ตอนที่ 639 เคลียร์กันต่อหน้า!
สิงลี่เป็นบ้าไปแล้ว
เมื่อเห็นหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ก็เสียสติไป
เกลียดจนแทบอยากจะสลักตัวอักษรเกลียดทั้งหมดลงบนตัวของเหนียนเสี่ยวมู่
นอกจากคำสาปแช่งด่าทอที่ออกมาจากปากของเธอแล้ว ก็สืบไม่ได้ข้อมูลอะไรอีกทั้งนั้น
เหนียนเสี่ยวมู่กัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บปวด เมื่อได้ยินว่าพ่อแม่ของเธอตายทั้งเป็นอยู่ในกองไฟเพราะเธอเป็นต้นเหตุ พยายามเรียบเรียงคำพูดทั้งหมดที่ได้ยินใหม่อีกรอบ
ถ้าเกิดคำพูดของสิงลี่เป็นเรื่องจริง อย่างนั้นเธอก็จากตระกูลสิงไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว
สิงลี่คิดว่าเธอตายไปแล้ว
ดังนั้นเลยไม่มีใครคิดจะตามหาเธอ……
แต่ว่าสามปีก่อน ตอนที่เธอฟื้นขึ้นที่โรงพยาบาล เธอเคยถามถานเปิงเปิง ถานเปิงเปิงเป็นคนบอกเธอเองว่าเธอชื่อเหนียนเสี่ยวมู่
ที่ตัวของเธอยังมีบัตรประชาชนใบหนึ่ง
รูปภาพบนบัตรประชาชนก็คือรูปของเธอ แต่ว่าชื่อบนบัตรบัตรไม่ใช่สิงลี่แต่เป็นเหนียนเสี่ยวมู่
ดังนั้นหลายปีมานี้ เธอเลยไม่เคยสงสัยมาก่อนเลยว่าเธอจะเคยมีชื่ออื่นอยู่อีก
เรื่องราวในอดีต เธอจำไม่ได้แล้ว ไม่มีวิธีตัดสินคำพูดของสิงลี่
แต่ว่าภาพไฟไหม้ในความทรงจำของเธอมันดูเหมือนจริงมาก ดูเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ทำเอาเธออดไม่ได้ที่จะเชื่อคำพูดของสิงลี่
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทำให้พ่อแม่ของตัวเองตาย ทำไมทุกครั้งที่เธอนึกถึงภาพไฟไหม้ครั้งนั้นจะปวดหัวจนแทบระเบิดทุกที ขนาดนึกถึงยังไม่อยากจะนึกเลย
ดังนั้น เธอเป็นตัวกาลกิณีจริงๆ เหรอ
เป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง และทำให้พี่สาวต้องเสียโฉม
สีหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่ย่ำแย่ลงในทันที วินาทีต่อมา ก็ตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น
อวี๋เยว่หานกอดเธอเอาไว้ ไม่เอ่ยพูดอะไรทั้งสิ้น
แต่อ้อมแขนกลับรัดแน่น ส่งกำลังใจไปให้เธอโดยไร้เสียงพูดใดๆ
“คุณชายหาน สืบได้แล้วครับ” ผู้ช่วยเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ อวี๋เยว่หาน พูดรายงานเสียงต่ำ
“สิบปีก่อน หลังจากที่บ้านตระกูลสิงไฟไหม้ สามีภรรยาตระกูลสิงเสียชีวิตลง ลูกสาวคนโตถูกญาติรับตัวไปเลี้ยง ย้ายออกจากที่นี่ไปหมด ตระกูลสิงมีลูกสาวอีกคนชื่อสิงซิงจริงๆ แต่ว่า……”
ผู้ช่วยอึกอักไปนิด หันไปมองทางเหนียนเสี่ยวมู่ ราวกับจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูด
ลังเลอยู่พักหนึ่ง จึงเอ่ยพูดขึ้น “เพียงแต่ว่า หลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น ลูกสาวคนเล็กก็หายสาบสูญไป!”
“……”
“เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น ไหม้อยู่ทั้งวันทั้งคืน พอไฟมอดดับลง ร่างของสามีภรรยาตระกูลสิงก็แทบเป็นเถ้าถ่านไปหมดแล้ว ยากที่จะแยกสภาพใบหน้า ส่วนลูกสาวคนเล็กสิงซิง หาตัวไม่เจอ ทุกคนต่างคิดกันว่าเธอคงถูกไฟไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว”
คำพูดที่สิงลี่พูดเมื่อสักครู่ไม่ใช่เรื่องโกหก
มันเป็นเรื่องจริง!
ตระกูลสิงมีลูกสาวสองคนจริงๆ
สิงซิงก็หายตัวไปหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้นจริงๆ
“หาตัวคนที่รับสิงลี่ไปเลี้ยงเจอหรือยัง” อวี๋เยว่หานขมวดคิ้ว เอ่ยถามเสียงเคร่งขรึม
ผู้ช่วยรีบเอ่ยตอบ “เจอแล้วครับ จากที่เราไปสอบถามมา สามีภรรยาตระกูลสิงเป็นเสาหลักของตระกูล คนในตระกูลคนอื่นๆ ต่างก็พึ่งพาอาศัยพวกเขาจึงทำให้มีกินมีใช้กันอยู่ทุกวัน ดังนั้นพอสองสามีภรรยาตาย ก็มีคนมารับตัวสิงลี่ไปเลี้ยงอย่างรวดเร็ว กลัวว่าเธอจะลืมเหตุการณ์นี้ไม่ได้ ทั้งหมดจึงย้ายจากเมืองเอชไปอยู่เมืองหลิน แทน”
“คนล่ะ พามาหรือยัง” ดวงตาดำขลับของอวี๋เยว่หานหรี่ลง
ได้ยินว่าตัวเองยังมีญาติคนอื่นหรืออยู่ เหนียนเสี่ยวมู่ก็เงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม หันไปมองทางผู้ช่วยอย่างร้อนใจ
ผู้ช่วยพยักหน้า “พามาหมดแล้วครับ ดูจากเวลา น่าจะใกล้ถึงคฤหาสน์ตระกูลอวี๋แล้ว”
สิ้นเสียงของผู้ช่วย อวี๋เยว่หานก็อุ้มเหนียนเสี่ยวมู่ขึ้น หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ฝีเท้าก็ชะงักลง ร่างน่าเกรงขามค่อยๆ หันกลับไปดวงตาดำกวาดมองไปยังสิงลี่
ริมฝีปากค่อยๆ เอ่ยพูดขึ้นทีละคำ “เอาเธอตัวไป เคลียร์กันต่อหน้า!”
ตอนที่ 640 พรรคพวก! ไม่ต้องพูดแล้ว!
ลมในฤดูหนาวเย็นมาก
เมื่อพัดมากระทบร่างกายก็ทำเอาสั่นสะท้าน
อวี๋เยว่หานอุ้มเหนียนเสี่ยวมู่ ใช้เสื้อกันลมตัวยาวของตัวเองช่วยบังลมหนาวให้หญิงสาว แผ่นหลังของตัวเองหยัดตรงราวกับต้นไม้
ทุกฝีก้าวที่ย่ำเดินออกไปด้านนอก มั่นคงแข็งแรง
ทำให้คนรู้สึกปลอดภัย
เขาอุ้มเธอขึ้นไปบนรถ กำลังจะจะเปิดประตู ก็เห็นว่าฟ่านอวี่เปิดประตูรถจากอีกด้านหนึ่ง แล้วนั่งตามเข้ามาด้วย
เมื่อสบกับสายตาดำขลับของเขา ชายหนุ่มก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสบายๆ “คุณให้ผมพาพวกคุณมาที่นี่ แต่จะไม่พาผมกลับไปด้วย มันใช้ได้ที่ไหนกัน”
ฟ่านอวี่พูดจบ ก็เข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ เหนียนเสี่ยวมู่
พอนั่งลงอย่างสุภาพ ดวงตาอ่อนโยนก็มองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่ ยิ้มให้เธอ
เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ก็ทำเอาอวี๋เยว่หานแทบทนไม่ไหวถีบชายหนุ่มให้กระเด็นออกไปจากรถ
รู้ว่าฟ่านอวี่จงใจเข้ามานั่งอยู่ข้างเหนียนเสี่ยวมู่อย่างใกล้ชิดสนิทสนม เพื่อทำให้เขาหงุดหงิด
อวี๋เยว่หานก็ไม่ได้เปลืองน้ำลายบอกให้ฟ่านอวี่ไปนั่งรถคันหลัง
แต่กลับเงยหน้ามองตรง กำชับให้คนขับรถออกรถ
รถขับไปอย่างนิ่มนวลบนถนน มุมปากของฟ่านอวี่มีรอยยิ้มหยักลึก กำลังจะหันไปคุยกับเหนียนเสี่ยวมู่
แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยพูดอะไร เหนียนเสี่ยวมู่ก็โดนอวี๋เยว่หานรวบตัวเข้าไปกอดไว้เสียก่อน
อวี๋เยว่หานให้เธอนั่งอยู่บนตักของเขา เสื้อกันลมตัวยาวคลุมห่อรูปร่างปราดเปรียวของหญิงสาวเอาไว้ ท่าทางของทั้งสองคนอบอุ่นและสื่อถึงความอ่อนโยน
หากคนนอกมองเห็นก็คงอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง ใจเต้นเร็ว
ดวงตาของฟ่านอวี่หรี่ลง เมื่อสบกับสายตาของอวี๋เยว่หานก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาจงใจ
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นประกายด้วยความสนุกแวบหนึ่ง แต่ก็ทำราวกับว่ามองไม่เห็นท่าทีใกล้ชิดสนิทสนมของคนทั้งคู่ ชายหนุ่มค่อยๆ เอ่ยพูดขึ้น “ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณก็ขี้หนาว พอถึงหน้าหนาวก็มักจะเข้ามาซุกอยู่ในอ้อมกอดผม ให้ผมกอดคุณเอาไว้แล้วยังบอกอีกว่าอกผมอบอุ่นมาก ซบนอนหลับสบาย”
“……”
แววตาเฉลียวฉลาดของเหนียนเสี่ยวมู่เบิกโพลงขึ้น
มองดูฟ่านอวี่ที่ช่วยเธอรำลึกความหลังด้วยท่าทีปกติ ดวงตาทั้งสองข้างกระพริบปริบๆ ส่งไปให้เขาเพื่อสงสัญญาณเตือน
พรรคพวก!
ไม่ต้องพูดแล้ว!
ถ้ายังพูดต่อไปอีก เธอต้องแข็งตายในอ้อมกอดของอวี๋เยว่หานแน่ๆ อบอุ่นอะไรกันล่ะ!
แต่ฟ่านอวี่ไม่ได้รับรู้เลยว่าหญิงสาวกำลังร้อนรนกระวนกระวาย ยังคงพูดพร่ำต่อไป “ความจริงไม่ใช่แค่เฉพาะหน้าหนาวนะ หน้าร้อนคุณก็ชอบมาหาผม ไม่ชอบตากแอร์ จับมือของผมเอาไว้ให้ผมช่วยพัดให้คุณ พอผมไม่พัด คุณก็บ่นว่าร้อนมากแล้วก็เริ่มถอดเสื้อผ้า”
“ปึง—-“ มีเสียงหนึ่งดังขึ้นภายในรถ
ขาของอวี๋เยว่หานถีบไปที่เบาะที่นั่งด้านหน้า
เหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งอยู่บนตักของเขา ไม่เพียงแต่ร่างกายของเธอที่สั่นเท่านั้น
หัวใจดวงน้อยๆ ก็สั่นตามไปด้วย
สองมือกำเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้แน่น กลัวว่าพอเขาโมโห จะเปิดหน้าต่างแล้วจับโยนเธอออกไป!
ร่างทั้งร่างซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา “อวี๋เยว่หานตอนนั้นฉันเด็กเกินไป ต้องไม่รู้แน่ๆ เลยว่าผู้หญิงกับผู้ชายแตกต่างกันยังไง!”
อวี๋เยว่หานเหล่มองดูใบหน้าเล็กที่กำลังจ๋อยของหญิงสาวแวบหนึ่ง พูด “อือ” ออกมาคำหนึ่ง แล้วก็เอ่ยขึ้นต่อ
“สายตาของเธอมีแต่พี่ชายสุดหล่อ แล้วก็จะรับเลี้ยงพี่ชายสุดหล่ออย่างไร”
เหนียนเสี่ยวมู่ “……”!!
จบกันจบกัน ภาพลักษณ์นางฟ้าของเธอ กู้คืนมาไม่ได้แล้ว
ไปยั่วอะไรพี่ชายสุดหล่อล่ะ ตอนนี้แค่ตาก้อนน้ำแข็งตรงหน้าเธอยังจัดการไม่ได้เลย
เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองดูฟ่านอวี่แวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเอ่ยพูดต่อ ก็รีบหยัดตัวขึ้นนั่งตรง เอื้อมมือไปอุดปากเขาเอาไว้
“คือว่า คุณชายฟ่าน มีเรื่องอะไรไว้ค่อยพูดวันหลังนะ วันหลังค่อยพูด……”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็พบว่าฟ่านอวี่ยิ้มออกมา ไม่ได้รีบร้อนปัดมือของเธอออก แต่กลับยิ้มอย่างอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น
สายตามองเลยผ่านเธอ ไปจับอยู่ที่อวี๋เยว่หานที่อยู่ด้านหลังแทน