ตอนที่ 87 ดึงคนมาเข้าร่วม
หลังจากลู่โจวออกจากบ้านคุณนายหยาง เขาก็ครุ่นคิดเป็นเวลานาน
พลังของคนมีจำกัด ไม่ต้องพูดถึงเขาไม่สนใจบริหารธุรกิจ
เขาเป็นนักวิชาการ เขาแค่ต้องทำงานของตนให้ดี่ ส่วนเรื่องบริหารบริษัท เขาให้คนที่เก่งด้านนั้นจัดการไป
เขารู้สึกว่าสนามรบของเขาอยู่ในห้องแล็บ ไม่ใช่การประชุม มันไม่ได้อยู่ในออฟฟิศ CEO แน่นอน
เฉินยู่ซานเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ความสามารถในการบริหารของเธอนั้นบริษัทสูงระดับไว้บริหารบริษัทระยะกลางถึงสุดท้าย บริษัทสตาร์ทอัพ[แคมปัสเทรนด์]เล็กๆของเขาไม่มีที่ว่างให้เธอ ไม่ต้องพูดถึงเธอกำลังเรียนปริญญาโท เธอไม่มีเวลามาช่วยลู่โจว
ลู่โจวกลับหอพักแล้วคิดเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะคิดถึงคนๆนึงในที่สุด จากนั้นเขาก็เดินไปที่ระเบียงแล้วโทรศัพท์
เมื่ออีกฝ่ายรับสาย ก็มีเสียงชายอ้วนดังผ่านโทรศัพท์มา “เฮ้ ลู่โจว มีไร?”
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “พี่อู๋ ช่วงนี้นายปั้มเงินที่ไหน?”
“ปั้มเงินอะไร ฉันแค่ทำโปรเจ็คเล็กๆเพื่อวิ่งเต้นให้คนอื่น ฉันต้องแสดงความยินดีกับนาย อนาคตจะมีเทพอีกคนอยู่ในรายชื่อศิษย์เก่าของมหาลัยจินหลิง เข้าประเด็นเถอะ นายยังอยากทำงานพาร์ทไทม์อยู่เหรอ? ฉันไม่จ้างนาย!” เจ้าอ้วนอู๋คำราม
“ไม่ใช่” ลู่โจวกล่าว เขายิ้มแล้วกล่าว “ฉันแค่อยากถาม นายสนใจทำเงินด้วยกันไหม?”
เจ้าอ้วนอู๋หยุดไปชั่วครู่ เขาคิดอย่างรวดเร็วก่อนจะถาม “…แคมปัสเทรนด์?”
ลู่โจว “ใช่”
“เอางี้ไหม? เรามาเจอกัน เราควรคุยกันต่อหน้า”
ลู่โจวคิดแล้วรู้สึกว่ามันมีเหตุผล
มันไม่มีประโยชน์ที่จะมาเสียค่าโทรศัพท์แบบนี้
“ตกลง พรุ่งนี้ห้าโมง มาเจอกันนอกหน้าร้านเมนูปลาใกล้ประตูมหาลัย”
…..
วันต่อมา ห้าโมงเย็น ลู่โจวมาตรงเวลา เมื่อเขาเห็นเจ้าอ้วนอู๋ที่กำลังสวมเสื้อยืดสีดำนั่งอยู่ที่ม้านั่ง เขาก็โบกมือให้
ลู่โจวมองเสื้อยืดแล้วกล่าว “นายใส่แค่เสื้อยืด? นายไม่หนาวไง?”
มันปลายเดือนตุลาและถึงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แม้แต่ตัวลู่โจวเองก็ใส่แจ็คเก็ตแล้ว
“ฉันอ้วน ฉันทนหนาว ฉันชอบช่วงฤดูหนาวเหมือนกัน” เจ้าอ้วนอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาดึงเก้าอี้แล้วกล่าว “มานั่งสิ ฉันสั่งปลาย่างให้แล้ว นายอยากสั่งอะไรนายก็สั่ง พอปลามา เราจะได้ดื่มคุยกัน”
ลู่โจวกล่าว “ดื่มชากันเถอะ เราไม่ควรดื่มตอนพูดเรื่องธุรกิจ”
เจ้าอ้วนอู๋ยิ้มแล้วกล่าว “ได้ เอาที่นายสบายใจ”
เจ้าอ้วนอู๋ค่อนข้างเป็นคนดี เขาคอยดูแลลู่โจวตอนที่ลู่โจวยังทำงานพาร์ทไทม์ ดังนั้นเมื่อลู่โจวมีโอกาสดีๆแบบนี้ เขาจึงนึกถึงเจ้าอ้วนอู๋ทันที
แน่นอนนั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำไมเขาถึงคิดถึงเจ้าอ้วนอู๋ เหตุผลที่แท้จริงที่ลู่โจวพบเขาก็คือความสามารถของเจ้าอ้วนอู๋ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความฉลาดทางอารมณ์และทักษะการจัดระเบียบองค์กรของเจ้าอ้วนอู๋
ทักษะทั้งสองอย่างนี้คือสิ่งที่ลู่โจวขาด
“จะว่าไป ฉันก็เคยใช้แอพแคมปัสเทรนด์เหมือนกัน มันค่อนข้างมีประโยชน์กับการคาร์พูล” เจ้าอ้วนอู๋กล่าว
เมื่ออาหารมาถึง เขาก็รินชาให้ลู่โจวกับตัวเองก่อนจะยิ้มแล้วกล่าว “สถานีรถไฟในบ้านเกิดของเรา…มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียก DIDI ที่นั่น แท็กซี่ธรรมดาต่างก็ขับผ่านสถานีรถไฟไป เราใช้ได้แต่แท็กซี่เถื่อน แต่ก่อนแท็กซี่เถื่อนจะเริ่มดึงตัวผู้โดยสาร แต่ตอนนี้ฉันได้ตั้งทีมคาร์พูลบนรถไฟช่วยให้ฉันประหยัดเงินไปเยอะ นอกจากนี้ฉันยังสามารถทำความรู้จักกับเพื่อนนักศึกษาที่เรียนที่อื่น ฉันค่อนข้างอิจฉาสมองของนาย ฉันไม่เคยคิดถึงอะไรแบบนี้มาก่อน”
ลู่โจวยิ้มแล้วตอบ “ฉันแค่ฝึกทำไปเรื่อย”
“เขียนโค้ดทำแอพไปเรื่อยแล้วมีผู้ใช้เป็นแสน ฉันเข้าใจแล้ว พอฉันเอาตัวเองไปเทียบกับอัจฉริยะอย่างนาย ฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้เรียนอะไรเลย” เจ้าอ้วนอู๋กล่าว เขาส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ เขาเติมถ้วยชาแล้วยิ้ม “พูดมา นายมาทำไม? เข้าประเด็นเลย”
“นายสนใจทำโปรเจ็คนี้ด้วยกันไหม?”
“นายอยากให้ฉันเข้าร่วมบริษัท?” เจ้าอ้วนอู๋ถาม เขามองลู่โจวด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ลู่โจวพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่”
เจ้าอ้วนอู๋ไม่ได้ยอมรับทันที กลับกันเขาถาม “ทำไมถึงเป็นฉัน?”
“ให้ฉันพูดตรงๆเลย?”
เจ้าอ้วนอู๋ยิ้มแล้วกล่าว “พูดมาเถอะ มีแค่เราสองคน จะอ้อมค้อมไปทำไม?”
“อันที่จริงเป็นเพราะฉันไม่มีพลังพอที่จะทำ นอกจากนี้ฉันไม่มีทักษะการจัดการองค์กร นอกจากนี้นายไม่เพียงแต่จะไม่สอบปริญญาโทเท่านั้น นายยังมีประสบการณ์อีกด้วย” ลู่โจวกล่าว เขายิ้ม “แน่นอน สัญชาตญาณของฉันเป็นเหตุผลหลัก”
“สัญชาตญาณเป็นเหตุผลหลักของนาย?” เจ้าอ้วนอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะถาม “งั้นบอกแผนนายมา นายอยากให้ฉันทำอะไร?”
“พูดง่ายๆก็คือ ฉันอยากขยายโปรเจ็คแคมปัสเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นได้เงินทุนแล้วขายหุ้นสู่สาธารณะหรือขายตัวแอพ มันก็ต้องมีมูลค่ากระดาษที่สวยงามและคงทน ฉันยอมรับว่าธุรกิจไม่เหมาะกับฉัน ฉันชอบวิจัย ดังนั้นฉันต้องหาคนที่มีทักษะการจัดระเบียบองค์กรและประสบการณ์การปกครองที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยฉัน”
เจ้าอ้วนอู๋พยักหน้าแล้วกล่าว “งั้นนายอยากจ้างฉันไปบริหารบริษัท?”
“ใช่แล้ว” ลู่โจวกล่าวแล้วพยักหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวเสริม “ฉันให้ตัวเลือกนายสองตัวเลือก”
“หนึ่งคือหลังจากระดมทุนจากนักลงทุนที่ใจดี ฉันจะแบ่งหุ้นแคมปัสเทรนด์ 5% ของฉันให้นาย พอเราขายบริษัท นายก็จะได้ 5% ของยอดขาย เราเขียนสัญญากันได้”
“ส่วนอีกตัวเลือก ฉันจะจ่ายเงินเดือนให้นาย เดือนละแปดพันบวกโบนัส”
ลู่โจวจ้องมองอีกฝ่ายแล้วถาม “นายจะเลือกอันไหน?”
เจ้าอ้วนอู๋เงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็หลับตาเริ่มคิด
ถ้านายหาเงินทุนจากผู้ลงทุนที่ใจดีไม่ได้ งั้นก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงหุ้น 5% ถ้าบริษัทบนอินเตอร์เน็ตไม่ได้รับการช่วยเหลือด้านเงินทุน สุดท้ายก็ต้องตายลง อย่างไรก็ตามถ้านายหานักลงทุนที่ใจดีมาได้ บริษัทก็จะมีมูลค่าอย่างน้อยล้านหยวนและ 5% ของมันก็เป็นเงิน 50,000 หยวนแล้ว
ส่วนตัวเลือกที่สอง มันปลอดภัยกว่า 8000 หยวนบวกโบนัส สำหรับนักศึกษาจบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้จบมาจากเอกคณิต เงินเดือนเท่านี้ไม่เลวเลย ไม่ใช่ว่านักศึกษาเอกคณิตทุกคนจะเปลี่ยนความรู้ของตนเองเข้าวอลล์สตรีทได้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีค่ามากแค่ไหน
ถ้าฉันเลือกตัวเลือกที่สอง…
นั่นคงไม่ใช่ฉัน
เจ้าอ้วนอู๋คิดประมาณครึ่งนาที จากนั้นเขาก็ลืมตาแล้วพูด “ฉันเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ฉันไม่อยากทำงานจนตาย ฉันจะเลือกข้อแรก”
“ฉันคิดไว้แล้วว่านายจะเลือกข้อนี้” ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาแล้วกล่าว “จากนี้ไป เราเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ”
เจ้าอ้วนอู๋จับมือลู่โจวแล้วยิ้มอย่างเป็นกันเอง “ฉันหวังว่าเราจะร่วมมือกันอย่างมีความสุข!”
“ร่วมมือกันอย่างมีความสุข!”