วันที่สิบเอ็ดธันวาคม มีอีเวนต์สำคัญเกิดขึ้นในแวดวงวิชาการ
มันไม่ใช่แค่วงการวิชาการเท่านั้น แต่มันยังเป็นวงการแพทย์อีกด้วย
สามวันก่อน ศาสตราจารย์ถูโยวโยวจากสถาบันแคโรลินสกาจากสวีเดนได้ตีพิมพ์วิทยานิพนธ์หัวข้อ[ของขวัญจากแพทย์แผนจีนมาสู่โลก] วันนี้ที่สต็อกโฮล์ม เธอได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์
วิลเลียม แคมป์เบลและโอมูระก็ได้รับรางวัลเช่นกัน เงินรางวัลแปดล้านโครนาสวีเดนจะถูกแบ่งให้กับทั้งสาม
ดังนั้นรางวัลโนเบลชิ้นแรกของจีนก็ถือกำเนิดขึ้น!
ลู่โจวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขไปกับชุมชนวิชาการจีน
เนื่องจากผู้ชนะรางวัลโนเบลคนแรกของจีนถือกำเนิดแล้ว มันจะถึงเวลาที่เขาจะชนะเหรียญฟิลด์แล้ว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจก็คือไม่กี่วันหลังได้รับรางวัลโนเบล เว็บไซต์ทางการของกรมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติก็ได้ตีพิมพ์หัวข้อ[สิทธิบัตรอาร์ทีมิซินิน] ซึ่งเป็นเรื่องราวเบื้องหลังรางวัลโนเบลนี้
เวลานั้น ในประเทศจีนยังไม่ได้ก่อตั้งระบบทรัพย์สินทางปัญญา ดังนั้นการตีพิมพ์ผลการวิจัยในวารสารนานาชาติจึงเป็นตัวเลือกเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามต่อมาสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารประเทศจีนได้พัฒนาสารประกอบ’อาร์ทีมีเทอร์’โดยใช้อาร์ทีมิซินิน สิทธิบัตรไม่ได้อยู่ในมือของประเทศจีน แต่ถูกบริษัทโนวาทิสของสวิสใช้เพื่อกำหนดการคุ้มครองสิทธิบัตร
มีหลายเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ แต่สาเหตุหลักเป็นเพราะการละเลยปัญหาสิทธิบัตร
สิทธิบัตรของพวกเขาถูกขโมยเป็นเรื่องปกติ
สิ่งที่น่าอายยิ่งกว่านั้นก็คือแม้ศาสตราจารย์ถูโยวโยวเป็นคนที่ชนะรางวัลโนเบล แต่ไม่มีสักบริษัทที่จ้างเธอ
รางวัลสูงสุดของวีรสตรีท่านนี้คือรางวัลสิ่งประดิษฐ์แห่งชาติปี 1979 ซึ่งเธอได้รับรางวัลเพียงสองร้อยหยวนเท่านั้น
ในทางตรงกันข้าม โอมูระที่ได้รับรางวัลเช่นกันได้สะสมทรัพย์สินส่วนตัวเกือบสามหมื่นล้านหยวน ตอนเขาอายุแปดสิบปี เขาไม่ได้มีส่วนร่วมกับงารวิจัยวิทยาศาสตร์อีก แต่กลับกันเขาใช้เวลาสะสมงานศิลปะแทน
ความสำคัญของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญานั้นชัดเจน
เนื่องจากลู่โจวกังวลเรื่องสิทธิบัตร เขาจึงอ่านบทความนี้บนเว็บไซต์ทางการของกรมทรัพย์สินทางปัญญา
นี่เป็นเหมือนคำเตือนสำหรับเขา
…
งานประชุมทางวิชาการปลายปีถูกจัดขึ้นก่อนคริสต์มาสหนึ่งอาทิตย์
ตอนเช้าของวันที่สิบแปด เครื่องบินลงจอดที่สนามบินแคลิฟอร์เนีย
ลู่โจวลากกระเป๋าเดินทางออกจากสนามบินและขึ้นแท็กซี่ จากนั้นเขาก็ไปที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
งานประชุมสมาคมคณิตศาสตร์สหรัฐประจำปีจะถูกจัดขึ้นที่เบิร์กลีย์
รางวัลโคลจะถูกประกาศในพิธีด้วย
แม้ลู่โจวจะรู้ว่าตนเองเป็นผู้ชนะ แต่เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้น
ลู่โจวลงจากแท็กซี่ที่เบิร์กลีย์แล้วไปพบกับหลัวเหวินเซวียนที่กำลังรอเขาอยู่
หลัวเหวินเซวียนกอดเขาอย่างอบอุ่น “ทำไมนายไม่โทรหาฉันล่ะ? ฉันจะได้ไปรับนายที่สนามบิน”
ลู่โจวยิ้ม “ไม่เป็นไร ผมขึ้นแท็กซี่ก็ได้”
ก่อนที่ลู่โจวจะมาอเมริกา เขาไม่ได้แจ้งใครเลย เขาโทรหาหลัวเหวินเซวียนก็หลังเครื่องลงแล้ว
ในฐานะสมาชิกสมาคมคณิตศาสตร์สหรัฐ เอ็ดเวิร์ด วิตเตนย่อมไม่พลาดงานประชุม เนื่องจากหลัวเหวินเซวียนเป็นศิษย์ของวิตเตน เขาย่อมมาร่วมสนุกด้วย
หลัวเหวินเซวียนเหลือบมองนาฬิกา เมื่อเห็นว่ามันเริ่มสายแล้ว เขาจึงกล่าว “ไปกันเถอะ ฉันจะพานายไปโรงแรม ผู้จัดงานเตรียมโรงแรมห้าดาวไว้…เอ่อ มันห้าดาว แต่ฉันคิดว่าอย่างมาก มันก็คงราวๆสี่ดาว”
ลู่โจว “เปรียบกับโรงแรมพรินซ์ตันเป็นไงครับ?”
หลัวเหวินเซวียนยิ้ม “โรงแรมพรินซ์ตัน? ตรงข้ามจัตุรัสพาลเมอร์อะเหรอ? มันดีกว่านั้นหน่อยนึง แต่บรรยากาศด้านการศึกษานั้นมีน้อยกว่ามาก”
เบิร์กลีย์ตั้งอยู่บริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสองในแคลิฟอร์เนียรองจากลอสแองเจลิส เมื่อเทียบกับพรินซ์ตัน บรรยากาศที่นี่ดูเร่งรีบกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ระหว่างทาง ทั้งสองก็เริ่มคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ปักกิ่ง
“ลู่โจว ไม่เลวเลย ก่อนสิ้นปีนายก็มาแรงอีกแล้ว”
ลู่โจวกระแอม “มาแรงอะไรกัน”
“โอ้ น้ำเสียงนายเริ่มเหมือนเฒ่าถังเรื่อยๆแล้ว” หลัวเหวินเซวียนกล่าว จากนั้นเขาก็กระแอมแล้วกล่าวต่อ “แล้วในฐานะผู้ชนะรางวัลโคลสาขาทฤษฎีจำนวนปีนี้ คุณลู่โจว คุณรู้สึกยังไง?”
“ไม่ได้คิดอะไรเลย งานยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ”
แม้พิธีมอบรางวัลจะเริ่มในอีกไม่กี่วัน แต่อีเมลบอกว่าให้เก็บเป็นความลับ ดังนั้นลู่โจวจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับไว้ก่อน
แม้หลัวเหวินเซวียนจะดูการกระทำของลู่โจวออกทันที แต่เขาก็กล่าว “เอาล่ะ เลิกแสร้งทำได้แล้ว หนังสือแจ้งเตือนควรส่งไปตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว ดังนั้นนายต้องรู้แล้วแน่นอน”
ลู่โจว “เอ่อ…อันที่จริงผมได้รับแจ้งแล้ว แต่เมลบอกว่าก่อนพิธีมอบรางวัลจะเริ่มอย่างเป็นทางการ ให้เก็บเป็นความลับไว้ก่อน”
“ตกลง ฉันจะไม่บอกใคร” หลัวเหวินเซวียนกล่าวขณะตบบ่าลู่โจว “แค่พอนายได้เงินรางวัลแล้ว นายเลี้ยงเหล้าฉันก็พอ!”
ลู่โจวจำประสบการณ์ที่ไม่น่าพิสมัยจากครั้งก่อนได้ เขาจึงรีบกล่าว “ดื่มก็ได้ แต่คราวนี้เราไปบาร์ธรรมดากันเถอะ”
หลัวเหวินเซวียนโบกมือ “ได้สิ ที่นี่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ทุกบาร์เลยธรรมดามาก แม้แต่ศาสตราจารย์ก็มา เอ้อ สาวน้อยที่นายเจอตอนครั้งก่อน เป็นไงบ้าง? นายยังติดต่อกับเธออยู่ไหม?”
ลู่โจวอึ้ง เขาไม่เข้าใจว่าหลัวเหวินเซวียนพูดเรื่องอะไร “สาวน้อยไหน?”
หลัวเหวินเซวียนกล่าว “คนที่ CERN ไง…แค่ครึ่งปีเอง นายก็ลืมเธอไปแล้วเหรอ?”
ลู่โจวพูดไม่ออก
“คนนั้น? ผมไม่ได้ทำอะไรเธอเลย”
หลัวเหวินเซวียนกล่าว “เดี๋ยวนะ ฉันไม่เข้าใจ…นายกำลังจะบอกว่านายพาเธอเข้าห้อง ห่มผ้าให้แล้วก็ออกไปงั้นเหรอ?”
ลู่โจวกล่าว “ไม่ใช่ห่มผ้า ผมดึงม่านลง…ผมจะทำไรได้อีก? รอเธอตื่นเหรอ?”
หลัวเหวินเซวียนจ้องมองลู่โจวพักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจ
“น้องชาย…”
ลู่โจว “ครับ?”
หลัวเหวินเซวียนถอนหายใจ “ฉันคิดว่าฉันไม่มีอะไรที่สอนนายได้ซะอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนนายต้องเรียนรู้ตั้งแต่ต้น…”
ลู่โจว “…?”
………………………………..