ลู่โจวคิดว่าพอเขามาถึงปักกิ่ง เขาคงไม่มีที่อยู่ เพราะเขาไม่มีญาติหรือสหายที่อยู่แถวนี้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือทุกอย่างถูกจัดเตรียมให้เขาแล้ว
จุดหมายของพวกเขาเป็นโรงแรมหรูเล็กๆ ที่ถูกรายล้อมด้วยทะเลสาบจำลองขนาดเล็ก ตัวโรงแรมไม่ได้มีการตกแต่งเป็นพิเศษเลย แต่โรงแรมถูกตั้งอยู่ข้างพระราชวังฤดูร้อนเก่าทำไมให้มันดูพิเศษ
อย่างไรก็ตามลู่โจวรู้สึกว่าโรงแรมนี้ควรเป็นบ้านพักหลังเกษียณมากกว่า
เมื่อมองไปยังต้นไม้หรือก้อนหินที่อยู่ใกล้ทะเลสาบหรือฟังเสียงน้ำที่กำลังไหล มันก็เหมือนเวลาไหลช้าลง
หม่าเกาหยางพาลู่โจวไปที่ห้องแล้วถาม “ศาสตราจารย์ลู่ คุณคิดว่าที่นี่ดีไหม?”
ลู่โจวยิ้มแล้วตอบอย่างสุภาพ “มันดีมากเลย…คุณสุภาพเกินไป”
หม่าเกาหยางยิ้ม “แน่นอน! คุณเป็นสมบัติของชาติ อย่างน้อยคุณก็ต้องได้รับการปฏิบัติแบบนี้! ถ้ามีปัญหาอะไร ติดต่อผู้จัดการของที่นี่ได้เลย เขาจะแก้ปัญหาให้ฉัน”
ผู้จัดการล็อบบี้ที่ยืนอยู่หลังหม่าเกาหยางเผยรอยยิ้มออกมา
“ถ้าคุณต้องการอะไร ศาสตราจารย์ลู่แจ้งผมได้ทุกเมื่อ”
ลู่โจวยิ้ม “ขอบคุณครับ”
ปกติแล้วสมบัติแห่งชาติย่อมไม่ได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษแบบนี้หรือมีผู้นำกระทรวงอัจฉริยะมารับ อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่ใช่สมบัติของชาติธรรมดา แต่เป็นอัจฉริยะที่มีส่วนร่วมในการวางกลยุทธ์พัฒนาพลังงานใหม่ของรัฐ!
ถ้าไม่ใช่เพราะวัสดุพีดีเอ็มเอสดัดแปลงหรือวัสดุ HCS-2 ของเขา มันคงเป็นเรื่องยากมากที่รัฐบาลจะบรรลุความหนาแน่นของพลังงาน 350Wh/kg ก่อนปี 2020
ถ้าลู่โจวแค่แก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคและชนะรางวัลคราฟอร์ด เขาก็คงไม่ได้รับการต้อนรับแบนี้
แต่สถานการณ์ตอนนี้คือเขาเป็นผู้แก้ปัญหาแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ด้วยเช่นกัน…
ดังนั้นเขาจึงได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษในระดับสูงที่สุด
ลู่โจวทานมื้อค่ำที่โรงแรม แม้ว่าอาหารบนโต๊ะจะไม่ได้ดูพิเศษ แต่มันก็ดีต่อสุขภาพและอร่อยมาก
ลู่โจวคิดว่าผู้อำนวยการหม่าคงมาพูดเรื่องการชวนอัจฉริยะจากข้างนอก เพราะยังไงมันก็เป็นงานของผู้อำนวยการหม่า
ลู่โจวไม่คิดเลยว่าเขาจะมาพูดแค่เรื่องข่าวสารต่างประเทศที่น่าสนใจเท่านั้น หลังทานอาการเสร็จ ผู้อำนวยการหม่าก็บอกลาแล้วก็จากไป
เนื่องจากลู่โจวไม่มีอะไรให้ทำ เขาจึงทอดน่องเดินไปตามทะเลสาบจำลองของโรงแรม
พูดตามตรง อยู่ที่นี่สะดวกสบายมาก
เมื่อเทียบกันแล้ว พรินซ์ตันก็เหมือนอาราม การวิจัยเป็นเหมือนการปฏิบัติธรรม
อันที่จริงแม้ว่าผู้อำนวยการหม่าจะไม่ได้พูดอะไรตอนที่เดินจากไป แต่ลู่โจวบอกได้ว่าชายชราอยากให้เขา’อยู่’ที่นี่
ไม่ว่าจะเป็นเพราะคำสั่งจากเบื้องบนหรือเป็นความรู้สึกจากใจของผู้อำนวยการหม่า แต่ลู่โจวบอกได้ว่าผู้อำนวยการหม่าปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา
ลู่โจวไม่ใช่พวกวัตถุนิยม แต่เขายังหวังและปรารถนารถที่จะเห็นโลกที่สูงกว่านี้
มันเริ่มดึกแล้ว เพราะงั้นลู่โจวจึงมองทะเลสาบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง
ราวสองทุ่ม ลู่โจวเปิดกระเป๋าเดินทางก่อนจะโทรหาครอบครัว
ปลายสายรับเกือบจะในทันที
ลู่โจว “พ่อทำอะไรอยู่?”
เฒ่าลู่ “พ่อกำลังดูทีวีกับแม่ ลูกใช้เบอร์นี้แปลว่าลูกกลับมาจีนแล้วเหรอ?”
ลู่โจวมีสองเบอร์ เบอร์ของจีนกับเบอร์ของอเมริกา
ลู่ปังกั๋วรู้ทันทีว่าลูกชายเขากลับมาจีนแล้ว
ลู่โจวตอบ “ครับ ตอนนี้ผมอยู่ปักกิ่ง”
“ปักกิ่ง? ทำไมลูกถึงอยู่ปักกิ่งล่ะ?”
คราวนี้มันเป็นเสียงแม่ ดูเหมือนพ่อจะเปิดโหมดลำโพงไว้
ลู่โจวยิ้มและอธิบาย “ผมมีประชุมที่ปักกิ่ง ผมอาจอยู่นี่สักพัก ผมจะกลับเจียงหลิงตอนปลายเดือนมกรา…พ่อแม่เป็นไงบ้าง?”
เฒ่าลู่ยิ้ม “สบายดี แล้วลูกล่ะ? ลูกออกกำลังกายบ่อยไหม?”
“ผมแข็งแรงดี ผมวิ่งทุกคืน เอ้อพ่อ…”
“ว่าไง?”
ลู่โจวลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “พ่อเกษียณดีไหม? ผมหาเงินได้เยอะมาก”
“อย่าให้พ่อเกษียณเลย” เฒ่าลู่กล่าวขัดจังหวะลู่โจว จากนั้นเขาก็พูดต่อ “พ่อจะเกษียณทำไม? ให้พ่อไปเป็นชาวนาเหรอ? พ่อรู้ว่าลูกหาเงินได้มากมาย แต่พ่อก็มีชีวิตของพ่อ ลูกไม่ต้องห่วงเรื่องพ่อหรอก”
ฟางเหมยกล่าว “ใช่ไม่ต้องห่วงเราหรอก แม้ว่าพ่อจะยังอยู่ในตำแหน่ง แต่พ่อก็ไม่ต่างจากเกษียณแล้วหรอก เพราะงานของพ่อไม่ได้มีอะไรเลย แต่แม่ก็ยังอยากให้พ่อออกไปทำงานมากกว่าปล่อยเบื่ออยู่ที่บ้าน ไม่งั้นพ่อเขาคงเอาแต่ถือคันเบ็ดเทียวไปเทียวมาทั้งวัน”
เฒ่าลู่ไม่พอใจ เขาเถียง “หมายความว่ายังไงที่พ่อเหมือนเกษียณแล้ว? เจ้านายแค่ย้ายพ่อจากแนวหน้ามาอยู่แนวหลัง! แม้ว่างานของพ่อจะง่ายขึ้น แต่พ่อก็ยังมีส่วนร่วม พ่อแค่มอบโอกาสให้คนหนุ่มสาวเท่านั้น”
ฟางเหมยกรอกตามองบน “ใช่ ถูกแล้ว คนหนุ่มสาวแบบไหนกันที่อยากทำงานให้โรงงานของคุณ? พวกเขาควรปิดตัวเพื่อประหยัดภาษีของประชาชน นับตั้งแต่คุณถูกย้ายจากฝ่ายเทคนิคไปฝ่ายโลจิสติกส์ วันๆ ฉันเห็นแต่คุณดื่มชากินเมล็ดทานตะวัน ดูสิว่าคุณอ้วนขึ้นเท่าไหร่แล้ว”
ลู่โจวจินตนาการภาพพ่อแม่เถียงกันแล้วอดยิ้มไม่ได้
พ่อแม่มีสุขภาพดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ลู่โจวเห็นพ่อแม่แข็งแรงดีแล้วรู้สึกโล่งอก
ลู่โจวคุยกับพ่อแม่สักพักก่อนจะวางสาย
ขณะที่เขานอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ เขาก็หาวออกมาและกำลังจะนอน
อย่างไรก็ตามโทรศัพท์ในมือเขาจู่ๆ ก็เปล่งแสงออกมา มีข้อความบรรทัดหนึ่งปรากฏขึ้นมา
เสี่ยวไอ [นายท่าน พ่อแม่คืออะไร? w)]
ลู่โจวอ่านข้อความแล้วชะงักไปแวบหนึ่ง
มันคือคำถามเหรอ?
อย่างไรก็ตามเขาก็ตระหนักอย่างรวดเร็วว่าคำถามนี้ไม่ได้ตอบง่ายๆเลย
ลู่โจวคิดเล็กน้อยก่อนจะพิมพ์ลงไป
[พ่อแม่ก็คือคนที่สร้างแกไง]
เสี่ยวไอ [งั้นนายท่าน ฉันมีพ่อแม่ไหม? (._.)]
ลู่โจวอ่านข้อความนี้แล้วเงียบไป จากนั้นสักครู่เขาก็ถอนหายใจเบาๆ
[ฉันคิดว่านะ]
เสี่ยวไอ [คำตอบขอไปทีมาก (ไม่ได้รับความเป็นธรรมx3.jpg)]
เอ่อ…
ปัญญาอ่อนประดิษฐ์ฉลาดขึ้นแล้ว?
ลู่โจวจำได้ว่าเขาไม่เคยพูดหัวข้อที่ลึกซึ้งแบบนี้กับเสี่ยวไอเลย
ความสัมพันธ์ระหว่างเอไอกับจริยธรรมเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมาก ลู่โจวไม่ได้ศึกษาเรื่องสังคมศาสตร์ เขาจึงคิดคำตอบไม่ได้
อย่างไรก็ตามลู่โจวสนใจเรื่องอื่นมากกว่า
พ่อแม่ของเสี่ยวไอ…พวกเขาอยู่ในจักรวาลนี้ไหมนะ?
บางทีสักวัน เขาอาจได้พบกับพ่อแม่ของเสี่ยวไอ…หรืออาจเป็นผู้สร้าง…
ลู่โจวจินตนาการไม่ได้ว่ามันจะเป็นยังไง แต่เขารู้สึกว่าวันนั้นจะมาถึงในไม่ช้า
ขณะที่เขาคิดถึงปัญหานี้ โทรศัพท์ของเขาก็เปล่งแสงขึ้นมาอีกครั้ง
มันเป็นการแจ้งเตือนจากเสี่ยวไอ
[นายท่าน มีเมลมา!]
ปัญญาอ่อนประดิษฐ์ฟื้นตัวจากอาการซึมเศร้าเร็วกว่าที่คิด
ลู่โจวอ่านการแจ้งเตือนแล้วเปิดเข้าไปดู
มันเป็นเมลจากคอนนี่
ไม่กี่เดือนก่อน ลู่โจวส่งเขาไปสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ในฐานะนักวิจัยอาคันตุกะเพื่อค้นคว้าหัวข้อวัสดุนาโนยิ่งยวดกับศาสตราจารย์เฮอร์เรโร
มันก็ผ่านมาพักหนึ่งแล้ว ลู่โจวสงสัยว่าฝั่งคอนนี่จะเป็นไงบ้าง
เขาเปิดอีเมลขึ้นมาอ่าน
จากนั้น…
ลู่โจวก็ชะงักค้าง
ในเมลมีข้อความสั้นๆเท่านั้นและตามด้วยเครื่องหมายตกใจสามตัว
[เราทำสำเร็จแล้ว!!!]
…………………………………