บทที่ 588 สั่งสอนอย่างรุนแรง
เหตุผลที่หลิงตู้ฉิงต้องการน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาก็เพราะเขาต้องการนำมันกลับไปให้กับคนในครอบครัวของเขา
เขาไม่เคยมีความคิดที่จะใช้มันกับตัวเขาเอง
โดยเฉพาะโจวจื่อซิน ยิ่งต้องการมันมากที่สุด
หากโจวจื่อซินต้องการบ่มเพาะให้เร็วยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ นางจำเป็นต้องทำบาปไม่รู้จบในอนาคต
โดยปกติแล้วบาปทั้งหลายมันอาจจะไม่มีผลกระทบอะไรสักเท่าไหร่ แต่สำหรับโจวจื่อซินในเวลาที่นางต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ และนางอาจจะได้เผชิญกับเพลิงแห่งบาป
ดังนั้นไม่ว่าจะยังไง หลิงตู้ฉิงต้องนำน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตากลับไปให้ได้
ซึ่งในเมื่อเขาไม่สามารถเอาชนะดอกบัวเพลิงพิพากษาด้วยกำลังได้ เขาจึงใช้วิธีเจรจาแทน ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมามันก็ทำให้เขานึกไม่ถึงเหมือนกันว่าดอกบัวเพลิงพิพากษาจะมอบมันให้กับเขาทั้งหมด
ด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาจำนวนมากขนาดนี้ มันควรจะพอให้โจวจื่อซินบ่มเพาะได้จนถึงปลายทางใช่ไหม?
แต่แล้วในระหว่างที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ จู่ ๆ พวกของหยูชี่หลงก็ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งมันทำให้หลิงตู้ฉิงถึงกับรู้สึกเดือดดาลในสิ่งที่เขาเห็น
เรื่องกุญแจตำหนักยังไม่ทันได้สะสาง ในตอนนี้กลับคิดจะมาแย่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาจากเขาอีกงั้นเหรอ?
“หยุดเดี๋ยวนี้!” หลิงตู้ฉิงตะโกนขึ้น
หยูชี่หลงเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิง จากนั้นก็มองไปยังมู่หลงหยาน และจากนั้นเขาก็ทำเป็นไม่สนใจและเลือกที่จะตักตักน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาต่อไป
“ข้าบอกให้เจ้าหยุดเจ้าหูหนวกรึไง?” หลิงตู้ฉิงตะคอกขึ้นอีกรอบ
หยูชี่หลงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไอ้หนู อย่าคิดว่าเจ้าเป็นลูกเขยของเจ้าสำนักข้าแล้ว ข้าจะต้องเกรงใจเจ้า! ข้าคือบรรพบุรุษแห่งสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ อย่าว่าแต่เจ้าที่เป็นเพียงแค่ลูกเขยของเจ้าสำนักเลย ต่อให้เจ้าสำนักเองเมื่อคุยกับข้า เขายังต้องให้ความเคารพข้าด้วยซ้ำ หลงหยาน เจ้าควรจะสั่งสอนลูกเขยของเจ้าให้รู้จักเคารพผู้อาวุโสซะบ้าง ไม่เช่นนั้นหากมีคราวหน้าอีกข้าจะสั่งสอนเขาแทนเจ้า!”
อันที่จริง หยูชี่หลงก็ไม่รู้ว่าน้ำในบ่อมันคือน้ำอะไร แต่เมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงต้องการมัน เขาจึงเข้าใจว่ามันต้องเป็นของดีแน่นอน ดังนั้นเขาจึงต้องการเก็บมันไว้แล้วค่อยตรวจสอบอีกทีว่ามันคืออะไรในภายหลัง
ส่วนหลิงตู้ฉิงนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยด้วยซ้ำ ในสายตาของเขา หลิงตู้ฉิงก็เป็นแค่เด็กที่โชคดีที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าก็เท่านั้น
เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญชอบเขตมหาจักรพรรดิ ซึ่งในยุคนี้ตัวตนอย่างเขานับได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุด
“บรรพบุรุษ ได้โปรดหยุดเถอะ!” มู่หลงหยานพูดขี้นด้วยสีหน้ากังวล
มู่หลงหยานในตอนนี้รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้เรื่องกุญแจยังไม่ทันได้ปรับความเข้าใจเลยแต่ตอนนี้กลับมีเรื่องใหม่เข้ามาอีก นางกลัวว่าหลิงตู้ฉิงจะทนไม่ไหวและลงมือทำอะไรอีก ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องส่งผลเสียต่อสำนักของนางแน่นอน
หยูชี่หลงรู้สึกอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นเขาเป็นสีหน้าเป็นเย็นชาและพูดว่า “มิน่าล่ะทำไมไอ้เด็กนี่มันถึงไม่มีความเคารพให้กับผู้อาวุโสอย่างข้าบ้าง ที่แท้ก็เป็นเพราะผู้ปกครองมันสั่งสอนไม่ดีนี่เองแต่ไม่เป็นไร ในเมื่อเจ้าสั่งสอนได้ไม่ดีข้าจะสั่งสอนลูกเขยของเจ้าให้เอง!”
เมื่อพูดจบ หยูชี่หลงก็เตรียมที่จะสั่งสอนหลิงตู้ฉิงทันที
แต่ก่อนที่หยูชี่หลงจะทันได้ลงมือ หลิงตู้ฉิงก็พ่นลมออกจมูกด้วยสีหน้าเย็นชา ซึ่งเหตุการณ์ที่ตามมาก็คือ จู่ ๆ เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของหยูชี่หลง และกระแทกลงบนร่างของเขาจนล้มคว่ำหน้าลงไปกับพื้นและทับเขาไว้จนไม่สามารถขยับไปไหนได้
หลิงตู้ฉิงเดินเข้ามามองไปที่หยูชี่หลงที่กำลังดิ้นรนสุดฤทธิ์ และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าจะสั่งสอนข้างั้นเหรอ? เรื่องกุญแจข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับกล้าที่จะมาล้อเล่นกับข้าต่ออีกงั้นเหรอ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?”
“รีบปล่อยบรรพบุรุษของเราเดี๋ยวนี้นะ!” บรรดาผู้คนของตระกูลหยูรีบตะโกนร้องขึ้นทันที
“หุบปาก!” หลิงตู้ฉิงตะคอกขึ้น “เอาพวกมันไปขังไว้ในคุก รอข้าจัดการกับพวกมันทีหลัง”
“รับทราบนายท่าน!” เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตอบรับทันที จากนั้นมันก็ใช้อำนาจของค่ายกลในตำหนักตรึงร่างของบรรดาคนตระกูลหยูเอาไว้และพาเคลื่อนย้ายไปยังส่วนคุกจนหมด เหลือไว้แต่หยูชี่หลงเท่านั้นที่ยังคงโดนทับอยู่กับที่ไม่สามารถขยับตัวได้
ในตอนนี้หยูชี่หลงได้เข้าใจสถานการณ์แล้ว และจึงถามขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตะลึงว่า “นี่เจ้าเป็นเจ้าของตำหนักแห่งนี้งั้นเหรอ?”
“หุบปาก!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “เมื่อกี้เจ้าอยากจะสั่งสอนข้านักใช่ไหม ถ้างั้นในตอนนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนก็แล้วกัน! กุญแจข้าอยู่ที่ไหน? เอามันคืนมาให้ข้าซะ!”
“กุญแจอยู่ในแหวนมิติของข้า ปล่อยข้าก่อนแล้วข้าจะคืนมันให้กับเจ้า!” หยูชี่หลงตอบกลับด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเขาถูกทับไว้ด้วยเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์จนแทบจะหายใจไม่ออก
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าให้กับเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ปลดปล่อยหยูชี่หลงเป็นอิสระ ซึ่งเมื่อหยูชี่หลงลุกขึ้นมาได้เขาก็รีบหยิบแผ่นหยกออกมาไว้ในมือทันที
“ไอ้เด็กเวร ตายซะเถอะ!” หยูชี่หลงตะโกนลั่น
เขาเป็นถึงบรรพบุรุษที่มีอำนาจล้นเหลือ เขาจะยอมถูกดูหมิ่นขนาดนี้ได้ยังไง?
ต่อให้หลิงตู้ฉิงจะเป็นเจ้าของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียนแล้วจะทำไม?
เขาคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิที่ในตอนนี้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ ตราบใดที่เขาลงมือสังหารหลิงตู้ฉิงได้สำเร็จ ตำหนักแห่งนี้จะตกเป็นของเขาทันที!
หลิงตู้ฉิงเผยสีหน้าโหดเหี้ยมและพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้ทันเจ้าเหรอไง? ข้าแค่รอโอกาสให้เจ้าหยิบเอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าออกมาก็เท่านั้น ซึ่งเจ้าเองมันก็โง่จริง ๆ ที่ตกหลุมพลางข้า จงตรึงร่างมันเอาไว้อีกรอบรอให้ข้าจัดการกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของมันให้เสร็จ!”
เมื่อเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้รับคำสั่ง มันก็ยืมอำนาจพลังของทั้งตำหนักทุ่มลงใส่ร่างของหยูชี่หลงอีกรอบจนเขาลงไปนอนกองกับพื้นเหมือนเดิม ซึ่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกสยบลงไปด้วยเช่นกัน
อำนาจพลังที่เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ยืมมาใช้ในตอนนี้มันมากกว่าตอนที่สู้กับอสูรช้างที่อยู่ข้างนอกตำหนักซะด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ลบการเชื่อมต่อระหว่างอาวุธศักดิ์สิทธิ์กับหยูชี่หลงออกจากกัน และส่งมันให้กับหลิงตู้ฉิง รวมไปถึงแหวนมิติที่อยู่บนนิ้วของหยูชี่หลงก็ถูกถอดและถูกลบผนึกออกไปจนหมดทุกวง
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ดึงสมบัติแห่งชะตาชีวิตระดับมหาจักรพรรดิของหยูชี่หลงออกมาจากทะเลจิตสำนึกของเขา และทำการลบการเชื่อมต่อระหว่างหยูชี่หลงกับสมบัติออกไป ส่งผลให้หยูชี่หลงตัวสั่นด้วยความเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ทั้งร่างกายและวิญญาณของตนเอง
น่าเสียดายที่หยูชี่หลงไม่สามารถกรีดร้องออกมาได้ เนื่องจากเขาถูกสยบไว้ด้วยพลังอำนาจของตำหนัก
มู่หลงหยานและคนอื่น ๆ เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ก็ได้แต่ยืนเงียบไม่กล้าเอ่ยอะไร
มันเป็นเพราะหยูชี่หลงเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวก่อนเองซึ่ง นางก็ได้พยายามห้ามปรามแล้วแต่กลับไม่ฟัง ดังนั้นนางจะไปพูดอะไรต่อได้
เมื่อหลิงตู้ฉิงชิงสมบัติของหยูชี่หลงไปจนหมดทั้งร่างเรียบร้อย เขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “อย่าคิดว่าเรื่องมันจะจบแค่นี้ ไว้ข้าเสร็จสิ้นการค้นหาสมบัติในที่แห่งนี้ก่อน จากนั้นข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าอีกรอบ ส่งมันไปเข้าคุก หลังจากข้าสำรวจเสร็จข้าจะคิดบัญชีกับมันอีกรอบ!”
เมื่อได้รับคำสั่ง เตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็เคลื่อนย้ายหยูชี่หลงไปขังไว้ในคุกทันที
หลังจากเห็นว่าเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์และหยูชี่หลงออกไปพ้นจากสายแล้ว หลิงตู้ฉิงก็เดินกลับมาตักน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาต่อจนหมด และในท้ายที่สุดหลิงตู้ฉิงก็ได้นำเอาแท่นหินที่ตั้งอยู่กลางบ่อน้ำเก็บไปด้วยเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน มู่หลงหยานก็เอ่ยขึ้นว่า “ตู้ฉิง เกี่ยวกับหยูชี่หลง…”
หลิงตู้ฉิงจ้องเขม็งไปที่มู่หลงหยาน และพูดว่า “หากสำนักของเจ้ายังมีสวะเช่นนี้อยู่ ข้ารับประกันได้ว่าอีกไม่เกิน 20,000 ปีสำนักของเจ้าจะต้องถูกทำลายจนเหลือแต่ซากแน่นอน”
“อย่าได้คิดว่าสำนักของเจ้าแข็งแกร่งมากมายอะไร ในความเป็นจริงในประวัติศาสตร์มีสำนักมากมายที่แข็งแกร่งกว่าสำนักเจ้าเป็นร้อยเท่าแต่ก็ถูกทำลายหายไปจากโลกจนแทบจะไม่มีใครจำได้ในปัจจุบัน หรือถ้าจะให้ข้ายกตัวอย่างก็เป็นสำนักโอสถนิรันดร์นั่นไง เจ้าเคยอ่านมาบ้างแล้วใช่ไหมว่าแต่ก่อนสำนักโอสถนิรันดร์นั้นรุ่งเรืองขนาดไหน? แล้วตอนนี้เป็นไงมีใครจำได้บ้าง? ในตอนนี้สำนักของเจ้ายังพอเหลือโอกาสให้เปลี่ยนแปลง แต่การที่สำนักของเจ้าจะเปลี่ยนแปลงได้เท่าไหร่นั้นมันขึ้นอยู่กับว่าพวกเจ้าจะยอมเสียสละได้มากแค่ไหน!”