ตอนที่ 513 แร่ดิบ
“เจ้านาย พวกนี้ใช้ได้เลยขอรับ”เอมิลว่าพลางนำก้อนหินก้อนหนึ่งออกมาให้ยี่เจินดู หลังจากขายเกลือให้ร้านค้าใหญ่ได้แล้ว พวกยี่เจินก็หาสินค้าที่จะนำไปขายต่อ และสิ่งที่เข้าตาที่สุดของเมืองทางเหนือก็กลายเป็นหินแร่อัญมณีที่ขุดได้จากเหมืองของเมือง โดยหินแร่พวกนี้ราคาถูกมากเพราะยังไม่ได้เจียระไน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพวกยี่เจินต้องเดินทางไปให้ช่างเจียระไนจัดการก่อนค่อยนำไปขายอีกที และกำไรของยี่เจินก็จะได้มาจากการจัดการพวกนี้นี่เอง
“ไม่ ต้องอันนี้สิ”เกว็นว่าพลางยื่นแร่อัญมณีดิบให้กับยี่เจินดู เรื่องอัญมณีพวกนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ของที่ได้มาจากการขุดก่อนเจียระไนนั้นยังไม่สามารถติราคาที่แน่นอนได้ ส่วนใหญ่จะตีเอาจากขนาดและน้ำหนัก แต่หากเลือกก้อนใหญ่แต่มีรอยแตกร้าวภายในก็จะทำให้ได้เพียงเศษอัญมณีเท่านั้น การเลือกอัญมณีจากเหมืองนั้นจึงมีผลกับกำไรของยี่เจินยามนี้ด้วยเช่นกัน
แต่เดิมยี่เจินไม่คิดจะซื้อของพวกนี้ไปขาย เพราะมันไม่สามารถแยกของพวกนี้ได้ แต่เอมิลและเกว็นต่างยืนยันว่าพวกตนสามารถช่วยเรื่องนี้ได้ แต่ผลสุดท้ายก็กลายเป็นว่าทั้งสองเริ่มเถียงกันอีกแล้ว
“เจ้ามั่นใจมากสินะ”เอมิลว่าพลางกัดฟันกรอด แร่ดิบที่ทั้งสองเลือกมามีขนาดต่างกันไม่มาก ต่างเป็นแร่ก้อนใหญ่ที่ดูงดงามทีเดียว โดยส่วนใหญ่แร่อัญมณีที่ขุดพบในบริเวณนี้จะเป็นพลอยชนิดต่างๆเช่นทับทิมหรือไพลิน โดยแต่ละก้อนจะมีขนาดเท่าก้อนกรวดไปจนถึงขนาดเท่าไข่ไก่ แต่ขนาดใหญ่อย่างเดียวก็ใช่ว่าจะดีเช่นกัน
“ได้ งั้นมาวัดกัน”เอมิลว่าพลางนำก้อนแร่ของตนหันไปทางม้าที่เป็นลูกน้องของมันเอง
“ดี ไหนบอกสิว่าแร่อันไหนมีค่ามากกว่ากัน”เกว็นที่โดนท้าทายพลันหันไปหาม้าของพวกตนเช่นกัน นางยื่นแร่ไปตรงหน้าม้าท่ามกลางความงุนงงของเหล่าพ่อค้ารวมถึงยี่เจินด้วย
ความจริงแล้วเอมิลและเกว็นไม่มีความสามารถเรื่องแร่แต่อย่างไร เพียงแต่พวกมันรับปากว่าจะช่วยยี่เจินนั้นเพราะพวกมันมีมังกรดินลูกน้องของเอมิลมาด้วยนั่นเอง หากจะถามเรื่องแร่ก็ควรถามจากอสูรธาตุดินอยู่แล้ว
“……..”เจ้ามังกรดินโดนใช้เป็นผู้ตัดสินไม่ทราบจะทำเช่นไรดี ในมือของเอมิลเป็นซิทรินอัญมณีเกรดรองที่ราคาถูกกว่าไพลินในมือของเกว็นมากแม้ขนาดของเกว็นจะเล็กกว่าก็ตาม แต่…..คนที่กำลังถามอยู่นั้นหนึ่งคือราชาของมัน หนึ่งคือราชาคู่อริที่มีเรื่องกันมาก่อน มันควรจะตอบคำถามอย่างไรดี
ฟืด…ในที่สุดมังกรดินก็ตัดสินใจตอบตามความจริง ตอนนี้ราชาของมันเหมือนจะสนิทสนมกับเกว็นขึ้นมาก มันตอบเช่นนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และหากมันตอบเพื่อเอาใจเอมิลกำไรของยี่เจินคงหดหายแน่ๆ
“จูล่ง เจ้าเลือกแต่เม็ดเล็กๆทั้งนั้นเลยนะ”ยี่เจินว่าพลางมองจูล่งที่กำลังเลือกอัญมณีเพื่อนำเจียระไน
“ขะ ขอรับ”จูล่งยิ้มเจื่อนๆออกมาไม่ทราบจะอธิบายว่าอย่างไรดี ตอนนี้มันใช้ดวงตาสีทองและสีเขียวเพื่อตรวจสอบแร่แต่ละชิ้นเพื่อทำการเลือก โดยชิ้นที่จูล่งเลือกมานั้นต่างเป็นทับทิม ไพลิน รวมถึงอเล็กซานไดรท์เม็ดเล็กๆด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าในมือของจูล่งไม่มีอัญมณีชิ้นไหนไร้ราคาเลย
“อันนั้นขายหรือเปล่าขอรับ”จูล่งถามพลางชี้ไปที่ก้อนหินก่อนเท่าฝ่ามือที่อยู่บนชั้นวาง มันเป็นเพียงผลึกหินสีสันสวยเท่านั้นไม่ได้เป็นอัญมณีแต่อย่างไร ทำให้เจ้าของร้านเอามาประดับร้านเพียงอย่างเดียว
“ถ้าเจ้าอยากจะซื้อทำไมข้าจะไม่ขาย”เจ้าของร้านว่าพลางยิ้มออกมา ของตกแต่งเช่นนี้หาได้ทั่วเหมือง เจ้าหนูนี่อยากซื้อก็ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บเอาไว้แต่อย่างไร
“เจ้านาย งั้นซื้อเจ้านี่ด้วยนะขอรับ”จูล่งว่าพลางนำผลึกหินมาวางไว้ในกองสินค้าที่ยี่เจินกำลังจะซื้อ
“เจ้าแน่ใจนะ”ยี่เจินถามด้วยท่าทีลังเล จูล่งไม่เหมือนคนที่รู้เรื่องอัญมณีเท่าไหร่ ส่วนเจ้าสองหน่อที่บอกว่ามีความสามารถได้ก็เอาแต่ไปถามม้าเสียอย่างนั้น ทำเอายี่เจินงงไปหมดแล้ว เพราะหากเลือกพลาดกำไรที่อุตส่าห์ได้มาจากการขายเกลือจะหดหายลงไปมากเลยนะ
“แน่ใจขอรับ”จูล่งว่าพลางยิ้มกว้างด้วยท่าทีมั่นใจ แต่ในฐานะพ่อค้าแล้วยี่เจินไม่วางใจเอาเสียเลย มันรู้สึกกังวลนิดหน่อยที่จะเชื่อเด็กฝึกงานกับม้า…
“พวกลูกน้องของท่านสายตาแหลมคมดีนะ”อยู่ๆที่ด้านหลังยี่เจินก็มีชายคนหนึ่งพูดออกมา หากจำไม่ผิดชายคนนั้นเป็นคนของร้านค้าที่ยี่เจินไปขายเกลือก่อนหน้านี้นั่นเอง
“งั้นหรือ”ยี่เจินตอบด้วยท่าทีงุนงง มันมองไม่ออกเลยว่าจูล่งกับพวกเกว็นและเอมิลที่ใช้ม้าช่วยตัดสินเลือกได้ถูกต้องหรือไม่
“ใช่ขอรับ ข้าเคยซื้อขายแร่มาก่อนพอจะดูออกขอรับ ทั้งเจ้าหนูนั่นทั้งคนคุ้มกันของท่านเอง ถึงวิธีเลือกจะดูแปลกๆไปหน่อยแต่ก็เลือกได้ไม่ผิดเลยขอรับ หากนำไปเจียระไนคงขายได้ราคาดีไม่น้อยเลย”ชายหนุ่มว่าพลางยิ้มออกมา อยู่ๆมันก็เข้ามาคุยเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่
“จริงสิ พูดถึงเรื่องเจียระไนแล้ว ข้ามีคนรู้จักอยู่”ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มออกมา ในที่สุดก็โผล่หางออกมาแล้วสินะ
“น่าสนใจดี ทำไมเราไม่ลองคุยเรื่องนั้นกันหน่อยล่ะ”ยี่เจินว่าพลางจ้องมองชายหนุ่มด้วยท่าทีจริงจัง ในเมื่องานเลือกอัญมณีสามารถไว้ใจจูล่งและพวกเอมิลได้ งั้นงานเจรจาเรื่องธุรกิจก็คงต้องเป็นหน้าที่ของมันสินะ
“แน่นอนขอรับ ช่างอัญมณีคนนี้ฝีมือดีและไว้ใจได้ขอรับ แค่อย่าลืมบอกไปว่าข้าเป็นคนแนะนำก็พอ”ชายหนุ่มว่าพลางยิ้มออกมา ท่าทางมันจะมาบอกเรื่องช่างอัญมณีเพื่อเอาค่านายหน้ากระมัง
.
.
.
หลังจากทำการซื้อขายแร่ดิบด้วยเงินจำนวน 300 เหรียญทองสำเร็จ ยี่เจินก็ให้พวกเอมิลเอาอัญมณีใส่แหวนมิติเช่นเดิม แม้อัญมณีที่ซื้อด้วยเงิน 300 เหรียญทองจะสามารถใส่รถม้าคันเดียวแล้วเดินทางไปได้ แต่เพื่อความปลอดภัย ยี่เจินจึงเลือกให้เก็บในแหวนมิติมากกว่า
“เจ้านาย ช่างทำอัญมณีอยู่ที่เมืองนี้จริงๆงั้นหรือ”เกว็นถามพลางมองเมืองที่พวกตนกำลังเดินทางเข้าไป เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ ใหญ่เสียกว่าเมืองก่อนหน้านี้เกือบสองเท่าได้ ร้านค้าตามเมืองดูหรูหรากว่าเมืองก่อนหน้านี้มากทำเอานึกไม่ออกเลยว่าจะเอาแร่ดิบพวกนี้ไปขายที่ไหน
“จากข่าวที่ข้าได้มา ดูเหมือนช่างคนนี้จะทำงานให้ร้านขายเครื่องประดับแห่งหนึ่งอยู่ก็เลยมาอาศัยที่เมืองนี้”ยี่เจินตอบพลางเก็บกระดาษจดรายละเอียดลงไปในกระเป๋า ยี่เจินไม่ได้เชื่อชายคนแรกที่เข้ามาแนะนำหรอก แต่ไม่ว่าจะหาข้อมูลจากไหนก็มีแต่ชี้มาที่ชายคนนี้ทั้งนั้น ข่าวว่าชายคนนี้เป็นช่างอัญมณีฝีมือดีทำงานเร็วและซื่อสัตย์มากอีกด้วย
“พวกท่านเป็นคนที่จะมาขายแร่ดิบสินะขอรับ”หลังจากเดินทางมาจนถึงร้านขายเครื่องประดับใหญ่ประจำเมือง ยี่เจินก็ขอเข้าพบช่างทำอัญมณีทันที ด้วยแร่ดิบราคากว่า 300 เหรียญทองหากนำมาเจียระไนแล้วอาจจะสร้างกำไรให้ยี่เจินกว่า 700 ถึง 800 เหรียญทองเลยก็ได้ แต่นั่นก็ต้องให้โชคเข้าข้างยี่เจินด้วยเพราะหากแร่ที่พวกเอมิลเลือกมาเป็นแร่ราคาต่ำกำไรของยี่เจินก็คงหายไปด้วย รวมทั้งโอกาสที่จะขาดทุนก็มีเช่นกัน
“เชิญทางนี้ขอรับ มาที่ห้องทำงานของข้าก็แล้วกัน”ชายหนุ่มว่าพลางเดินเข้าไปหลังร้านขายเครื่องประดับที่มีเครื่องประดับทั้งสร้อย แหวน นาฬิกา ที่ทำจากทอง อัญมณีต่างๆทั้งเพชร ทับทิม ไพลินน้ำงามมากมาย ดูแล้วช่างเป็นร้านที่น่าเชื่อถือได้จริงๆ
“……”ไป๋จูล่งเดินตามชายคนนั้นเข้าไปในห้องพลางสัมผัสพลังของอีกฝ่าย มิน่าเล่ามันถึงถูกเรียดว่าช่างทำอัญมณีฝีมือดีที่สุด เพราะมันเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณนั่นเอง แถมยังมีระดับพลังขั้นเสินเซียนอีกต่างหาก นับว่าเป็นระดับพลังที่สูงมากสำหรับช่างทำอัญมณีคนหนึ่ง
“เช่นนั้นข้าขอดูสินค้าของท่าหน่อยนะขอรับ”ชายคนนั้นว่าพลางผายมือลงบนโต๊ะขนาดใหญ่กลางห้อง ตั้งแต่พบหน้ากันชายตรงหน้าก็เห็นแหวนมิติที่มือของเกว็นและเอมิลแล้วเลยเดาว่าสินค้าต้องมีจำนวนไม่น้อยแน่ๆ
“ได้”เอมิลว่าพลางนำของในแหวนของตนออกมา เช่นเดียวกับเกว็นที่ทำเช่นเดียวกัน
“…….”จำนวนแร่ดิบที่ทั้งสองนำออกมานั้นไม่มากมายนักอย่างที่ชายหนุ่มคิดเอาไว้ มันเห็นมีแหวนมิติร่วม 2 วงก็เดาว่ายี่เจินคงจะเป็นพ่อค้ารายใหญ่ที่หอบแร่ดิบมาเป็นจำนวนมากแน่ๆ แต่ถึงจะมีจำนวนน้อยสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มอึ้งนั้นไม่ใช่จำนวนที่น้อยเกินคาด แต่เพราะแร่ทั้งหมดไม่มีชิ้นไหนเป็นแร่ราคาต่ำเลย พวกมันทั้งหมดเป็นแร่ชั้นดีที่ขายได้ราคาทั้งนั้น ทำเอาชายหนุ่มเปลี่ยนมุมมองที่มองยี่เจินไปทันที จากพ่อค้าระดับกลางที่มีทุนไม่มากเป็นพ่อค้าฝีมือดีที่สรรหามาแต่ของชั้นดีเท่านั้น
“เยี่ยมยอด แบบนี้หลังเจียระไนแล้วน่าจะขายได้สัก 1,500 เหรียญทอง”ได้ยินเช่นนั้นยี่เจินก็ถึงกับสะดุ้ง ความจริงก่อนหน้านี้มันเพียงภาวนาว่าขอให้ไม่ขาดทุนก็พอ ไม่นึกว่าราคาขายจะพุ่งพรวดไป 5 เท่าเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องหักค่าแรงของช่างทำอัญมณีและพวกจูล่งด้วย แต่ราคาเท่านั้นก็มากพอจะทำให้ยี่เจินยิ้มจนแก้มบานได้แล้ว
“นี่มัน…”ระหว่างกำลังไล่พิจารณาแร่ดิบทั้งหมดของยี่เจิน สายตาของช่างทำอัญมณีก็พลันหยุดลงที่ผลึกหินที่จูล่งเป็นคนขอซื้อมาทันที
“อืม…จะให้ไม่พลาดเลยก็ไม่ได้สินะ”ช่างทำอัญมณีว่าพลางหยิบผลึกหินขึ้นมาถือ ของวางประดับเช่นนี้กลับปนมากับแร่ดิบชั้นดีนับว่าน่าประหลาดใจไม่น้อยเลย
“อันนั้นข้าชอบที่สุดเลยนะขอรับ”จูล่งยิ้มพลางมองไปที่ผลึกหิน มันไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายบอกว่าพลาดเมื่อครู่ก็เลยเข้าใจว่าอีกฝ่ายดูออกว่าข้างในนั้นมีอะไร
“เจ้านี่นะเหรอ”ช่างทำอัญมณีว่าพลางมองผลึกหินในมือ
“ขอรับ ก้อนข้างในนั่นสวยมากทีเดียว”จูล่งตอบด้วยท่าทีมั่นใจ ดวงตาสีทองของมันบอกว่าสิ่งที่อยู่ในผลึกหินนั้นมีค่ามากกว่าของที่อยู่รอบๆนี่เสียอีก
“ข้างใน….”ช่างทำอัญมณีพูดพลางมองผลึกหินในมือด้วยท่าทีประหลาดใจ หรือว่าในผลึกหินนี่จะมีบางอย่างซ่อนอยู่…
ป๊อก!! ไม่รอช้าช่างทำอัญมณีรีบคว้าค้อนสลักหินเคาะลงไปบนผลึกหินทันทีเพื่อลองกะเทาะสิ่งที่อยู่ภายในออกมา
“………….”ช่างทำอัญมณีถึงกับขนลุกวาบเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน อัญมณีชนิดนี้คือทับทิมเพลิง เป็นทับทิมที่ราวกับมีเปลวเพลิงอยู่ภายใน เป็นอัญมณีที่หายากแม้แต่ในเขตอสูรก็ไม่ค่อยพบ แม้จะก้อนไม่ใหญ่มากแต่อัญมณีชิ้นนี้เป็นสิ่งล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย ล้ำค่าเสียจนทำเอาดวงตาของช่างทำอัญมณีที่ได้ชื่อว่าซื่อสัตย์คนหนึ่งก่อเกิดความโลภขึ้นมาทันที