสวมเกราะเงินหันมามองหน้ากงชิงเฉิงอีกครั้ง คราวนี้แววตาของเขาฉายความหวาดกลัวชัดแจ้ง !
กงชิงเฉิงมองตรงไปที่ทุกคนสีหน้าราบเรียบ “พวกเจ้าเป็นใครบ้าง อัจฉริยะ ? ยอดคน ? ขอโทษนะ ถ้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมา พวกเจ้าเป็นอัจฉริยะและยอดคนแล้วไง ถ้าไม่ถูกจารึกชื่อไว้ในทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์ งั้นทุกอย่างที่พวกเจ้าเป็นก็ล้วนแต่เป็นน้ำลาย !”
จากนั้นเขาก้าวตรงไปข้างเยี่ยหลิง ยืนมองหน้าเด็กหญิงก่อนจะเอ่ยปากพูดว่า “คนพวกนี้ต้องการสังหารพี่ของเจ้า เหตุใดเจ้าจะไม่อยากช่วยพี่ชาย จริงไหม ?” กงชิงเฉิงคลี่ยิ้ม
“ค่าหัวของพี่ชายเจ้าสูงนัก แต่เงินทองมาแล้วก็ไป ถึงกระนั้น ถ้าอีกหน่อยพี่ชายของเจ้ากลายเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้า ข้าก็จะเป็นคนที่มีโชคมหาศาล เข้าใจที่พูดไหม ?”
เยี่ยหลิงนิ่งคิดชั่วขณะ จากนั้นจึงพยักหน้า “ท่านพี่ของข้าเป็นหนี้ท่าน ก็เหมือนกับข้าเป็นด้วย อีกหน่อยถ้าท่านมีเรื่องเดือดร้อน ข้าจะช่วยท่านเหมือนกับที่ท่านพี่ช่วย !” เด็กหญิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง !
กงชิงเฉิงเหยียดมุมปากยิ้มน้อย ๆ ทว่าไม่กล่าวตอบแต่อย่างใด ในความเป็นจริง เขาไม่ได้เฉลียวใจสักนิด ว่าวันนี้เด็กน้อยตรงหน้าคือผลตอบแทนที่มีค่ายิ่ง…
ขณะนั้นเยี่ยฉวนเดินก้าวเข้าหาชายสวมเกราะเงินและกลุ่มคนด้านหลังช้า ๆ เมื่อเห็นคนที่กำลังตรงเข้าหา ชายสวมเกราะเงินรวมทั้งคนอื่นเริ่มขยับเคลื่อนไหว !
เยี่ยฉวนยกนิ้วจิ้มไปที่ศีรษะของตนเองพลางพูดว่า “เข้ามาสิ มาเด็ดหัวของของข้า มัวรออะไร ?!” ชายสวมเกราะแสยะมุมปากยิ้มโหดเหี้ยม “ข้ามาแล้ว !” ฉับพลันร่างคนทะยานเข้าหาเยี่ยฉวนอย่างรวดเร็ว !
เบื้องหลังคนที่พุ่งเข้ามา ตามมาด้วยกลุ่มคนทั้งหมดที่ต่างก็มุ่งหน้าเข้าหาเยี่ยฉวน !
กลุ่มคนนับสิบ !
ทุกคนล้วนเป็นยอดอัจฉริยะ !
แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคนสวมเกราะเงินหรือคนอื่น ต่างก็ไม่น่าเกรงกลัวทั้งสิ้น ลำพังพวกเขาคนหนึ่งคนใดไม่มีใครสามารถเอาชนะเยี่ยฉวนได้ !
แต่ตอนนี้ พวกเขามีมากกว่า !
น้ำน้อย ย่อมแพ้ไฟฉันใด คนน้อยย่อมพ่ายคนมากฉันนั้น !
อีกอย่างในแง่ผิวเผิน พวกเขาทุกคนล้วนแต่เป็นผู้กล้าแกร่ง ไม่มีใครอ่อนด้อย เยี่ยฉวนต้องต้านทางคนมากกว่าสิบเพียงลำพัง ถ้านี่เป็นความฝันก็ไม่น่าแปลก !
“ข้ามาแล้วโว๊ย !” ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงแหกปากตะโกนโหวกเหวกของใครคนหนึ่งดังมาจากระยะไกล โม่อวิ๋นฉีหันขวับตามไปตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน คนที่โผล่เข้ามาคือไป๋เจ๋อ !
เมื่อเห็นว่าเป็นไป๋เจ๋อ โม่อวิ๋นฉีราวกับจะสะกดกั้นอารมณ์โกรธไม่ได้อีกต่อไป จึงต่อว่าเสียงดังลั่น “ฉิบ… มัวไปหลงอยู่ที่ไหนหา ? เหตุใดจึงเพิ่งมาเอาป่านนี้ !”
ไป๋เจ๋อเร่งรีบวิ่งตรงมา เห็นได้ชัดว่าสีหน้าเจื่อนสนิท “ข้าวิ่งมานะ แต่วิ่งไปผิดทาง…”
โม่อวิ๋นฉี “…”
ไป๋เจ๋อเคลื่อนไหวว่องไว เขาทั้งผลักทั้งดัน ไม่ว่าใครหน้าไหนที่เข้ามาขวางทางในเวลานี้เขาพร้อมที่จะเหวี่ยงมันจนกระเด็นไปได้ ดังนั้น ตลอดเส้นทางที่เขากำลังวิ่งเข้ามาจึงโปร่งโล่งหาได้มีใครกล้าขวางทางแม้แต่คนเดียว เขารีบเข้ามาหาเยี่ยฉวนด้วยท่าทางรู้สึกผิด พลางฉีกยิ้มกว้าง “ข้ามาแล้ว สายไปหน่อย !”
เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ “เจ้ามาทันเวลาต่างหาก !” จากนั้น เยี่ยฉวนมองกลับไปที่ชายสวมเกราะเงินและกลุ่มคนด้านหลังที่กำลังดาหน้าตรงเข้ามา เอ่ยถามคนตัวใหญ่เสียงเข้ม
“คิดว่าจะรับไหวสักกี่คน ?”
ไป๋เจ๋อหันไปมองพลางหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนชูนิ้วชี้ขึ้น ชายหนุ่มเห็นดังนั้น รีบพยักหน้าพลางใช้มือตบป้าบลงบนบ่าคนตัวใหญ่ “นับว่ากล้าหาญมาก ได้ เจ้ารับไปจัดการสิบคน !”
ฝ่ายคนตัวใหญ่ได้ยินเท่านั้น กำลังก้าวออกไปก็แทบสะดุดหน้าทิ่ม
ขณะนั้นทั้งเจี้ยนเสี่ยวหวางและกงชิงเฉิง ต่างหันไปมองซากขอนไม้ล้มอีกด้านหนึ่ง ด้วยปรากฏว่ามีคนผู้หนึ่งยืนเอามือไพล่หลัง มองนิ่งตรงมา… และเมื่อคนทั้งคู่เห็นคนที่ยืนบนขอนไม้ล้ม พวกเขาต่างก็ต้องย่นหัวคิ้วไปตามกัน
เจี้ยนเสี่ยวหวางเบนสายตากลับมา เสียงพึมพำลอดไรฟัน “เขาก็มาด้วยหรือนี่…” ด้านกงชิงเฉิงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง “หรือเห็นทีข้าจะหมดโอกาสเสียแล้ว ?”
ณ ที่แห่งหนึ่งภายนอกสถานที่แห่งความลับ หลี่ซ่วนชางซึ่งจับตามองความเคลื่อนไหวในสถานที่นั้นมาโดยตลอด แหงนหน้าส่งเสียหัวเราะอย่างพึงพอใจ “ฮ่าฮ่า… เขามาแล้ว ! ฮ่าฮ่า…”
จากนั้น เสียงหัวเราะก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่องราวกับพึงพอใจนัก !