สิ่งที่ลู่โจวไม่ได้คิดเอาไว้คือการที่หลี่เกาเหลียงเป็นหัวหน้าทีมหัวข้อการทดสอบวิจัย
ดังนั้นหน่วยทหารที่เขากำลังจะได้ร่วมงานด้วยก็คือ…
“หลี่เกาเหลียง หัวหน้ากองพลทหารอากาศที่หนึ่ง กองบัญชาการยุทธบริเวณตะวันออก—”
หลี่เกาเหลียงยืนหลังตรงรายงานตัวต่อลู่โจว
“หยุดก่อน ผมไม่ใช่ผู้หมวดของคุณ และคุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำสงคราม หยุดเลย”
หลี่เกาเหลียงยิ้มช้าๆ และเกาหัวตัวเอง
“พวกเราสองร้อยคนมาที่นี่ตามคำสั่ง แต่ก่อนที่เราจะไปเราได้รับคำสั่งให้ร่วมมือกับนักวิชาการลู่ และให้ต่อสู้ในเทคโนโลยีเสมือนจริงครับ ดังนั้นตอนนี้คุณก็คือผู้บัญชาการของเรา เราจะพร้อมรับคำสั่งจากคุณ”
ลู่โจวส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ ผมจะสรุปโปรเจกต์นี้คร่าวๆ ให้ฟัง และทำเฉพาะคำสั่งที่ได้รับมาก็พอ”
ลู่โจวไม่คิดว่ารัฐมนตรีฉินจะส่งกองพลน้อยทางอากาศมาที่นี่ถึงสองร้อยคน
ลู่โจวมองดูหลี่เกาเหลียงที่ดูกระตือรือร้นจนมากเกินไปจนเขารู้สึกหนักใจ
แต่หลังจากคิดๆ ดูแล้ว กองพลน้อยทางอากาศก็เป็นกองทหารที่อยู่ใกล้ที่สุดจากที่นี่
พวกเขาสามารถเดินทางไปที่ไหนบนโลกก็ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง กองพลน้อยทางอากาศประจำการอยู่ที่จุดปล่อยยานของจินหลิง
ลู่โจวพาหลี่เกาเหลียงไปที่ห้องทดลองและให้คำอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้
หลี่เกาเหลียงเห็นศาสตราจารย์ลูเมียร์ที่อยู่ในห้องทดลอง เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ทำไมถึงมีชาวต่างชาติที่นี่ล่ะครับ?”
เขาได้รับแจ้งว่าโปรเจกต์นี้เป็นความลับ ดังนั้นแล้วชาวต่างชาติจะไม่มีส่วนร่วมในโปรเจกต์เช่นนี้
ลู่โจวกล่าวว่า “ลูเมียร์เขามาจากสวิตเซอร์แลนด์ โปรเจกต์นี้แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการสร้างระบบการจำลองภาพเสมือนจริงซึ่งใช้สำหรับพลเรือนทั่วไป ที่นี่ไม่ค่อยมีคนจีนที่เชี่ยวชาญในด้านนี้สักเท่าไร ดังนั้นผมจึงไปดึงเขามาจากศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์เครือข่ายประสาทของสวิตเซอร์แลนด์
“เขาจะไม่ได้ทำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์ทางทหารและอุปกรณ์
“หากคุณเห็นว่ามันมีอะไรที่น่าสงสัย ก็รายงานให้ผมทราบได้ทันที”
ถึงจะเป็นไปไม่ได้หรือเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม แต่กันไว้ก็ดีกว่าแก้เสมอ
หลี่เกาเหลียงพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่ต้องกังวล! ผมจะคอยจับตาดูเขาเอง!”
“จริงๆ ก็ไม่จำเป็นหรอก” ลู่โจวตบไหล่หลี่เกาเหลียงและพูดว่า “เพราะเขาเป็นคนดี”
ศาสตราจารย์ลูเมียร์ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ กำลังแอบฟังการสนทนาของพวกเขา
ไม่ใช่ว่าเขาอยากฟัง แต่เพราะเขาบังเอิญได้ยินชื่อตัวเอง
น่าเสียดายที่เขานั่งห่างเกินไป ทำให้เขาไม่รู้ว่าลู่โจวกำลังอะไรกับชายผิวแทนร่างสูงคนนั้นอยู่
และเขารู้สึกได้ว่าชายร่างสูงกำลังจ้องมาที่เขา
เมื่อลูเมียร์ได้สบตากับชายร่างสูง เขารู้สึกหนาวที่กระดูกสันหลังทันที จากนั้นชายร่างสูงก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อชายคนนั้นจากไป ศาสตราจารย์ลูเมียร์ก็กระแอมและถามลู่โจวว่า “เดี๋ยวนี้มีแต่คนหน้าตาไม่คุ้นเข้ามาที่นี่ในสถาบันวิจัยนะ”
“อาฮะ”
เมื่อเห็นว่าลู่โจวไม่ได้ตั้งใจจะอธิบายอะไร เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามตรงๆ
“… พวกเขาเป็นใคร?”
ลู่โจว “อาสาสมัครน่ะ”
อาสาสมัครบ้าอะไร?
ศาสตราจารย์ลูเมียร์ยังคงถามต่อไปว่า “อาสาสมัครน่ะนะ? หมายความว่าไง?”
ลู่โจวกล่าวว่า “ตั้งแต่เราสร้างระบบคอมพิวเตอร์แบบกระจาย การที่มีข้อมูลมากเท่าไรก็ยิ่งดี… คุณไม่ได้บอกผมไว้อย่างนั้นเหรอ? งานของพวกเขาคือมาทดลองงานของเรา”
ศาสตราจารย์ลูเมียร์กล่าวว่า “แต่ผมรู้สึกว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา…”
ลู่โจวไอและพูดว่า “คุณไม่ต้องกังวลอะไรหรอก มันจะดีกว่าถ้าคุณไม่ต้องถามอะไรเยอะ”
เมื่อเห็นว่าลู่โจวจริงจัง เขาก็กลืนน้ำลายและพยักหน้าตกลง
“โอเคครับ”
ลู่โจวพยักหน้าและเปลี่ยนเรื่อง “แล้วงานของคุณเป็นไงบ้าง”
ศาสตราจารย์ลูเมียร์กล่าวว่า “ก้าวหน้าไปบ้างแล้ว ผมได้สร้างเฟรมเวิร์กอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องแล้ว ตอนนี้เราแค่ต้องการคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลัง จะยิ่งดีถ้าเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็จะสามารถทดลองกับอาสาสมัครและรวบรวมข้อมูลที่เราต้องการเพื่อสร้างสถาปัตยกรรมชุดคำสั่งได้”
ลู่โจวเลิกคิ้วและเดินไปข้างคอมพิวเตอร์ของเขา
“ขอผมดูหน่อย”
…
การวิจัยเกี่ยวกับระบบเสมือนจริงใกล้จะเริ่มแล้ว ส่วนพวกอาสาสมัครก็อยู่เข้าที่เข้าทางเรียบร้อย
โดยส่วนใหญ่แล้วการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับลู่โจว เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข
แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่
งานซ้ำซากน่าเบื่อหน่ายพวกนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้กำลังทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์เลยสักนิด มันไม่ใช่แบบนั้นเลยเพราะมันเหมือนกับว่าเขากำลังก่ออิฐไปงั้น
ตอนที่เขาบ่นกับศาสตราจารย์ลูเมียร์ครั้งแรก ลูเมียร์ก็มองมาที่เขาอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“… ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะคิดแบบนั้น”
ลู่โจว “คุณคิดว่าการทำงานกับอัลกอริธึมพวกนี้มันน่าสนใจเหรอ?”
“เปล่า ผมกำลังจะบอกว่า… ผมไม่เคยคิดว่างานวิจัยทางวิทยาศาสตร์น่าสนใจเลยต่างหาก งานวิจัยส่วนใหญ่ก็น่าเบื่อพอๆ กับการก่ออิฐที่น่าเบื่อนั่นแหละ คุณควรมีความสุขที่โปรเจกต์ของเราเป็นไปอย่างราบรื่นนะ”
ลู่โจวยักไหล่และพูดว่า “ส่วนใหญ่ก็มีความสุขดี… ยกเว้นตอนนี้น่ะนะ”
ลูเมียร์ “ตัวอย่างเช่น?”
ลู่โจว “ก็เช่น ตอนที่ผมกำลังค้นคว้าสมมติฐานของรีมันน์ ตอนแรกผมพยายามหาเส้นช่วยบนระนาบเชิงซ้อน แต่มันก็ไม่ได้ผล ในที่สุดผมก็นึกย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ผมกำลังทำสมการของเนเวียร์–สโตกส์ และแนะนำแมนิโฟลด์ที่แตกต่างกันได้—”
การได้ยินคำศัพท์ทางคณิตศาสตร์เหล่านั้นทำให้ศาสตราจารย์ลูเมียร์ปวดหัว ดังนั้นเขาจึงพูดตัดบทอย่างรวดเร็วว่า “โอเค ผมเข้าใจแล้ว ผมไม่ต้องการ…”
ทันใดนั้นศาสตราจารย์ลูเมียร์ก็หยุด
ราวกับว่าเขาสูญเสียความสามารถในการพูดไป
ลู่โจวมองมาที่เขาและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“เราทำได้แล้ว…”
ลู่โจว “…?”
“ผมบอกว่าเราทำได้!” ลูเมียร์กล่าว ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และพูดว่า “สุดยอด! ผมแค่คิดไอเดียเจ๋งๆ! มันจะลดภาระงานของเราลงห้าสิบ… ไม่สิ อย่างน้อยต้องเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์!”
ลู่โจวไม่แสดงอาการขำกับการดีใจของชายตรงหน้า เขาพูดอย่างใจเย็น
“ผมจำได้ว่ามีคนบอกฉันว่าการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ ดูเหมือนว่ามันจะเปลี่ยนไปแล้วนะ”
“… นั่นมันไม่ใช่ประเด็น” ดวงตาของลูเมียร์เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น เขากล่าวว่า “เราแค่ต้องทดสอบสมมติฐานของเรา ผมทำระบบเสมือนจริงให้เสร็จได้ภายในสามวัน เราแค่เพียงต้องรวบรวมซอฟต์แวร์ขนาดเล็กเพื่อทดสอบระบบ”
ภายในสามวัน?
ลู่โจวดูตกใจ
ในแผนเดิมนั้นต้องทำงานถึงเดือนหน้าถึงจะครบทั้งระบบ
ลู่โจวถามว่า “คุณวางแผนจะทดสอบมันอย่างไร?”
ศาสตราจารย์ลูเมียร์กล่าวว่า “ง่ายนิดเดียว! เราลองสร้างฉากในภาพยนตร์ขึ้นได้ยังไงล่ะ”
ลู่โจว “ฟังดูน่าสนใจนะ เช่นเรื่องอะไร?”
ลูเมียร์ “เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เดอะเมทริกซ์ แต่มันไม่สำคัญมากหรอก เพราะยิ่งแฟนตาซีเท่าไรยิ่งดี และฉากก็ไม่ควรซับซ้อนเกินไป แม้ว่าระบบของเราจะมีความยืดหยุ่น แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณงานโดยไม่จำเป็น”
เขาจ้องไปที่หน้าจอของเขาและพึมพำ “มันน่าตื่นเต้นมาก!
“ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะเปลี่ยนโลกได้…”
………………………