“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย…คุณเป็นศาสตราจารย์แล้ว” โมลิน่ากล่าวขณะจ้องมองลู่โจวพักใหญ่
มันก็ผ่านมานานพอควรแล้วหลังจากการบรรยายครั้งนั้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบเขา เพราะลู่โจวยุ่งเกินไป
โมลิน่าหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะถาม “คุณวางแผนจะย้ายออกไปเมื่อไหร่?”
ลู่โจวกล่าว “อาจจะสักพักหนึ่ง ผมได้ยินว่าเช่าห้องหนึ่งห้องนอนแถวนี้ไม่ค่อยแพงนัก แต่ผมไม่อยากย้าย มันยุ่งยากเกินไป ผมจะรอจนกลับจีน ผมค่อยย้ายข้าวของไปทีเดียว”
ลู่โจวตั้งใจจะกลับจีนเดือนหน้า
แม้เขาจะไม่ได้รับโทรศัพท์ยืนยันจากมหาวิทยาลัยจินหลิง แต่เขาเดาว่าอีกไม่กี่วันทางมหาวิทยาลัยก็คงโทรมา
นอกจากนี้แม้ว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงจะไม่โทรมา เขาก็ยังต้องกลับบ้านไปเยี่ยมน้องสาวที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ท้ายที่สุดแล้วการสอบครั้งนี้ก็เป็นตัวกำหนดอนาคตของเธอ
แม้เขาจะช่วยน้องสาวในวิชาศิลปะไม่ได้ แต่เขาก็ยังไปให้กำลังใจเธอได้
…
สถาบันขั้นสูงของพรินซ์ตันไม่ได้มอบแค่เงินเดือนที่เหมาะสมให้ลู่โจวเท่านั้น แต่พวกเขายังออฟฟิศที่สดใสให้เขาด้วย
ลู่โจวกำลังจัดออฟฟิศ แต่แล้วเขาก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง
เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าเรื่องพวกนี้ต้องให้นักศึกษามาทำหรอกเหรอ?
ตอนนี้ฉันเป็นอาจารย์แล้ว มันคงน่าอายไปหน่อยที่จะทำความสะอาดออฟฟิศเอง!
จู่ๆ ลู่โจวก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นผู้บัญชาการที่ไร้ทหาร
แม้พรินซ์ตันจะจ้างเขาเป็นศาสตราจารย์อย่างเป็นทางการ แต่ตอนนี้เดือนพฤษภา มันเป็นช่วงระหว่างช่วงลงทะเบียนฤดูใบไม้ผลิและช่วงลงทะเบียนฤดูใบไม้ร่วง
ซึ่งมันหมายความว่าเขาต้องรอสองเดือนถึงจะตรวจประวัติโดยย่อของนักศึกษาได้ และตัดสินใจเลือกผู้สมัครมาสัมภาษณ์
บางทีเขาควรไปขอยืมหลัวเหวินเซวียนจากเอ็ดเวิร์ด วิตเตน?
มันไม่ดีเลย
ลู่โจวยิ้มอย่างอายๆ
จากนั้นเขาก็โทรหาเอ็ดเวิร์ด วิตเตนแล้วก็ได้รับการตกลงอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้น หลัวเหวินเซวียนก็มาที่หน้าประตูพร้อมกับอาการเหนื่อยหอบ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้ยินว่าลู่โจวแค่อยากให้เขามาช่วยทำความสะอาดออฟฟิศแทนที่จะทำวิจัย เขาก็ตะลึง
“เดี๋ยวนะ นายขอให้ฉันมาช่วย…ทำความสะอาดออฟฟิศเนี่ยนะ?”
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “ไว้ผมจะเลี้ยงข้าวคืน…ผมทำความสะอาดคนเดียวไม่หมดจริงๆ”
สหาย ได้โปรด ปล่อยให้ผมรู้สึกสุขใจกับการเป็นศาสตราจารย์สักหน่อยเถอะ
“มื้อเดียวไม่พอ นายต้องเลี้ยงฉันสองมื้อ!” หลัวเหวินเซวียนตะโกน จากนั้นเขาก็ไปเอาไม้กวาด
ลู่โจววางหนังสือเรียนบนโต๊ะด้วยรอยยิ้ม “ตกลง สามมื้อก็ไม่มีปัญหา”
ทั้งสองทำงานด้วยกัน ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ลู่โจวไม่อยากยอมรับ แต่ความเร็วทำความสะอาดของหลัวเหวินเซวียนนั้นเร็วกว่ามาก ลู่โจวจำได้ว่าหลัวเหวินเซวียนมีส่วนร่วมกับกิจกรรมชมรมอย่างหนัก ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่หลัวเหวินเซวียนจะไปช่วยชมรมบ่อยๆ
จะว่าไปช่วงนี้เขาไม่ได้ออกแรงเลย ครั้งล่าสุดที่เขาได้ออกกำลังกายเป็นตอนไปเล่นบาสกับพี่เฟยที่มหาวิทยาลัยจินหลิง
จู่ๆหลัวเหวินเซวียนก็เอ่ยขึ้นมา
“วอชิงตันไทม์? มันคือ?”
เมื่อหลัวเหวินเซวียนหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน เขาก็ขมวดคิ้ว
เขาพลิกไปหน้าแรกแล้วอึ้ง
ลู่โจวสังเกตเห็นหลัวเหวินเซวียน เขาอดถามไม่ได้ “มันคือ?”
“ไม่มีอะไร สื่อเกาหลี อย่าสนใจเลย มันแค่พยายามโจมตีนาย” หลัวเหวินเซวียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ เขาโยนมันลงถังขยะ แต่ลู่โจวก็หยิบขึ้นมาด้วยความสงสัย
เมื่อลู่โจวอ่านหัวข้อ เขาก็อึ้ง
[กลุ่มศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ไนจีเรียที่ถูกละเลย]
ข่าวเล่าเรื่องของศาสตราจารย์อีนอชเกี่ยวกับข้อคาดการณ์ของรีมันน์ และเรื่องที่เขาเผยแพร่วิทยานิพนธ์บน arXiv แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์อะไร
สุดท้ายเขาก็เขียนจดหมายถึงสถาบันเคลย์
แต่สถาบันเคลย์ก็ไม่ตอบอะไร
จากที่ศาสตราจารย์อีนอชกล่าว เขาไม่ได้แก้ข้อคาดการณ์เพราะเงิน แต่เขาแก้ให้ลูกศิษย์ นี่เป็นเพราะศิษย์เขาเชื่อในตัวเขา ดังนั้นเขาจึงพยายามแก้ปัญหาคณิตศาสตร์นี้ เงินจะถูกใช้ไปกับการศึกษาทั้งหมด
ลู่โจวอ่านต่อและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
[ศาสตราจารย์อีนอช: ทุกจำนวนเฉพาะที่อยู่ภายใต้การแจกแจงของฟังก์ชันรีมันน์ คุณอาจไม่รู้ว่าฉันพูดถึงอะไร แต่ฉันบอกคุณได้ว่ามันก็เหมือนกับยูเซน โบลต์ มันไม่มีทางพ่าย
ลาเตอร์ : คุณบอกว่าคุณใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ของตัวเองแก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคได้ง่ายๆงั้นหรือ?
ศาสตราจารย์อีนอช : ใช่ คุณพูดถูก
ลาเตอร์ : ถ้าสถาบันเคลย์ไม่เพิกเฉยผลงานของคุณ ด้วยฟังก์ชันการแจกแจงจำนวนเฉพาะของคุณ คุณจะใช้เวลาแก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคนานแค่ไหน?
ศาสตราจารย์อีนอช : อันที่จริงฉันพิสูจน์ไปตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ถ้าฉันจำไม่ผิด ฉันต้องการเวลาสามชั่วโมงเท่านั้น การพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของปอลิญัก ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค ข้อคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่แฝด…มันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย แม้แต่ศิษย์ฉันก็ทำได้
ลาเตอร์ : ผมคิดว่าคุณได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
ศาสตราจารย์อีนอช : ใช่ ฉันจึงโกรธมาก
…..
]
ลู่โจวแทบจะหลุดหัวเราะออกมา
วารสารตะวันตกน่าตลกดีจริง เดลิเมลตกหลุมของไนจีเรียไปแล้ว แต่ตอนนี้วอชิงตันไทม์ก็กระโดดเข้าไปในหลุมเหมือนกัน
พูดตามตรง ศาสตราจารย์ไนจีเนียอาจไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างฟังก์ชันรีมันน์กับฟังก์ชันดีริชเลตด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามนี่มันไม่เกี่ยวข้องกับลู่โจว
มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาเลย
ทันใดนั้นเขาก็สังเกตว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งแนบมากับหนังสือพิมพ์
[ถึงลู่โจว ผมบรรณาธิการของวอชิงตันไทม์ คีน ลาเตอร์ วันมะรืนบ่ายสามโมง จะมีการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการที่โรงเรียนพรินซ์ตัน ผู้บรรยายคือศาสตราจารย์อีนอชจากมหาวิทยาลัยเอกกิติ การบรรยายเกี่ยวข้องกับการพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค โดยใช้วิธีตามข้อคาดการณ์ของรีมันน์ แน่นอนผมรู้ว่าผู้ชนะรางวัลโคลอย่างคุณ คุณต้องรู้สึกเหมือนโดนดูถูกที่ต้องมาฟังผู้บรรยายประเทศโลกที่สาม เช่นเดียวกับชุมชนวิชาการอเมริกา]
[อย่างไรก็ตาม ผมเป็นพยานได้ว่าศาสตราจารย์อีนอชแก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคได้ในเวลาเพียงสามชั่วโมงโดยใช้ระบบการแจกแจงจำนวนเฉพาะของเขาเพื่อสร้างขึ้นมาแก้ข้อคาดการณ์ของรีมันน์ ถ้าเขาทำได้ งั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนที่พิสูจน์ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค ไม่ใช่คุณ]
[แน่นอน เพื่อความยุติธรรม เราได้จัดให้คุณพูดในการบรรยายหนึ่งชั่วโมง คุณสามารถปกป้องวิทยานิพนธ์ของคุณได้ในช่วงเวลานี้]
[ที่ผมต้องพูดคือ มีตัวแทนทางกฎหมายทั้งหมดยี่สิบเอ็ดท่านจากองค์กรปกป้องสิทธิคนผิวดำและสมาพันธ์ต่อต้านการเหยียดสีผิว ในขณะเดียวกันเราก็ได้เชิญนักข่าวจากนิวยอร์กไทม์และฟิลาเดลเฟียไทม์เพื่อรายงานข่าวนี้]
“…”
ลู่โจวโยนหนังสือพิมพ์ขยะลงถัง อย่างไรก็ตามเขายังเก็บจดหมายไว้
หลัวเหวินเซวียนสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของลู่โจว เขาจึงกล่าว “พูดตรงๆ นะ มันเสียเวลาเปล่า เห็นได้ชัดว่าคนๆนี้ไม่รู้ความแตกต่างระหว่างฟังก์ชันรีมันน์กับฟังก์ชันดีริชเลต เวลาของนายเอาไว้ใช้เตรียมตัวไปบรรยายคลาสแรกของนายดีกว่า”
“ทำไมผมไม่ควรไปล่ะ? พวกเขาส่งคำเชิญมาแล้ว” ลู่โจวกล่าวและหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็กล่าวเสริม “ในฐานะคนจีน ผมจะไม่ทนต่อความไม่รู้และการดูถูกนี้”
หลัวเหวินเซวียน “ดูถูก?”
“ใช่ ผลงานที่โดดเด่นจากฮั่วหลัวเกิง หวังเหยียน และผู้คนอีกหลายท่านในข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคอาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในการร่วมมือทางคณิตศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ผมไม่ยอมรับการพูดจาให้ร้ายกันแบบนี้”
ลู่โจวยักไหล่แล้วกล่าว “อันที่จริงผมใกล้จะกลับจีนแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่เกี่ยวข้องกับผม แต่ดูคำพูดของศาสตราจารย์ไนจีเรียคนนี้สิ เขาใช้เวลาแค่สามชั่วโมงในการก้าวข้ามความสำเร็จที่สั่งสมมาโดยนักวิชาการหลายชั่วอายุคน…”
“ผู้ที่ดูถูกคนที่น่าเคารพไม่ต่างอะไรกับขยะหรอก”
……………………………………….