ตอนที่ 743: บดขยี้
พลังจากภายนอกสามารถยับยั้งผู้คนได้เช่นกัน แต่การพึ่งพลังของตนนั้น จะทำให้ฐานะของตนเพิ่มขึ้นมากยิ่งกว่า เพราะหากตอนใดไร้ซึ่งพลังจากภายนอกสนับสนุน ก็จะไม่สามารถที่จะยับยั้งใครได้
แน่นอนว่าการที่เขาสามารถใช้พลังจากภายนอกได้ก็ถือว่าเป็นความสามารถของตนเช่นกัน แต่อี้เทียนหยุนเลือกที่เพิ่มศักดิ์ศรีของตนด้วยการใช้พลังของตนเอง เพื่อแสดงให้คนทั้งหมดได้เห็น ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนมีผู้เชี่ยวชาญอยู่!
ซึ่งเสียงโห่ร้องที่ด้านหลังเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด ผู้อาวุโสทั้งหลายของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนต่างก็พากันส่ายหัว ดูเหมือนว่าจากวันนี้ไป ชื่อเสียงของอี้เทียนหยุนจะต้องระเบิดออกไปอย่างแน่นอน การขึ้นเป็นผู้อาวุโสรองของเขาก็จะง่ายขึ้นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ที่เขารับตำแหน่งผู้อาวุโส หลายคนยังไม่รู้ ส่วนคนที่รู้ในใจก็ย่อมรู้สึกไม่พอใจ มาตอนนี้เมื่อเขาได้แสดงพลังของตนออกไป ก็ได้ทำให้ชื่อเสียงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างง่ายดาย ทำให้นั่งในตำแหน่งนี้ได้อย่างมั่นคง
จากสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ อย่าว่าแต่ผู้อาวุโสรองเลย แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่สามารถนั่งได้อย่างวางใจ
โลกนี้เคารพกันที่ความแข็งแกร่ง นี่คือความจริงที่ไม่มีทางเปลี่ยนได้ตลอดกาล ตัวเขาเองนั้นไม่ได้สนใจในตำแหน่งผู้อาวุโสรองอะไรนี่หรอก แต่ที่เขาทำอย่างนี้ เหตุผลหลักเพราะต้องการให้ฐานะของปู่และพ่อของเขามั่นคง เมื่อผู้คนรู้ว่าอี้เทียนหยุนคือหลานและลูกของอีกฝ่าย ในใจย่อมรู้สึกกริ่งเกรงขึ้นมาในทันที
หากคิดจะเล่นงานพวกเขา ก็ต้องคิดถึงอี้เทียนหยุนด้วย เพราะไม่รู้ว่าวันใดจะมีกระบี่ตกมาจากฟ้าใส่พวกเขา
“หนี หนีเร็ว!”
หลังจากตกตะลึงอยู่ครึ่งค่อนวัน สือเหอเทียนก็พลันเปล่งสองคำนี้ออกมา แต่ก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าควรหนี แต่ใครจะหนีจากความเร็วของอี้เทียนหยุนได้กัน?
อึดใจต่อมา คนอื่นๆ ต่างก็พากันวิ่งหนีกระจัดกระจายกันไป แต่ความเร็วของพวกเขาก็ไม่ได้เร็วไปกว่าความเร็วของอี้เทียนหยุนจริงๆ ทันใดนั้น อี้เทียนหยุนก็ไปโผล่ที่ด้านหน้าของพวกเขา พร้อมกับตวัดกระบี่เทพเอ้อหลิงในมือออกไป เมื่อพวกเขามองไปที่อี้เทียนหยุน ก็เห็นเพียงสายตาที่เย็นชาเป็นสิ่งสุดท้าย
และหลังจากเห็นสายตานั้นของอี้เทียนหยุนเป็นสิ่งสุดท้าย สติของพวกเขาก็ถูกพรากออกไปจนสิ้น ตามปกติแล้ว ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ต่อให้ถูกตัดเอวขาดเป็นสองส่วนก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้สักระยะหนึ่ง แต่ภายใต้กระบี่เทพเอ้อหลิงนี้ ทำให้วิญญาณของพวกเขาถูกกลืนกิน พร้อมกันนั้นยังมีเปลวเพลิงสีดำอันน่าสะพรึงลุกพรึบขึ้นมาอีก ตอนแรกก็พรากสติของพวกเขาไป จากนั้นก็ต่อด้วยเปลวเพลิงสีดำที่เผาร่างพวกเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ซึ่งในส่วนนี้ พวกเขาก็ได้ตายจนไม่สามารถตายได้อีก ไม่มีกระทั่งสติที่จะต่อต้าน ต่างก็ถูกเผาเป็นจุล นี่คืออาวุธสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ตราบเท่าที่วิญญาณอ่อนแอ เมื่อถูกโจมตี ก็จะถูกวิญญาณกลืนกินวิญญาณเข้าไป
“ฟรึบ!”
หลังจากอี้เทียนหยุนตัดร่างอีกฝ่าย ร่างของเขาก็หายไปอีกครั้ง ก่อนที่จะปรากฏขึ้นขวางหน้าราชครูอีกคนที่กำลังหนีตายอยู่
“ไม่ อย่าฆ่าข้า ขะ ข้าเต็มใจขอยอมแพ้ ข้าเต็มใจที่จะกลายเป็นเมืองขึ้นของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน…..”
“ฉวะ!”
ที่ตอบเขากลับมาคือลำแสงกระบี่ที่วาบผ่าน ตัดร่างเขาออกเป็นสองโดยที่ไม่มีอะไรที่จะสามารถหยุดได้ ต่อให้จะยอมจำนนต่ออี้เทียนหยุนก็ไม่มีความหมาย หากรับคนพวกนี้มาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา มีสิทธิ์ที่จะถูกทรยศสูงมาก เหมือนกับเป็นการทิ้งหายนะไว้มากกว่า
“คนที่สอง!”
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าสือเหอเทียน หลังจากสังหารผู้เชี่ยวชาญที่หลบหนีไปสองคนแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาของสือเหอเทียน พูดได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาสุดยอดจนสามารถบดขยี้ได้ทุกคน การที่ปล่อยให้มีคนหนีไปได้ 1-2 คน คนอื่นก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะถึงยังไงแล้ว อีกฝ่ายก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียน
ตอนนี้ไม่เพียงแต่สังหารสองคนที่หลบหนี แต่ยังไล่ตามสือเหอเทียนที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย พลังนี้คือพลังที่บดขยี้เจ้าดินแดนได้ทุกคน
“เจ้าคิดจะหนีไปไหน?” อี้เทียนหยุนที่อยู่ๆ ก็มาโผล่ขึ้นตรงหน้าของเขา ทำให้สือเหอเทียนตรงใจจนสะดุ้งโหยง แทบจะล้มลงกับพื้น
“จะ เจ้า ขะ ข้า…..” สือเหอเทียนตกใจจนพูดตะกุกตะกัก พูดไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ ในสายตาของเขาตอนนี้ เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เขาไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของอี้เทียนหยุนจะแข็งแกร่งมากเช่นกัน ก่อนหน้านี้เห็นอี้เทียนหยุนสามารถจัดการกับเจ้าดินแดนเทียนฉานได้อย่างง่ายดาย ก็คิดว่าเขาพึ่งพาพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน
ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะหลอกอี้เทียนหยุนให้เข้ามาติดกับดักด้วยคำพูดของพวกเขา แต่ใครจะคิดว่าตัวอี้เทียนหยุนจริงๆ แล้วจะร้ายกาจอย่างแท้จริง มีพลังที่สามารถบดขยี้ทุกคนได้!
“นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเจ้าเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“เจ้า ทำไมพลังของเจ้าถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้? เจ้าเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนที่กลับมาเกิดใหม่อย่างงั้นเหรอ!”
คำพูดสุดท้ายของสือเหอเทียนแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เชื่อว่าอี้เทียนหยุนที่เด็กขนาดนี้จะมีพลังที่ร้ายกาจขนาดนี้ได้ พวกเขาเคยเห็นอัจฉริยะมานับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยเห็นใครที่อายุเท่านี้แล้วมีระดับราชาเซียนมาก่อน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นระดับราชาเซียนที่แข็งแกร่งมากด้วย
พวกเขาที่เห็นอัจฉริยะมานับไม่ถ้วน ด้วยอายุเท่านี้ ไม่มีทางที่จะเหนือกว่าระดับราชาวิญญาณไปได้ แต่อี้เทียนหยุนในตอนนี้กลับไม่เป็นไปตามสามัญสำนึก เหนือไปกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้
“ราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนกลับชาติมาเกิด?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนยังไม่ตายสักหน่อย เจ้าเอาที่ไหนมาพูด?”
“ราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนยังไม่ตายอย่างงั้นเหรอ!?” ในใจสือเหอเทียนสั่นสะท้านอย่างแรง “นะ นี่จะเป็นไปได้ยังไง?”
ผู้ยิ่งใหญ่ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามไม่ได้ปรากฏตัวนานแล้ว ก็คิดว่าพวกเขาตายไปแล้วเสียอีก เพราะหากมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าย่อมปรากฏตัว จะซ่อนตัวไปทำไม
อี้เทียนหยุนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาตายไปแล้วหรือยัง แต่เขาคิดว่าพวกเขาไม่น่าจะตายง่ายๆ ด้วยระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ที่ร้ายกาจขนาดนั้น แล้วพวกเขาจะตายง่ายๆ ได้ยังไง?
“จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า” อี้เทียนหยุนยกกระบี่เทพเอ้อหลิงในมือขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มเย็นๆ ให้กับเขา “แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องขอบใจเจ้า”
“ระ เรื่องอะไร?” สือเหอเทียนจับกระบี่ในมือแน่น ขณะที่ส่วนลึกในตา แวบประกายเย็นชาขึ้น เหมือนกับมีความคิดอะไรอยู่
“ก็เรื่องที่เจ้าเอาค่าประสบการณ์จำนวนมากมาส่งให้ข้ายังไงล่ะ” อี้เทียนหยุนยิ้ม ราวกับไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อมนุษย์และสรรพสัตว์
และอึดใจต่อมา สือเหอเทียนก็พลันปลุกเร้าพลังวิญญาณขึ้น พร้อมกับกระบี่เทพในมือที่กลายเป็นลำแสงสีเงินวาบ ขณะที่ผลาญแกนโลหิตในร่าง เรียกใช้รูปแบบที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมา
ในพริบตานี้ พื้นดินรอบๆ ตัวเขาต่างก็ถูกพลังที่น่าสะพรึงบดจนกลายเป็นผุยผง พร้อมกันนั้นก็ปกคลุมบริเวณที่อี้เทียนหยุนอยู่ ปิดทางหนีไว้ทุกทาง
จากนั้น ลำแสงสีเงินนับไม่ถ้วนก็ถูกปล่อยออกมาจากกระบี่ในมือเขา กระทั่งมีบางสายที่ระเบิดออกมาจากร่างของเขา ก่อนที่จะรวมกันเป็นกระบี่ยักษ์ที่ปกคลุมท้องฟ้า เตรียมที่จะตกลงมา
“ตายซะ!”
สือเหอเทียนคำรามก้อง ขณะที่เขารอให้อี้เทียนหยุนประมาท เขาก็พลันโต้ตอบด้วยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ตราบเท่าที่สังหารอี้เทียนหยุนได้ เขาก็ยังมีโอกาสอยู่
ความเร็วของกระบี่เทพนี้เร็วมาก แต่ความเร็วของลำแสงสีเงินนั้นเร็วกว่า มันเร็วกว่ากระทั่งกระบี่เทพเอ้อหลิงของอี้เทียนหยุน กระบี่ยักษ์ได้ตกลงมาโดยที่มีอี้เทียนหยุนเป็นจุดศูนย์กลาง บริเวณรอบๆ ที่อยู่ภายใต้รังสีสีเงินต่างก็ถูกทำให้สลายกลายเป็นผง ฟุ้งกระจายไปทุกที่
“เปรี้ยง!”
ลำแสงสีดำสว่างวาบ ปกคลุมเส้นขอบฟ้าจนทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำ เปลี่ยนกลางวันให้กลายเป็นกลางคืนในพริบตา ศิษย์ทั้งหลายในแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนต่างก็มองดูด้วยความตกใจ แต่ก็เห็นเพียงพลังที่น่าสะพรึงนั้นถูกซัดกระเด็นมาที่นี่ จนชนเข้ากับโล่ป้องกันเมืองพร้อมกับส่งเสียงดังสนั่นออกมา
และหลังจากที่ลำแสงสีดำค่อยๆ สลายไป ราตรีที่มืดมิดก็ค่อยๆ กลับคือสู่กลางวันอย่างช้าๆ อี้เทียนหยุนยังยืนอยู่ที่นี่ แต่สือเหอเทียนกลับถูกทำให้สลายไป ไม่เหลือแม้แต่ฝุ่น