บทที่ 353 ชีวิตของทหารบาดเจ็บ
ใบหน้าของเซียวฉีเทียนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง ชีวิตของเหล่าทหารจะดีขึ้นอย่างมาก และจะช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดที่พวกเขาแบกเอาไว้ลงอีกด้วย
ทหารเหล่านั้นเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขามาในอดีต พอได้รับบาดเจ็บก็ไม่เหลือทางเลือกอื่น นอกจากกลับไปใช้ชีวิตอันแสนยากแค้น ทำให้พวกเขารู้สึกผิดมาก
“เช่นนั้นเจ้าก็รีบไปเถอะ” หญิงสาวไม่อยากให้เซียวชวี่เฟิงสงสัยพวกตน
อันที่จริงแล้วหนิงเมิ่งเหยาจัดเป็นคนคิดมาก เพราะจะอย่างไร คนพวกนั้นก็ร่วมสงครามกับเซียวชวี่เฟิง แม้จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เซียวชวี่เฟิงเห็นพวกเขาไม่ต่างจากพี่น้อง คนเหล่านั้นผจญความเป็นความตายเพื่อเขา แต่เขากลับทำอะไรให้ไม่ได้เลยนอกจากมอบเงินชดเชย ในใจเขากล่าวโทษตัวเองไม่หยุด
บัดนี้ หนิงเมิ่งเหยายินดีจะช่วยเขาคลายความปวดร้าวในใจ เขาย่อมดีใจเป็นธรรมดา
เซียวฉีเทียนรีบกลับออกไปหลังจากคุยกับหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างมาได้พักใหญ่
“ไม่ต้องห่วง ชวี่เฟิงต้องเห็นด้วยแน่นอน” แน่นอนว่าเฉียวเทียนช่างรู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาคิดทำอะไร แม้เขาจะคิดว่าไม่จำเป็น แต่ชายหนุ่มก็ไม่เอ่ยออกมา ระวังไว้ก่อนหาได้เสียหายไม่
หนิงเมิ่งเหยายิ้มกว้าง “ข้ารู้”
วันต่อมา เซียวฉีเทียนมาหาพวกนางอีกครั้ง หนนี้เขาไม่ได้มาตามลำพัง แต่เซียวชวี่เฟิงก็ตามมาด้วย
หนิงเมิ่งเหยาประหลาดใจเมื่อเห็นเซียวชวี่เฟิง “ท่านไม่มีกิจธุระอื่นหรือ”
เซียวชวี่เฟิงอึ้งไป “ข้าไม่เป็นที่ต้อนรับหรอกหรือ”
“ไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่ระยะนี้มิใช่ว่าท่านมีกิจมากมายต้องดูแลหรือ” เขาควรจะยุ่งเป็นพัลวันเพราะเรื่องของจวนขุนนางหลิง แต่เขากลับดูไม่ได้มีกิจต้องทำนักหนา กลับกัน เขาดูว่างมากเสียด้วยซ้ำ
“ข้างานยุ่งก็จริง แต่พวกเขายังไม่ได้ลงมือทำอะไร จึงยังพอมีเวลาอยู่บ้าง” เซียวชวี่เฟิงไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด หนิงเมิ่งเหยาเองก็รู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นทั้งหมด ถ้าเขาจงใจปกปิดเรื่องเอาไว้ เขาคงเป็นคนที่มีจิตใจชั่วร้าย
หนิงเมิ่งเหยาเลี่ยงไม่ออกความเห็นแล้วยักไหล่ “เช่นนั้นท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ”
“เรื่องที่เจ้าบอกกับฉีเทียนเมื่อวาน เจ้าจะให้งานทหารบาดเจ็บทำได้จริงๆ หรือ” เขาไม่ได้สนใจกิจการค้าขายของพวกนาง ฉีเทียนจะเข้าไปร่วมด้วยก็เรื่องของเขา แต่เขากังวลเรื่องนั้นมากกว่า
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว” ยังมีอีกหลายสิ่งที่นางยังไม่ได้ทำ โรงกลั่นสุราเริ่มมีคนงานไม่พอ นางต้องการคนอีกมาก ดังนั้นแทนที่จะมอบงานให้คนที่นางไม่รู้นิสัยใจคอ สู้ให้นางมอบโอกาสแก่ทหารบาดเจ็บเสียยังดีกว่า
“ข้ามาที่นี่เพื่อขอบใจเจ้าแทนทหารเหล่านั้น” สำหรับหนิงเมิ่งเหยาอาจเป็นเพียงการกระทำโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่สำหรับเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นการช่วยชีวิตเลยทีเดียว
“ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ พวกเราต่างก็อาจถูกใช้และใช้ผู้อื่นเพื่อสิ่งที่เราต้องการกันทั้งสองฝ่าย” หนิงเมิ่งเหยากล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
ทว่าเซียวฉีเทียนและคนอื่นรู้ดี นางหาคนงานด้วยวิธีอื่นได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเฉียวเทียนช่าง ไยนางจะอยากได้ทหารบาดเจ็บเหล่านั้น
“เหยาเหยา ขอบคุณเจ้ามาก” แววตาเฉียวเทียนช่างมีความนัยยากจะสื่อเมื่อเขามองสตรีข้างกาย นางทำสิ่งต่างๆ มากมายให้เขา
ใบหน้าหนิงเมิ่งเหยาผุดรอยยิ้มกว้าง “ระหว่างข้ากับเจ้า เราไม่ต้องขอบคุณกัน”
“ก็ได้ ข้าจะไม่พูดขอบคุณ” เฉียวเทียนช่างผกงศีรษะ เขายิ่งมีรอยยิ้มกว้าง
สองพี่น้องเซียวชวี่เฟิงและเซียวฉีเทียนรู้สึกพูดไม่ออกเมื่อมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า สามีภรรยาคู่นี้จะช่วยเห็นใจกันบ้างเลยมิได้หรือ ต้องมาแสดงความรักกันต่อหน้าพวกเขาด้วยหรือ
หลังจากที่หนิงเมิ่งเหยาบอกจำนวนคนและเงื่อนไขแล้ว เซียวชวี่เฟิงก็เอ่ยขึ้น “ข้าจะให้คนสืบดูลักษณะนิสัยพวกเขา แต่เราจะทำเช่นไรถ้าพวกเขามีเครือญาติที่สุดโต่งล่ะ”
พวกเขาคงจะเพียงช่วยคนพวกนั้นให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้นเฉยๆ ได้ใช่หรือไม่
หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตอบออกมาในที่สุด “ข้าพอจะส่งคนไปสอนให้พวกเขาเลี้ยงปลา แล้วเราจะได้ซื้อปลากับกุ้งที่พวกเขาเลี้ยง นอกจากนั้น พวกเขาจะเลี้ยงไก่กับเป็ดก็ได้” ให้นางได้ซื้อทั้งไข่เป็ด ไข่เยี่ยวม้าก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
เซียวชวี่เฟิงโล่งใจเมื่อได้ยินว่าคนธรรมดาก็เลี้ยงปลา กุ้งและปูที่หนิงเมิ่งเหยาเลี้ยงไว้ในบ่อได้
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็โล่งใจ” เซียวชวี่เฟิงยิ้มพร้อมกล่าว
“เช่นนั้นข้าต้องขอให้ท่านช่วยเหลือด้วย” หนิงเมิ่งเหยาแย้มยิ้ม
“เจ้าไม่ต้องสุภาพกับข้านักหรอก จะเรียกข้าด้วยชื่อเหมือนเทียนช่างก็ได้” เซียวชวี่เฟิงไม่ชอบที่หนิงเมิ่งเหยาสุภาพเกินไปนัก จึงท้วงตรงๆ
หนิงเมิ่งเหยายิ้ม แต่ไม่ได้พูดปฏิเสธ
บทที่ 354 เริ่มเตรียมการ
เซียวชวี่เฟิงมีเรื่องมากมายต้องสะสาง เขาจึงไม่ได้อยู่ที่นี่นานนัก
เมื่อใกล้ถึงเวลา เขาก็ออกจากจวนแม่ทัพใหญ่โดยทิ้งเซียวฉีเทียนไว้
ทั้งสามพูดคุยกันเรื่องรายละเอียด เฉียวเทียนช่างเรียกตัวเหลยอันและคนอื่นๆ ให้ไปติดต่อทหารที่กลับไปบ้านเกิดก่อนหน้านี้ เขาจะให้ตรวจร่างกายคนเหล่านั้น หลังจากนั้นเขาก็จะมุ่งหน้าไปหมู่บ้านไป๋ซาน
พวกเขาต้องการเวลาสำหรับสร้างทุกอย่างขึ้นมา
เมื่อเฉียวเทียนช่างเตรียมการทั้งหมดแล้ว หนิงเมิ่งเหยาก็วาดรูปลักษณะของห้องแล้วส่งให้ชิงเซวียน
“ชิงเซวียน ข้าจะมอบหมายให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ เจ้าคอยควบคุมการก่อสร้างกับท่านลุงเจี่ยงเสีย”
“ขอรับ คุณหนู”
เมื่อเซียวฉีเทียนเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้น “ชิงเซวียน เรื่องนี้เจ้ายังไม่ต้องรีบหรอก รอให้ข้าได้โฉนดที่ดินก่อน เจ้าค่อยไป” ฟังจากที่หนิงเมิ่งเหยาอธิบาย นางต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ และเขาเกรงว่าพวกตนต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ดีกว่านี้
ชิงเซวียนเหลือบมองหนิงเมิ่งหยา เขาจะรับคำก็ต่อเมื่อหนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะเท่านั้น
เซียวฉีเทียนกังวล เขาทำผิดหรือเปล่า
“ข้าต้องจัดการเรื่องโดยไว ข้าอดใจรอเห็นร้านเปิดไม่ไหวแล้ว” เซียวฉีเทียนพูดอย่างตื่นเต้น
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า อันที่จริงนางไม่ได้รีบ
“ตามใจเจ้าเลย”
ชิงเสวี่ยมองหนิงเมิ่งเหยา ทันใดนั้นก็พูดว่า “คุณหนู ท่านว่าเราจะเปิดร้านขายของชำได้หรือไม่ เราจะได้ขายขนมทานเล่นบ้าง”
หนิงเมิ่งเหยามองชิงเสวี่ย
“เจ้าอยากทำเช่นนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ” คนส่วนหนึ่งพูดพร้อมกัน
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ทำกันเองได้เลย” นางสอนสิ่งที่ตนรู้ให้พวกนาง
ถ้าพวกนางอยากเปิดร้าน พวกนางก็ทำได้ตามที่เห็นสมควร
ชิงเสวี่ยมองไปที่หนิงเมิ่งเหยาด้วยดวงตาเป็นประกาย
“คุณหนู ตัดสินใจแล้วหรือเจ้าคะ”
“ใช่ ข้าจะเจียดเงินค่าเปิดร้านให้ ผลกำไรก็แบ่งกันเองระหว่างพวกเจ้า คิดเสียว่าเป็นสินเดิมกับของขวัญแต่งงานของเจ้า”
ชิงเซวียนที่กำลังจะออกไปเซจนเกือบหน้าทิ่มกับพื้น เขายังไม่ทันทำอะไรก็โดนเพ่งเล็งเสียแล้วหรือ
ชิงเสวี่ย ชิงจู๋ และคนอื่นๆ ต่างมองหนิงเมิ่งเหยากันอย่างพูดไม่ออก ไฉนนางจึงพูดขึ้นมาเช่นนั้นเล่า น่าสนใจยิ่งนักที่ชิงเซวียนทำหน้าเหมือนถูกสายฟ้าฟาดกลางศีรษะ
เขามองชิงเซวียนและคนอื่นๆ ที่กำลังสนุกบนความทุกข์คนอื่น ชิงเซวียนยืนตรงอย่างสงบนิ่งแล้วออกไป
“ไม่ต้องอายหรอก ถ้าเจ้าเจอคนที่เจ้ารัก เจ้าก็ต้องแต่งงาน อันที่จริง ข้าก็คิดว่าชิงซวงและหนานอวี่สมกันดี” หนิงเมิ่งเหยาพูดถึงคนสองคนที่ทุกวันนี้ตัวติดกันขึ้นมา
ชิงเสวี่ยและคนอื่นเอามือปิดปากแอบหัวเราะ หมู่นี้สองคนนั้นใกล้ชิดกันจริงๆ ถ้าคุณหนูจะเอ่ยเย้าเสียหน่อยยามว่างจะเป็นอะไรไปเล่า เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ชิงเสวี่ยก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย นางรอดูว่าชิงซวงจะทำหน้าเช่นไรเมื่อถึงเวลานั้น
ชิงซวงที่กำลังศึกษาหนอนพิษอยู่กับหนานอวี่เกิดจามเสียงดัง แล้วนางก็จามต่ออีกหลายครั้ง
ชิงซวงขมวดคิ้ว นึกสงสัยว่านางไม่สบายหรืออย่างไร
หนานอวี่เห็นนางเป็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไร เป็นไปได้ว่าอาจเป็นหวัด เราดูต่อกันเถอะ” ชิงซวงส่ายศีรษะ ไม่ได้ใส่ใจนัก นางวิเคราะห์หนอนพิษร้ายแรงในมือหนานอวี่ต่อ
หนานอวี่หรี่ตาแล้วจ้องมองชิงซวงที่กำลังมองหนอนพิษในมือเขาอย่างตั้งใจ ความคิดหนึ่งแวบแผ่นในดวงตา
“เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ” ชิงซวงเรียกเขาหลายครั้ง แต่เขาไม่ตอบ นางเอื้อมมือไปโบกไปมาข้างหน้าหนานอวี่
หนานอวี่ตั้งสติได้ เขาปั้นยิ้มประดับใบหน้าเย็นชาของตัวเอง
“ไม่มีอะไรหรอก ดูต่อกันเถอะ” หนานอวี่ก้มลงมองหนอนพิษในมือ ชิงซวงกะพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนั้น แต่ก็มิได้ว่าอะไร นางคุยกับหนานอวี่ต่อ
ทว่าหลังจากนั้น หนานอวี่ก็มองชิงซวงมากกว่าที่มองหนอนพิษในมือ
“สองคนนั้นยังขังตัวอยู่ในห้อง ศึกษาหนอนพิษกันอยู่อีกหรือ” หนิงเมิ่งหยาดื่มแกงที่ท่านยายฉินต้มให้แล้วถามพลางเลิกคิ้ว
ชิงเสวี่ยผงกศีรษะ
“เจ้าค่ะ พวกเขาตั้งใจศึกษาจนแทบจะไม่หลับไม่นอนกันเลย”
ดวงตาหนิงเมิ่งเหยามีประกายชั่วร้าย นางเรียกชิงเสวี่ยและคนอื่นมาหา จากนั้นก็กระซิบบางอย่างให้พวกนางฟัง
ชิงเสวี่ยตกอกตกใจ มองหนิงเมิ่งเหยา
“คุณหนู ท่านแน่ใจนะเจ้าคะว่าชิงซวงจะไม่มาแก้แค้นภายหลัง”
“ต่อให้นางทำ นางก็ไม่กล้าทำกับข้าหรอก” หนิงเมิ่งเหยาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ โดยไม่สนสีหน้าตกตะลึงของชิงเสวี่ยเลยสักนิด