บทที่ 9 – สามเดือนต่อมา
เมื่อดวงตาของฉันลืมขึ้นอีกครั้ง.. สิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันไม่ใช่ปลายทางที่ฉันต้องการจะไป ทันทีที่ฉันลืมตาขึ้นก็พบเจอโถงทางเดินทอดยาวไปข้างหน้า
ผนังทั้งสองด้านถูกติดตั้งด้วยไฟสว่างเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ด้านหลังฉันก็มีประตูบานหนึ่งวางอยู่ไม่ห่างจากฉันมาก
“ที่นี่มันที่ไหน?”
ฉันพึมพำด้วยความสับสนเล็กน้อยและลุกขึ้น น่าแปลกที่พอฉันลุกขึ้นกลับไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดอะไรเลย
ก็แบบว่าก่อนหน้านั้นฉันโดนเหวี่ยงอย่างรุนแรงนี่น่า แถมร่างกายก็รู้สึกดีจนไม่เหมือนเด็กที่ไม่ได้พักผ่อนแบบสบายๆ มานานงั้นแหละ
นอกจากนี้พลังเวทที่ฉันใช้ไปจนหมดก็ฟื้นฟูกลับมาจนเต็มเปี่ยมแล้ว.. ในตอนนั้นเองสกาเล็ตก็ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างฉัน
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ฉันเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
ฉันกล่าวด้วยความสับสนก่อนจะเดินไปเปิดประตูที่อยู่ด้านหลังดู พอผลักประตูออกไปก็พบว่าด้านนอกไม่มีอะไรเลย
ราวกับว่ามันกำลังลอยอยู่กลางอวกาศอันมืดมิด แต่ไม่มีทั้งท้องฟ้าหรือแสงดาว.. มันมีเพียงความมืดมัว.. เหมือนมิติอะไรสักอย่างแหละนะ
ดูเหมือนว่าทางเดียวที่ไปได้คือทางตรงไปข้างหน้าสินะ…
ทางเดินยาวไปจนไม่เห็นปลายทาง.. ในตอนที่ฉันกำลังใช้ความคิดนั้นเองเงาร่างร่างหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นกะทันหัน
เธอเป็นหญิงสาวที่ดูสูงศักดิ์.. แต่ถึงจะบอกว่าเป็นร่างแต่สภาพของเธอไม่ต่างจากสกาเล็ตที่ลอยอยู่ข้างๆ ฉันเท่าไหร่นัก
“ฟังนะ.. นี่เป็นชิ้นส่วนสุดท้ายของจิตวิญญาณยังสามารถคงสติเอาไว้ได้อยู่.. แต่อีกไม่นานก็คงสลายหายไปตั้งใจฟังให้ดี!”
“นี่คือบททดสอบแห่งอัญมณีโกเมน ที่ข้าสร้างไว้เพื่อหาผู้สืบทอดแต่มันยังไม่เสร็จดีพวกนั้นก็จัดการข้าก่อน”
“ข้าที่อยู่ภายในทดสอบจะเป็นเพียงแค่ภาพบันทึกเท่านั้น..”
“เอาล่ะฟังฉันนะ สกาเล็ต.. เธอต้องผ่านบททดสอบของฉันและเอาอัญมณีโกเมนไปหลอมรวมกับอัญมณีอเมทิสให้ได้ ต่อให้เป็นพวกมันก็คงไม่สามารถแยกสองอัญมณีออกจากกันได้หรอก”
จู่ๆ ก็มาพูดอะไรก็ไม่สามารถเข้าใจได้เฉยเลย แถมเหมือนจะไม่ได้คุยกับฉันแต่คุยกับสกาเล็ตอีกต่างหาก เหมือนจะเป็นคนรู้จัก
“คนรู้จักเธอเหรอ สกาเล็ต?”
“ฉันจำเธอไม่ได้หรอกแต่ว่าก็คงจะเป็นงั้นแหละ เธอเรียกชื่อข้านี่น่าแต่ไม่ยักกะมองหน้าคนที่ถามเลยเนอะ ไม่มีมารยาทเอาซะเลย”
ฉันรู้สึกขำเล็กน้อยร่างกายเธอกลายเป็นวิญญาณไปแล้วยังจะห่วงเรื่องมารยาทอีกนะ
ว่าแต่คนคนนี้มองเห็นสกาเล็ตด้วยสินะ.. ก็จากคำพูดของอีกฝ่ายเหมือนอัญมณีแบบที่ฉันถือตะมีอยู่อีกหลายอัน
อย่างน้อยก็มีอีกอันที่ชื่อว่าอัญมณีโกเมน ถ้าจำไม่ผิดมันคือพลอยสีแดงสดงดงามมากๆ …ใช่ว่าฉันจะไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกเดิม
“ตอนนี้พวกมันเอาอัญมณีปลอมไปถืออยู่ ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัวเธอคงหลอมรวมอัญมณีเสร็จแล้ว และตราบใดที่โลกนี้ยังมีท่านผู้นั้นอยู่พวกมันคงไม่กล้าทำอะไรผลีผลามแน่ๆ”
เงาร่างนั้นจ้องมาที่ฉันแล้วก็พูดขึ้นว่า
“ฟังนะ.. ถ้าเจ้าไม่อยากตายหรือถูกควบคุมเหมือนอยู่ในระบบอะไรสักอย่าง.. อย่าให้โชคชะตามากำหนดตัวเจ้าเอง.. นี่เป็นทางเดียว”
ว่าแล้วเธอก็สลายหายไปต่อหน้าต่อตาฉัน.. เออ.. มาไวไปไวดีแท้นะ ถึงจะบอกว่าไม่อยากถูกควบคุมเหมือนอยู่ในระบบก็เถอะนะ
แต่โลกนี้มันเป็นโลกในเกมที่ฉันเคยเล่นนี่นะ จะมาบอกว่าอย่าทำตัวเหมือนถูกควบคุมคงจะดูพิลึกซะมากกว่า
เพราะแม้ฉันจะเป็นแค่นางร้ายเกรด B ตามเนื้อเรื่อง แถมบทที่โผล่ในเกมก็น้อยยิ่งกว่าน้อย โดยเฉพาะในเส้นเรื่องหลักแทบมีน้อยมาก
แต่สุดท้ายแล้วฉันก็มีแค่หน้าที่ถูกซ้อนแผนให้ยัยนางเอกทำให้ดูเป็นคนชั่ว แล้วก็เป็นคนเลวในสายตาของเป้าหมายในการจีบแค่นั้นอ่ะนะ
และฉันเองก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย.. แค่นี้ฉันก็น่าจะไม่ถูกควบคุมแล้วแหละน่า.. แต่เอาเป็นว่ามาย่อยข้อมูลก่อนแล้วกัน
อย่างแรกเลยผู้หญิงคนเมื่อกี้บอกว่าเป็นชิ้นส่วนดวงวิญญาณสุดท้าย หมายความว่าเธอตายไปแล้ว
เพราะในเกมบ้านี่ มนุษย์ทุกคนมีวิญญาณภายในร่างกาย หากเธอเหลือแค่เศษเสี้ยววิญญาณไม่นานคงสลายหายไปและตายละมั้ง
อย่างต่อมาเหมือนจะมีองค์กรลึกลับที่ตามล่าอัญมณีที่ฉันถือครองอยู่อีกต่างหาก หมายความว่าฉันก็จะตกเป็นเป้าหมายด้วยสิ
นั่นหมายความว่าแค่ฉันทิ้งไปทุกอย่างก็จบ..
แต่เรื่องไม่ได้มีแค่นั้น ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนไม่รู้ออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงเดินหน้าต่อไปความหวังเดียวที่จะออกไปจากที่นี่คือผ่านบททดสอบบ้าๆ บอๆ นี่ซะ
และถ้าผ่านฉันก็ได้รับอัญมณีอีกอันมา.. สรุปโดนตามล่าอีก… ถ้าจะทิ้งไปอีกรอบคงเป็นทางเลือกที่ดี แต่ก่อนอื่นเลยมันจะทิ้งได้จริงเหรอ
อีกอย่างถ้าฉันเอาสองอันมารวมกันพวกนั้นคงเลิกตามล่าฉัน..
ถ้าฉันไม่พึ่งพาพลังของอัญมณีอเมทิสก็คงผ่านไปไม่ได้ ก็แหม ตอนนี้ฉันเป็นแค่เด็ก เวทมนตร์ในโลกนี้ก็ใช้ไม่เป็น
ที่ใช้เป็นมีแค่พลังมนตราไม่กี่อย่าง …
ทางเลือกเดียวฉันคือต้องเดินตามเกมที่ยัยผู้หญิงคนเมื่อกี้วางไว้สินะ
“เฮ้อ.. นี่มันจะหลุดกรอบเกมจีบหนุ่มเกินไปแล้วนะเฮ้ย..”
“นี่เธอพูดอะไร?”
“ช่างฉันเถอะน่า”
“แล้วพวกเราจะออกไปยังไงล่ะนิ?”
“ก็คงต้องเคลียร์บททดสอบบ้าบอคอแตกนี่แหละนะ..”
“งั้นเหรอ…”
“แต่ประเด็นคือจะใช้เวลานานแค่ไหนนั่นแหละ”
…………..
“ท่านแม่!ืยังไม่เจอเด็กคนนั้นอีกงั้นเหรอคะ นี่มันผ่านมาตั้งสามเดือนตั้งแต่ที่หายตัวไปแล้วนะ!”
“ใจเย็นๆ ก่อนสิ โนร่า พวกเราส่งกำลังคนไปสำรวจเหวไร้ก้นอยู่ตลอดนะ”
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังอ้อนวอนมารดาของตัวเองอยู่อย่างสุดความสามารถ เธอคือองค์หญิงของอาณาจักรไซลอปแห่งนี้
เป็นองค์หญิงลำดับที่สอง โนร่า เกรซ ดาร์โกน่า ซึ่งมีสิทธิสืบทอดราชบัลลังก์มากกว่าองค์ชายลำดับหนึ่งเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากมีคนสนับสนุนเธอเยอะกว่า
แต่เมื่อสาวเดือนก่อนเธอเลือกจะสละสิทธิ์สืบทอดราชบัลลังก์ไป.. เพราะถูกบังคับจากการลักพาตัวละนะ แต่เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่รู้กันแค่ภายใน
เพราะคนใหญ่คนโตดันเรื่องการลักพาตัวของขุนนางระดับดยุคที่หายตัวไปแทน กลายเป็นว่ามีไม่กี่คนที่รู้ว่าทำไมโนร่าถึงสละสิทธิ์สืบทอดราชบัลลังก์
ส่วนมารดาของเธอที่อยู่ตรงหน้ามีชื่อว่า วิเวียน เกรซ ดาร์โกน่า.. เธอเป็นราชินีของอาณาจักรนี้แม้เธอจะโกรธที่ลูกสาวถูกลักพาตัว
และสั่งให้ตามหาคนที่สนับสนุนให้ทำแบบนั้นก็ตาม.. ก็ไม่อาจจะตามหาได้ อีกอย่างคนที่เห็นดีเห็นงามด้วยอาจจะเป็นลูกอีกคนของเธอก็ได้
ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหนักใจขึ้นไปอีก .. คงเป็นเพราะเธอไม่สามารถมอบความรักและทัศนคติให้ลูกๆ ทุกคนได้ เด็กๆ ถึงกลายเป็นคนไม่ดี
เรื่องนี้วีเวียนไม่โทษใครนอกจากตนเอง ยังดีที่มีลูกสาวตัวน้อยของเธออย่างโนร่าที่คอยเชื่อฟังตำพูดเธออยู่เสมอ
แต่ในเหตุการณ์ลักพาตัวนั้น.. จากคำบอกเล่าของโนร่าวิเวียนก็ได้รู้ว่าเด็กสาวขุนนางที่ชื่ออนาสตาเซียพยายามจะช่วยลูกสาวเธอ ทั้งๆ ที่สามารถหนีออกมาได้ตัวคนเดียว
ยิ่งทำให้ราชินีรู้สึกดีกับอนาสตาเซียไม่มากก็น้อย แถมยังได้ยินว่าเธอหมั่นกับลูกชายคนที่สามของเธอไว้ด้วย
ยิ่งทำให้ความสนใจต่อเด็กคนนั้นมีมากขึ้น ทั้งความกล้าหาญและความใจดีของเด็กนั่นไม่เหมือนกับข่าวลือเลย
จริงๆ อนาสตาเซียเป็นเด็กที่เอาแต่ใจมากๆ คนหนึ่งเลยแหละ เห็นว่าเคยทำให้เมดคนหนึ่งโดนไล่ออกเลยทั้งๆ ที่เทมดคนนั้นเป็นคนใจดีมากๆ
การไล่เมดออกไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับขุนนาง แต่ชื่อเสียงด้านลบของอนาสตาเซียไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ชอบโดดเรียนที่บิดาให้อาจารย์มาสอน หรือชอบเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีแปลกๆ
สำหรับวิเวียนเด็กที่ชื่ออนาสตาเซียไม่ใช่เด็กที่ดี อันที่จริงตอนแรกเธอไม่ต้องการให้บุตรชายของเธอแต่งงานกันด้วยซ้ำ
แต่พอได้ฟังที่โนร่าพูด ความคิดเธอก็เปลี่ยนไป.. ผสมกับข่าวลือแย่ๆ ที่หลุดออกมามันหมายความว่าไง
ความไม่ชอบ ความชอบ ความสงสัย ก่อตัวเป็นความรู้สึกสนใจของราชินีวิเวียน… ทำให้เกิดความรู้สึกที่ว่า
เธออยากจะเจอเด็กคนนี้ดูสักครั้ง
แต่ว่าโอกาสที่เธอจะอยู่นั้นมีน้อยยิ่งกว่าน้อย แน่นอนว่าวิเวียนไม่กล้าพูดแบบนั้นกับลูกสาวสุดที่รักของเธอแน่นอน