บทที่ 584 ครอบครองตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน
ในตอนนี้บรรยากาศทุกอย่างเงียบสงัด เนื่องจากทุกคนอึ้งจนอ้าปากค้างไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรต่อ
ทุกคนเหม่อมองไปที่หลิงตู้ฉิง พวกเขาไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าแท้จริงแล้ว หลิงตู้ฉิงคือเจ้าของตำหนักแห่งนี้!
ในเวลาเดียวกัน เสี่ยหนานเทียนก็พยักหน้ากับตัวเอง เนื่องจากเขาได้คำตอบแล้วว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงรู้ความลับของสถานที่แห่งนี้ทั้งหมดได้ และในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกดีใจที่เขาได้ทำสัญญากับหลิงตู้ฉิง
การได้มีสัมพันธ์กับตัวตนอันยิ่งใหญ่เมื่อล้านปีที่แล้วนั้นมันมีค่ามากกว่าสมบัติใด ๆ ที่เขาอาจจะหาเจอที่นี่ได้ทั้งหมด ในคราวนี้มันเหมือนกับว่าเขาถูกรางวัลใหญ่ที่เหนือกว่าคนอื่น ๆ หลายร้อยเท่าเลยทีเดียว!
ทางด้านของมู่หลงหยานก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน
แม้ว่านางจะรู้อยู่แล้วว่าลูกเขยของนางจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่นางก็ไม่เคยนึกเลยว่าเขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เมื่อล้านปีก่อน แถมยังเป็นเจ้าตำหนักหลีเทียนแห่งนี้อีกต่างหาก
เมื่อยิ่งนางครุ่นคิดนางก็ยิ่งรู้สึกกังวล เนื่องจากคนของสำนักนางได้ล่วงเกินหลิงตู้ฉิงเอาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าหากหลิงตู้ฉิงจะเอาเรื่องขึ้นมา สำนักนางคงไม่อาจต่อต้านได้แน่นอน
ในตอนนี้นางจึงพยายามคิดหาหนทางประนีประนอมกับหลิงตู้ฉิงอยู่ในใจ
ทางด้านของเย่ชิงเฉิงก็รู้สึกอึ้งไปเหมือนกัน
นางเองก็ไม่คิดว่าสามีของนางจะกลายเป็นเจ้าตำหนักหลีเทียนไปซะได้ ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกมีบุญเป็นอย่างมากที่ได้กลายมาเป็นภรรยากับตัวตนที่ยิ่งใหญ่แบบนี้
เสี่ยวเยว่เฟิงและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตกตะลึงเช่นกัน
เจ้านายของพวกเขาแท้จริงแล้วก็คือคนดังเมื่อล้านปีที่แล้ว แถมยังเป็นเจ้าตำหนักแห่งนี้อีกงั้นเหรอ?
แต่ถ้าหากว่าเจ้านายของพวกเขาเป็นตัวตนที่อยู่ในยุคล้านปีที่แล้ว ทำไมเจ้านายของพวกเขาถึงรู้จักกับเทพกระบี่ได้? แล้วทำไมถึงได้รู้จักกับภูเขาฟีนิกซ์? และทำไมถึงได้รู้จักคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์? ทำไมถึงเป็นแบบนี้กัน?
หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือ เจ้านายของพวกเขามีตัวตนมากแค่ไหนกันแน่?
ในบรรดาทุกคนที่อยู่ที่นี่ เสี่ยวเยว่เฟิงเป็นผู้ที่ติดตามหลิงตู้ฉิงมานานที่สุด ดังนั้นถึงแม้ว่านางจะรู้สึกตกตะลึงกับการที่หลิงตู้ฉิงถูกพูดว่าเป็นเจ้าตำหนักหลีเทียน แต่นางก็ยังรู้สึกกังขาอยู่ดี
ถึงแม้ว่านางจะรู้สึกกังขา เสี่ยวเยว่เฟิงก็ยังคงไม่พูดอะไรออกไป นอกจากจะเอาแต่จ้องไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตางุนงง
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็พูดขึ้นว่า “สถานการณ์ทั้งหมดตอนนี้ยังไงบ้าง?”
“นายท่าน สถานการณ์ตอนนี้กำลังไปได้สวย ในตอนนี้พวกเราเกณฑ์ทาสรับใช้มาได้แล้วมากกว่า 1 แสนคน ซึ่งข้าได้ส่งพวกเขาไปทำงานเรียบร้อยแล้ว แต่มันยังมีทาสรับใช้ที่เหลืออยู่อีกราว 18,000 คนที่ยังรอคำสั่งของนายท่านอยู่ว่าจะให้พวกเขาทำอะไรต่อไป” ร่างมายาเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุก ๆ คนก็รู้สึกอึ้งมากเข้าไปอีก พวกเขาไม่เคยคิดว่าตำหนักหลีเทียนจะมีกำลังคนมากมายขนาดนี้!
ด้วยกำลังคนมากขนาดนี้ มันเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจของโลกได้เลยทีเดียว!
“พาข้าเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของตำหนักก่อนก็แล้วกัน” หลิงตู้ฉิงออกคำสั่งด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
เงามายาหัวเราะและเอ่ยขึ้นว่า “ด้วยความยินดีนายท่าน! นี่มันก็นานมากแล้วที่เพลิงของเตาหลอมมอดดับลง ในเมื่อนายท่านได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ข้าหวังว่านายท่านจะใช้เพลิงหนานหมิงจุดไฟที่มอดดับให้ลุกโชติช่วงอีกครั้งหนึ่ง!”
เมื่อได้ยินคำว่าเพลิงหนานหมิง เย่ชิงเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจเต้น
นี่สามีของนางเป็นเจ้าตำหนักหลีเทียนจริง ๆ แน่แล้วสินะ?
นางจำได้ว่าหลิงตู้ฉิงเคยถ่ายทอดวิชาเพลิงหนานหมิงให้กับผู้ที่ทีสายเลือดเดียวกับเทพกระบี่มู่เฉียนหลิง
แต่นางก็ยังคงรู้สึกสงสัยอยู่ดีว่าถ้าหากวิชาเพลิงหนานหมิงมันสำคัญถึงขนาดนี้ ทำไมหลิงตู้ฉิงถึงยอมถ่ายทอดให้กับคนอื่นได้ง่าย ๆ
ถึงแม้ว่านางจะยังคงสงสัยแต่นางก็ยังไม่ได้เอ่ยถามอะไร ในตอนนี้นางเดินตามหลิงตู้ฉิงเพื่อไปจุดไฟที่เตาหลอมอย่างเงียบ ๆ โดยครุ่นคิดอยู่ในใจ
ภายใต้การนำของเงามายา ทุกคนก็ได้เดินมาถึงหน้าเตาหลอม 3 ขาสูง 1 เมตรเตาหนึ่ง ซึ่งทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากมันจนพวกเขารู้สึกได้ว่าไม่สามารถเข้าไปใกล้มันได้
“นายท่าน ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของท่านค่อนข้างต่ำไปสักหน่อย ท่านจะจุดไฟของมันได้งั้นเหรอ?” เงามายาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล
หลิงตู้ฉิงตอบกลับว่า “ไม่ต้องห่วง ข้ามีวิธีการของข้าเอง”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็หยิบกงล้อเบญจธาตุขึ้นมาซึ่ง เสี่ยหนานเทียนเมื่อเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อหยิบกงล้อเบญจธาตุขึ้นมาเขาก็เป่าประกายไฟของเพลิงแรกกำเนิดไปยังเตาหลอมทันที ส่งผลให้เตาหลอมที่ในตอนแรกดูเหมือนว่าไม่มีชีวิตชีวาใด ๆ ทันใดนั้นก็มีเพลิงปะทุขึ้นในมันและมีเสียงระเบิดดัง ‘ตูม’ ขึ้นมา
คลื่นของเพลิงสีขาวได้ปะทุขึ้นออกมาจากเตาส่งความร้อนแพร่กระจายออกไปทั่วบริเวณรอบ ๆ มันทำให้เหล่าผู้คนทนไม่ไหวจนต้องถอยตัวออกมา
หลังจากที่เตาหลอมถูกจุดขึ้นเรียบร้อย ทั้งตำหนักหลีเทียนก็เริ่มดูกลายเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นทันที บรรดาค่ายกลป้องกันต่าง ๆ ก็เริ่มกลับมาทำงานรวมไปถึงอำนาจกฎต่าง ๆ ที่ค้ำจุนตำหนักเอาไว้ก็เริ่มกลับมาทำงานตามปกติดังเดิม
เงามายาเผยรอยยิ้มทันทีและพูดว่า “นายท่าน ข้าขอแสดงความยินดีด้วยที่สามารถทำให้เพลิงในเตาหลอมกลับมาจุดติด ซึ่งทำให้ท่านสามารถควบคุมตำหนักได้อย่างเต็มรูปแบบ”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ในฐานะที่เจ้าเป็นวิญญาณที่สถิตอยู่ในเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ ที่ผ่านมาเจ้าคงลำบากมากในการปกป้องตำหนักของข้ามากว่าล้านปี ข้าขอมอบประกายเพลิงศักดิ์สิทธิ์ 2 ประกายแห่งดวงอาทิตย์ทั้งหกให้กับเจ้าเพื่อเป็นรางวัลตอบแทนในความพยายามของเจ้า จงนำมันไปหลอมรวมซะแล้วเจ้าจะยิ่งมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากยิ่งขึ้น หากข้ามีปัญหาอะไรข้าจะเรียกใช้เจ้าอีกที”
เงามายาหัวเราะ “ขอบคุณนายท่าน!”
หลังจากพูดจบ เงามายาก็หายเข้าไปในเตาหลอมทันที
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็หันไปหาคนของเขาและพูดว่า “เอาล่ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว นับจากนี้ตำหนักหลีเทียนคือตำหนักของข้าแล้ว!”
“พี่หลิง นี่ท่านเป็นเจ้าตำหนักหลีเทียนจริง ๆ งั้นเหรอ?” เสี่ยหนานเทียนเอ่ยถามขึ้น “ถ้าหากเป็นเช่นนั้นข้าก็ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วยจริง ๆ ที่ในตอนนี้ท่านได้กลับมาควบคุมตำหนักของท่านได้ตามเดิม อ๋อจริงสิ ข้ามีเรื่องที่จะขอร้องกับท่านอยู่สิ่งหนึ่ง ไม่ทราบว่าท่านจะว่าอะไรไหมหากข้าจะขอดูสิ่งที่ท่านหยิบขึ้นมาเมื่อครู่นี้อีกรอบหนึ่ง?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “สายตาเจ้าใช้ได้จริง ๆ ที่สามารถมองสมบัติของข้าออก แต่ว่าข้าคงจะไม่ให้เจ้าได้เห็นมันอีกรอบได้ง่าย ๆ หรอก”
“พี่หลิง ข้าขอร้องท่าน ขอข้าดูมันอีกเพียงครั้งเดียวเถอะ!” เสี่ยหนานเทียนอ้อนวอนขอร้อง
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้าบอกเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ว่าเจ้าไม่ควรจะพูดอะไรให้มันมากนัก ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะไม่มีชีวิตรอดออกไป?”
เมื่อได้ยินการเตือนเช่นนี้ เสี่ยหนานเทียนก็ตกตะลึงและรีบหุบปากทันที
เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “สามี นี่ท่านเป็นเจ้าตำหนักหลีเทียนจริง ๆ งั้นเหรอ?”
ทุกคนต่างอยากรู้คำตอบของคำถามนี้เป็นอย่างมากเช่นกัน แต่มันก็ไม่มีใครในพวกเขาที่กล้าถามขึ้นเลยสักคน
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบว่า “ข้าจะเป็นเจ้าตำหนักหลีเทียนได้ยังไง? แต่ว่าเมื่อไหร่ที่พวกเจ้าได้รู้ว่าเจ้าตำหนักหลีเทียนตัวจริงเป็นใคร พวกเจ้าก็อย่าตกใจเกินไปก็แล้วกัน!”
ในเวลาเดียวกันในห้องคัมภีร์ เย่เจียงไห่ก็ได้พยายามฝึกฝนวิชาหนานหมิงอย่างตั้งใจ
โดยปกติแล้ววิชาเพลิงหนานหมิงนั้นเป็นวิชาที่ฝึกฝนยากเป็นอย่างมาก แต่เย่เจียงไห่กลับเข้าใจมันได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น
เมื่อเขาสามารถเข้าใจเพลิงหนานหมิงจนบ่มเพาะมันได้ ความทรงจำต่าง ๆ ของเขาที่เคยถูกผนึกเอาไว้ก็ถูกทะลายลงทันที
เมื่อความทรงจำที่ถูกผนึกถูกทะลายลง สีหน้าของเขาก็กลายเป็นแจ่มชัดยิ่งขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือทำอะไรต่อ เขาก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับตำหนักหลีเทียน
สีหน้าของเย่เจียงไห่เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดและพึมพำกับตนเอง “มันเป็นไปได้ยังไงกัน? เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของข้าเห็นว่าเขาเป็นเจ้านายของมันได้ยังไง? แล้วนอกจากข้ามันจะมีคนอื่นที่สามารถจุดไฟติดได้ยังไงกัน? น้องเขย เจ้านี่มันช่างอำมหิตจริง ๆ ข้าแค่ค้างพริกหยกเพลิงเจ็ดสีกับเจ้า แต่เจ้ากลับชิงตำหนักของข้าไปเลยงั้นเหรอ!?”