ตอนที่ 761 สมควรโดน
ลู่โจวคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนง่ายๆ
เขาสามารถขำไปกับทุกเรื่องและไม่เคยเอาคำพูดใครเก็บมาฝังใจ
ดังนั้นตอนที่อ่านบล็อกที่วิจารณ์เขา เขาก็ไม่ได้คิดจริงจัง
และเห็นด้วยกับความเห็นของผู้เขียนบางส่วนด้วยซ้ำ การจะบูชาใครโดยไม่ลืมหูลืมตาเป็นเรื่องที่อันตรายในสายงานวิชาการ คนควรที่จะสนใจและจริงจังกับความเห็นของคนทุกคน
ลู่โจวรู้ดีว่าเขาเองไม่ได้ตัดสินใจถูกเสมอไป ไม่ว่าจะเป็นโปรเจกต์พลังงานฟิวชั่นควบคุมได้ หรือสกายโกลว์ พลังของความสามัคคีต่างหากที่เป็นบทบาทสำคัญ
แต่…
นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกความเห็นมีประโยชน์ไปหมด
ความเห็นบางความเห็นก็เป็นแค่คำวิจารณ์ที่มาจากความอิจฉาล้วนๆ
เพราะแบบนี้เขาจึงหัวเราะให้กับความเห็นในอินเทอร์เน็ตและไม่ใส่ใจกับมัน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจ…
แต่ก็มีบางคนที่สน
เพราะสุดท้ายแล้วชื่อเสียงของเขาก็ไม่ได้สำคัญกับแค่ตัวเขาคนเดียว
…
เซี่ยงไฮ้
อาคารตลาดหลักทรัพย์ไห่เฟิง
โดยปกติแล้วเหอเหยียนไม่มีประชุม เขาถือกระเป๋าเอกสารผ่านห้องเล็กๆ และตรงไปที่ออฟฟิศของตัวเอง
ทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้เย็นๆ เสียงฝีเท้าวุ่นวายก็ดังขึ้นนอกประตู
เหอเหยียนขมวดคิ้วและกำลังจะยืนดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเองประตูออฟฟิศก็ถูกผลักเปิดออก
กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามา โดยมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเป็นคนนำ พวกเขาเดินเข้ามาเต็มห้อง
ดวงตาของเหอเหยียนเบิกกว้าง เขาเอื้อมมือจับเก้าอี้และยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว
แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าชั้นนี้คือชั้นที่ 20 ไม่มีทางหนีได้แน่ๆ เขาก็เลยปล่อยมือจากเก้าอี้และนั่งลงอีกครั้ง
“ผมก็แค่นักธุรกิจธรรมดา ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายเลย ทุกคนมาที่นี่ทำไมครับ?”
เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่อายุมากกว่าคนอื่นยิ้มเยาะและพูด “ยังไม่ทำอะไรผิดกฎหมายอย่างนั้นเหรอ คุณเหอ คุณนี่ขี้ลืมจังเลยนะ เราจะมาที่นี่ทำไมถ้าคุณยังไม่ได้ทำอะไร”
เหอเหยียนรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาที่เขาทะลุขั้วหัวใจ ความกังวลเข้ามาในหัว
“…ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”
เขาเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็ง แม้จะรู้ดีว่าหนีไม่ได้แต่ก็ยังยืนกรานคำเดิม
ตราบใดที่เขาไม่ยอมรับ เขาก็อาจมีโอกาสรอดจากเหตุการณ์แย่ๆ นี้ได้
เขาอาจจะติดสินบนหรือไม่ก็โทษคนอื่นแทน
อย่างน้อยหัวหน้าของเขาที่ปักกิ่ง คนที่สั่งให้ทำเรื่องนี้ ก็คงไม่อยากเห็นเขาจบลงแบบนี้…
ใจของเหอเหยียนนั้นเต้นเร็ว หวังเผิงมองเหอเหยียนด้วยความสงสาร เหอเหยียนเหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำตะเกียกตะกายเพื่อจะมีชีวิตรอด
เหอเหยียนกลืนน้ำลายและพูด
“อะไร ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”
“เหอเหยียน! “
เหอเหยียนตกใจกลัวที่หวังเผิงตะโกนชื่อเขา เขารู้สึกราวกับว่ามีสำลีมาจุกอยู่ที่คอหอย แม้พยายามที่จะเถียงแต่ก็พูดอะไรไม่ออก
“ตามประมวลกฎหมายอาญาของสาธารณรัฐประชาชนจีน คุณถูกแจ้งข้อหา 12 ข้อหา รวมไปถึงข้อหาจารกรรม ข้อหาหมิ่นประมาท ขัดขวางเศรษฐกิจและการเงินของตลาดหลักทรัพย์ ปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และใช้ข้อมูลภายในเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ ข้อหาทั้งหมดถูกนำขึ้นศาล และศาลเป็นผู้ออกหมายจับ จึงเห็นชอบที่จะให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ…”
หวังเผิงหยิบเอกสารออกมา เขาจ้องไปที่ตาของเหอเหยียนและพูดอย่างไร้ความรู้สึก “นี่คือเอกสารอ้างอิง กรุณาให้ความร่วมมือในการสอบสวนครั้งนี้”
“ผมไม่รู้…”
หลังจากที่เห็นว่าเหอเหยียนกำลังจะเถียงอีกรอบ เจ้าหน้าที่อีกคนโบกมืออย่างฉุนเฉียว
“หุบปาก พาตัวเขาไป! “
เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายหลายคนเดินเข้ามา พวกเขาจับแขนของเหอเหยียนและดึงเขาให้ลุกจากเก้าอี้
ตอนที่เหอเหยียนถูกดึงตัวออกจากออฟฟิศ เขาไม่ใจเย็นอีกแล้ว เขาเริ่มตะโกนจนสุดกำลังและกรีดร้อง “คุณไม่มีสิทธิมาจับผม! ผมเป็นพลเมืองอเมริกา ผมต้องการส่งตัวข้ามแดน ผมต้องการทนาย เวรเอ๊ย อย่ามาจับผม”
หลังจากที่เห็นเหอเหยียนเสียศูนย์ขนาดนี้ หวังเผิงเกือบจะรู้สึกสงสารเขาแล้ว
ในฐานะที่เป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมด เหอเหยียนมีบทบาทที่สำคัญกับเรื่องนี้แต่เขาก็เป็นเพียงแค่ทหารแนวหน้าเท่านั้น
เหอเหยียนยังคงหวังว่าออฟฟิศที่ปักกิ่งจะปกป้องเขา แต่เขาก็ไม่รู้ว่าหัวหน้าเขาจะปล่อยให้เขาตายจริงๆ หรือเปล่า…
ถึงแม้ว่าหวังเผิงจะรู้สึกเห็นใจขนาดไหน แต่อย่างไรเสียศาลก็ต้องจับกุมเขาอยู่ดี
“เราติดต่อทนายให้คุณแล้ว เขาจะมาเจอคุณที่ศูนย์กักกัน” หวังเผิงนิ่งไปสักพักและพูด “เพื่อนเก่าของคุณ สวี่กุ๊ย ก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน ผมมั่นใจว่าเดี๋ยวคุณก็ได้เจอเขา”
ในเวลาเดียวกัน ณ สนามบินนานาชาติเซี่ยงไฮ้
สวี่กุ๊ยเดินผ่านระบบรักษาความปลอดภัยสนามบิน
สวี่กุ๊ยมองไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินตรงมาที่เขา เขารู้ทันทีว่าไม่มีทางที่จะหนีได้ เขาจึงวางกระเป๋าเดินทางและยิ้ม
“ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้ขึ้นเครื่องสินะ”
เจ้าพนักงานสูงวัยเลิกคิ้ว
“โอ้ คุณรู้อยู่แล้วเหรอ”
สวี่กุ๊ยยิ้มและพูด “อย่างไรเสียผมก็ต้องชดใช้กับสิ่งที่ทำ”
เจ้าพนักงานสูงวัยจ้องหน้าสวี่กุ๊ยและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ “ผมไม่รู้หรอกนะว่าใครที่ทำให้คุณกล้าทำเรื่องแบบนี้! “
ปล่อยความลับของประเทศให้กองกำลังต่างชาติรู้…
มันไม่ได้ต่างกับการเป็นกบฏหรอก
สวี่กุ๊ยจ้องมองไปที่ดวงตาคู่นั้นและยิ้มขึ้นมา
“ฮ่าฮ่า”
เจ้าพนักงานสูงวัย “คุณยิ้มทำไม”
“คุณคิดจริงๆ เหรอว่าผมเป็นคนเดียวที่ทำเรื่องพวกนี้ ผมก็แค่เป็นคนเดียวที่โดนจับได้” สวี่กุ๊ยยื่นมือออกไป สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังขณะที่พูดอย่างใจเย็น “มาสิ ใส่กุญแจมือเลย”
เจ้าพนักงานสูงวัยจ้องหน้าสวี่กุ๊ยและเงียบไปสักพัก
เขาทำงานนี้มาหลายปี เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่อะไร
แต่…
เขาไม่มีความเห็นใจให้กับคนที่ทรยศประเทศตัวเอง
เขามองไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มและสั่ง “จับเขา”
แม้ว่าผู้ต้องสงสัยจะไม่ได้ขัดขืน แต่พวกเขาก็ต้องใส่กุญแจมืออยู่ดี
เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มพยักหน้าและเดินตรงไปที่สวี่กุ๊ย
“โอเคครับ”
เหตุการณ์เดียวกันเกิดขึ้นในอะพาร์ตเมนต์ที่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร
ชายผิวซีดอีกคนไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหนี เขาถูกตำรวจสองคนลากตัวออกมาจากอะพาร์ตเมนต์
เขามีส่วนน้อยที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนี้ เขาไม่คู่ควรกับทีมรักษาความปลอดภัยระดับชาติด้วยซ้ำ แค่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรก็เพียงพอแล้ว
เมื่อเทียบกับเหอเหยียน ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ไห่เฟิง การจับกุมประธานของดีปสเปซเบากว่าเยอะเลย ถ้าลู่โจวต้องการแจ้งความเขาข้อหาหมิ่นประมาท เขาก็อาจจะเป็นตัวอย่างให้ใครหลายคนและถูกจับขังประมาณสองอาทิตย์
ชายผิวซีดแสดงสีหน้าเสียใจ เพื่อนบ้านต่างมองดูเขาตอนที่เขาถูกนำตัวขึ้นรถตำรวจ
คนไม่อยากเชื่อว่าชายที่ยิ่งใหญ่แบบเขาที่ปากดีเฉพาะในอินเทอร์เน็ต จะเรียนจบแค่ปริญญาตรี
อินเทอร์เน็ตเป็นสถานที่มหัศจรรย์ สถานที่ที่ใครๆ ก็สามารถเสแสร้งว่าเป็นคนอื่น
แต่อินเทอร์เน็ตก็เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครซ่อนตัวได้เหมือนกัน
ไม่มีคำว่านิรนามในโลกของอินเทอร์เน็ต
…………………………………..
ตอนที่ 762 สะดุดตา
แผนการปล่อยสถานีอวกาศไม่เปลี่ยนแปลง
ปราสาทจันทราจะถูกส่งไปยังวงโคจรของการบินดวงจันทร์สิ้นเดือนนี้
หลังจากที่องค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีนโพสต์ลงในเว่ยป๋อ การวิพากษ์วิจารณ์สุดตึงเครียดก็เกิดขึ้นในอินเทอร์เน็ต
ปราสาทจันทราก็ปกติดี
ความผิดพลาดทางการออกแบบเป็นแค่ข่าวลือ
ตอนนี้คนที่เคยเยาะเย้ยประเทศจีนว่าทะเยอทะยานเกินตัวก็ไม่มีอะไรพูดต่อ
ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่ข่าวลือ
โมดูลหลักไม่ได้มีปัญหาเลย ส่วนกำหนดการปล่อยสถานีอวกาศก็ยังเหมือนเดิม
รายการทอล์คโชว์ที่เคยล้อเลียนระบบทำความเย็นของปราสาทจันทราก็อยู่ในจุดที่กระอักกระอ่วน
พิธีกรในรายการทอล์คโชว์พวกนั้นที่ตอนแรกจะพูดเรื่องนี้ต่อ ก็ต้องเปลี่ยนสคริปต์ใหม่หมด
นิวยอร์กไทมส์ดูเหมือนจะอยู่ในจุดที่น่ากระอักกระอ่วนมากที่สุด
แม้ว่าโลกของสื่อจะมีหลักจริยธรรมอยู่เพียงน้อยนิด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ส่งผลต่อความมั่นคงของนิวยอร์กไทมส์มากทีเดียว
เพราะพวกเขาคือคนแรกที่ปล่อยข่าวนี้ออกไป
แถมยังพาดหัวข่าวปลอมอีกด้วย
ณ ตึกนิวยอร์กไทมส์
ดุ๊คถูกหัวหน้าของเขาเยาะเย้ย เขาเดินกลับมาที่ออฟฟิศพร้อมความหวังที่พังทลาย
คามิลนั่งกระสับกระส่ายบนโซฟาขณะที่มองไปรอบๆ ด้วยความกังวล
หลังจากที่เงียบไปสักพัก คามิลมองหน้าดุ๊คและพูดด้วยความระมัดระวัง
“เราไม่ควรมองโลกในแง่ร้ายนะ เรื่องนี้ดูไม่ชอบมาพากลอย่างไรไม่รู้ บางทีพวกเขาอาจจะหลอกเราอยู่ก็ได้”
โพสต์ขององค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีนบนเว่ยป๋ออาจไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ ผู้มีอำนาจของจีนอาจจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้และพยายามปั่นหัวคนอยู่ พวกเขาอาจจะสั่งการให้สถาบันวิจัยพูดแบบเดียวกัน
เพราะเรื่องคล้ายๆ กันนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คามิลเป็นนักข่าวต่างประเทศมานานกว่าหนึ่งปี เธอเข้าใจกลยุทธ์ของประเทศจีนเป็นอย่างดี…
ดุ๊คมองคามิลและพูดอย่างหงุดหงิด
“มันใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว พวกเขาจะหลอกไปเพื่ออะไร”
คามิลไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
เขาพูดถูก ตอนนี้ก็ใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว
ถ้าพวกเขากุเรื่องขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่มีเวลามากพอที่จะแก้ปัญหาอยู่ดี
หลังจากที่เห็นว่าคามิลไม่มีอะไรจะพูด ดุ๊คจึงมองออกไปนอกหน้าต่าง
“…สิ่งเดียวที่เราทำได้ตอนนี้ก็คือหวังว่าจรวด BFR จะนำระบบช่วยชีวิตลงจอดได้อย่างปลอดภัย มันจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากผู้คนและทำให้พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้”
คามิลถามอย่างลังเล “ฉันคิดว่ายังแก้ไขเรื่องปราสาทจันทราได้ ถ้าเกิด…”
ก่อนที่คามิลจะพูดจบ ดุ๊คโบกมือและขัดเธอ
“ไม่ต้องสร้างข่าวอะไรแล้ว เราควรจะโฟกัสที่อเมริกาก่อน”
คามิลกลืนน้ำลายและพยักหน้าอย่างประหม่า
“โอเคค่ะ”
เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถึงออฟฟิศใหม่หรือผู้ช่วยส่วนตัวด้วยซ้ำ…
หลังจากที่เห็นว่าดุ๊คว้าวุ่นใจขนาดไหน เธอจึงเลือกที่จะเงียบ
เธออธิษฐานในใจเงียบๆ
พระเจ้า ขอให้จีนกุเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ เถอะ…
ถ้าปราสาทจันทราถูกปล่อยสำเร็จ หายนะก็จะเกิดขึ้นกับนิวยอร์กไทมส์
ไม่เพียงแค่ผู้อ่านจะไม่พอใจ แต่พวกเขาจะกลายเป็นตัวตลกในอุตสาหกรรมสื่อ
แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นคนเดียวที่พาดหัวข่าวปลอม…
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูอีเมล
เธอรอแหล่งข่าวจากจีนตอบกลับแต่ไม่มีการตอบกลับใดใดทั้งสิ้น
ดูเหมือนว่าแหล่งข่าวของเธอจะมีปัญหา
เธอรู้สึกราวกับว่าเรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น
…
คำวิพากษ์วิจารณ์ที่แสนตึงเครียดไม่ได้หมดไปทันที แต่เพราะหน่วยงานหลายแห่งปฏิเสธเหตุการณ์นี้ ทำให้เรื่องนี้ไม่เป็นกระแสอีกต่อไป
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดสิ้นเดือนก็กำลังจะมาถึง
ทั้งสตาร์สกายเทคโนโลยีและองค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีนไม่ได้ผิดคำสัญญา
สื่อนอกหลักๆ อย่างเช่นเหรินเหรินเดลี่ตีพิมพ์รูปปราสาทจันทราที่กำลังถูกย้ายเข้าไปในยานอวกาศ
หลังจากที่รูปถ่ายถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตก็แห่กันมาวิจารณ์ด้วยความตื่นเต้น
[พระเจ้า ใครบอกว่าปราสาทจันทราจะไม่ได้บิน]
[สื่อมวลชนไร้ศีลธรรม สงครามคีย์บอร์ดทำให้ฉันคิดว่าสถานีอวกาศปราสาทจันทราล้มเหลวแล้ว]
[ศาสตราจารย์ลู่นี่บ้าจริงๆ !]
[ฉันเดาว่าในอนาคตก็ต้องมีบางคนพูดว่าแม้ว่าปราสาทจันทราจะอยู่ในอวกาศแล้ว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี]
[เส้นทางของพวกเราคือทะเลของดวงดาว!]
[…]
คนทั้งประเทศตั้งหน้าตั้งตารอการปล่อยยานอวกาศในครั้งนี้
ในที่สุดกำหนดการก็มาถึง
รถถ่ายทอดสดจากสื่อหลายสำนักขับเข้ามาที่จุดปล่อยสถานีอวกาศ
ส่วนคนที่ไม่ใช่สื่อมวลชนจะต้องขับรถไปชายขอบเมืองจินหลิงบริเวณนอกจุดตรวจ พวกเขาตั้งใจว่าจะมองจากไกลๆ ด้วยกล้องชนิดพิเศษ
ยานอวกาศสกายโกลว์เคลื่อนตัวออกจากจุดปล่อยอย่างช้าๆ และพุ่งทะยานสู้ท้องฟ้าหายลับไปจากสายตาของผู้ชม
ลู่โจวยืนอยู่ที่หอบัญชาการ เขามองสกายโกลว์ที่ค่อยๆ หายไปจากสายตา เขากลับไปหาโฮ่วกวงและถาม “อีกนานแค่ไหนกว่าที่ระบบการเดินทางวงโคจรของการบินโลก-ดวงจันทร์จะถูกเชื่อมต่อ”
โฮ่วกวงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เทคโนโลยีนี้เหมาะสมมาก แต่ถ้าเราใช้ระบบขับเคลื่อนคล้ายกับของสกายโกลว์ เราก็ต้องรอจนถึงปีหน้า”
“ปีหน้า…” ลู่โจวมองไปที่ลูกเรือภาคพื้นดินที่กำลังยุ่งกับงานและถาม “แล้วสตาร์ไลท์ล่ะ”
โฮ่วกวง “เรากำลังจะทดสอบสิ้นเดือนนี้ แต่เพราะกำหนดการปล่อยปราสาทจันทราก็เลยถูกเลื่อนไปอีกหนึ่งอาทิตย์”
ลู่โจว “แปลว่าการทดลองครั้งต่อไปเกิดขึ้นในอีกหนึ่งอาทิตย์”
โฮ่วกวงพยักหน้าและพูด “ใช่ครับ”
ลู่โจวพยักหน้าและยิ้มมุมปาก
ถ้าการทดสอบสตาร์ไลท์ประสบความสำเร็จ ระบบการขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนจะก้าวขึ้นอีกหนึ่งระดับ
ลู่โจวโล่งใจที่ได้เห็นเทคโนโลยีของตัวเองมีชีวิตขึ้นมา
เขาได้พิสูจน์แล้วว่าความพยายามของตัวเองคุ้มค่าแค่ไหน
………………………………………………